ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5148 “อีกแล้ว”มันหมายความว่ายังไงคะ? 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5148 “อีกแล้ว”มันหมายความว่ายังไงคะ? 1
แม้เซวไจ่โจจะเป็นคนที่พูดคุยเก่งมาก ๆ แต่ทว่าคำพูดนี้กลับไม่มีความเว่อร์วังเลยแม้แต่น้อย
เขาเกษียณมานานหลายปีแล้ว ชีวิตหลังเกษียณพอเพียงและมั่งคั่ง แถมลูกหลานก็พยายามมุมานะเป็นพิเศษ เมื่อเขาอยู่ในช่วงวัยนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนใจไปเอาเอาใจคนอื่น ๆ อีกแล้ว
ส่วนเขานั้นก็เคารพเลื่อมใสและตื้นตันใจต่อชิวอิงซานมาจากหัวใจจริงจริง ๆ
ในยุคสมัยเมื่อปีนั้น การที่สามารถนำเงินที่มากมายขนาดนั้นออกมาช่วยเหลือมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศ เพื่อทำให้มหาวิทยาลัยดังกล่าวสร้างสรรค์พัฒนา อันที่จริงมันเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก ๆ เซวไจ่โจจึงจดจำอยู่ในหัวใจมาโดยตลอด
เมื่อชิวอิงซานเห็นว่าสีหน้าของเซวไจ่โจดูจริงจัง จึงเอ่ยปากพูดว่า: “จริง ๆ มันก็ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไรหรอก ปีนี้เหลนสาวของลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ คนหนึ่งของผมเพิ่งเรียนจบมัธยมปลายจากประเทศมาเลเซีย เดิมทีทางครอบครัวจัดแจงให้เธอไปเรียนต่อที่อเมริกาแล้ว แต่จู่ ๆ เธอก็เปลี่ยนความคิด อยากมาศึกษาต่อในหัวเซี่ย ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นของผมได้ยินมาว่าผมจะมาเยี่ยมเยียนในจินหลิง รู้ว่าผมมีบุพเพสันนิวาสบางอย่างกับต่อมหาวิทยาลัยจินหลิง จึงอยากให้ผมช่วยเธอประสานกับทางมหาวิทยาลัย ดูซิว่าทางมหาวิทยาลัยจินหลิงจะรับเข้าเรียนหรือไม่”
เซวไจ่โจถามอย่างตะลึง: “ท่านชิว เรื่องที่คุณจะบอก……คือเรื่องแค่นี้เองเหรอครับ?”
“ใช่”ชิวอิงซานผงกหัว: “ผมหวังว่าเธอจะสามารถมาเรียนหลักสูตรปริญญาบัณฑิตในมหาวิทยาลัยจินหลิงได้”
เซวไจ่โจตอบกลับอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องหยุดคิด: “ไม่ใช่เรื่องยากครับ เรื่องนี้เดี๋ยวฝากให้ผมจัดการเอง ผมจะไปประสานกับชินหยุน เรื่องแค่นี้เป็นแค่เรื่องที่ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากเองครับ”
ชิวอิงซานอมยิ้มแล้วพูด: “งั้นก็ดีแล้วครับ แบบนี้ถ้ากลับไปผมจะได้รายงานผลงานได้”
เซวไจ่โจรีบถาม: “แล้วเด็กวางแผนจะมาตอนไหนเหรอครับ?”
ชิวอิงซานตอบกลับ: “มาถึงแล้ว เมื่อกี้เธอนั่งอยู่บนรถไม่ได้ลงมา อุปนิสัยของเด็กผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างชอบสันโดษ ไม่ชอบงานที่มีคนเยอะ ๆ”
“เข้าใจครับ”เซวไจ่โจพยักหน้าก่อนจะเอ่ยปากพูด: “เอาแบบนี้เถอะครับ เดี๋ยวถ้าเกิดเราเยี่ยมชมเสร็จแล้วก็กลับอาคารวิชาการเลย จัดการเรื่องการเรียนของเด็กให้เสร็จเรียบร้อยก่อน”
“โอเค”ชิวอิงซานยิ้มพลางพูด: “งั้นก็ต้องลำบากให้คุณไปจัดแจงหน่อยนะครับ!”
หลินหว่านเอ๋อร์มองเขาชีเสียจากที่ไกล ๆ อยู่นานมาก ตัวเธอก็ใจลอยเล็กน้อยมาโดยตลอดเช่นกัน กระทั่งมีข้อความหนึ่งถูกส่งเข้ามาในโทรศัพท์เธอกะทันหัน เธอถึงจะดึงสติกลับมาอยู่กับปัจจุบัน
เธอเปิดโทรศัพท์ออกมาดู ข้อความดังกล่าวถูกส่งมาจากชิวอิงซาน เนื้อหาบนข้อความคือ: “คุณหนูครับ รบกวนคุณมาที่ออฟฟิศรับสมัครนักศึกษาตรงชั้น 4 ของอาคารวิชาการหน่อยนะครับ ผมรอคุณอยู่ที่ออฟฟิศหัวหน้า”
“ค่ะ”หลินหว่านเอ๋อร์ตอบกลับคำหนึ่ง จากนั้นก็มองเขาชีเสียอีกรอบ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปในอาคารวิชาการ
เธอเดินมาถึงชั้นที่สี่อย่างอ่อนช้อย และเจอออฟฟิศของหัวหน้าหลิว เคาะประตูแล้วไม่ได้ยินคนพูดอะไร ก่อนจะมองเห็นชายวัยกำลังคนคนหนึ่งเปิดประตูอย่างกะดือรือร้น
คนที่เฝ้ารออยู่ภายในห้องมาโดยตลอด ก็คือเจ้าของออฟฟิศห้องนี้นั่นเอง หัวหน้าหลิว
สิ่งที่น่าสนใจคือหัวหน้าหลิวในตอนนี้ เหมือนดั่งผู้ติดตามคนหนึ่ง ยืนอยู่ตรงทางเข้าประตูอย่างประหม่า
ส่วนวินาทีนี้ผู้ที่นั่งอยู่บนโซฟาที่หัวหน้าหลิวเพิ่งนั่งในเมื่อครู่นี้ คือคู่สามีภรรยาชิวอิงซานทั้งสองคน เซวไจ่โจผู้อำนวยการเก่ารวมไปถึงผู้อำนวยการคนปัจจุบัน จางชินหยุน
เมื่อเห็นว่าหลินหว่านเอ๋อร์เดินเข้ามา ชิวอิงซานจึงยิ้มพลางพูด: “มา เดี๋ยวผมขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกันก่อน คนนี้คือเหลนสาวของลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของผม หลินหว่านเอ๋อร์”
พอพูดจบ ก็พูดกับหลินหว่านเอ๋อร์อีกว่า: “หว่านเอ๋อร์ มาทำความเคารพผู้อำนวยการเชว ผู้อำนวยการจาง ส่วนท่านนั้นคือหัวหน้าหลิวที่อยู่ในสำนักงานรับสมัครนักศึกษา”
หลินหว่านเอ๋อร์แค่มองทั้งสามคนนั้นพลางพยักหน้าเงียบ ๆ ไม่พูดอะไร
โชคดีที่เมื่อกี้ชิวอิงซานกล่าวเตือนทุกคนแล้วว่าหลินหว่านเอ๋อร์เป็นคนที่มีอุปนิสัยชอบสันโดษ ไม่ชอบพูด ดังนั้นทุกคนจึงไม่ถือสาอะไร
จางชินหยุน ผู้อำนวยการคนปัจจุบันพูดอย่างกระตือรือร้น: “คุณหนูหลิน ผมให้หัวหน้าหลิวไปจัดเตรียมคำแนะนำสำหรับคณะและภาควิชาทั้งหมดในมหาวิทยาลัยจินหลิงของเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณดูผ่านตาก่อนครับ ดูซิว่าสนใจสาขาวิชาไหน”