ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5063 พิธีสำเร็จการศึกษา2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5063 พิธีสำเร็จการศึกษา2
แต่ว่า เย่เฉินย่อมบอกความจริงนี้ไม่ได้ ก็จึงพูดด้วยรอยยิ้ม“คุณพูดถูกที่รัก แม่เราให้ความสำคัญกับครอบครัวจริงๆ ”
เซียวชูหรันพูดด้วยรอยยิ้ม“เราออกเดินทางกันพรุ่งนี้เช้า ใช้เวลาสิบกว่าชั่วโมงก็ถึงบ้าน ถึงตอนนั้นชีวิตที่มีความสุขของพ่อก็น่าจะสิ้นสุดลง ”
ในขณะที่เซียวชูหรันกำลังเก็บกระเป๋า เย่เฉินก็แยกตัวมาที่ระเบียงของห้องเพรสซิเด้นท์สวีท โทรหาป้าหลี่ที่อยู่แคนาดา
ทันทีที่รับสาย ป้าหลี่ก็เอ่ยเรียกด้วยความเคารพ “คุณชาย!”
เย่เฉินอยากจะบอกป้าหลี่ว่าไม่ต้องเรียกตัวเองแบบนั้น แต่เมื่อมาขบคิด ก็จึงปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป
เขารู้ ต่อให้ตัวเองจะบอกป้าหลี่ว่าไม่ต้องเรียกตัวเองว่าคุณชาย แต่ก็เปลี่ยนแปลงความรู้สึกในใจของป้าหลี่ไม่ได้ ที่ตัวเองนั้นเป็นคุณชายของตระกูลเย่จริงๆ
บวกกับเธอเองก็คิดมาโดยตลอด ว่าตระกูลเย่นั้นช่วยชีวิตเธอเอาไว้ แล้วยังให้เธอได้มาใช้ชีวิตในวัยเกษียณที่แคนาดา ในใจของเธอ เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นเป็นคนรับใช้ของตระกูลเย่
ต่อหน้าคนที่ไม่รู้จักตัวตนของเย่เฉิน เธอจะฝืนเรียกชื่อของเย่เฉินตรงๆ แต่ในตอนที่ไม่มีคนอื่น เธอก็จะเรียกเย่เฉินว่าคุณชายอย่างเต็มปากเต็มคำ
ดังนั้น เย่เฉินก็จึงไม่หยิบยกเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก แต่พูดด้วยรอยยิ้ม“ป้าหลี่ หลักสูตรการเรียนของชูหรันในสหรัฐอเมริกา วันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว เราตั้งใจจะเดินทางกลับเมืองจินหลิงในวันพรุ่งนี้ ป้ากับเสี่ยวเฟิน และคลอเดียก็เตรียมตัวด้วยแล้วกัน พรุ่งนี้เรามาเจอกันที่นครนิวยอร์กนะครับ”
เมื่อป้าหลี่ได้ยินคำนี้ อดไม่ได้ที่จะพูดอย่างยินดี“เยี่ยมไปเลยค่ะคุณชาย ช่วงนี้ เสี่ยวเฟินก็เอาแต่พูดถึงเมืองจินหลิงกับป้า ป้าเองก็เฝ้าแต่คิดกังวลถึงแต่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของคุณ ในใจคิดอยากจะกลับบ้านเต็มทนแล้ว ”
เย่เฉินพูดด้วยรอยยิ้ม“อย่างนั้นก็ดีครับ ผมยังกังวลกลัวว่าป้าจะอยากอยู่ที่แคนาดานี้มากกว่าเสียอีก”
ป้าหลี่พูดอย่างจริงจัง“คุณชาย พูดตามตรง คนเราเมื่ออายุมากแล้ว ที่ไหนก็ไม่เหมือนที่บ้าน ยิ่งไปกว่านั้นกลับไปครั้งนี้ยังได้ทำอะไรเพื่อเด็กๆบ้าง ป้าก็ยิ่งจะอดใจรอไม่ไหวที่จะได้กลับไป ”
“อย่างนั้นก็ดีครับ”เย่เฉินนั้นโล่งอก และถามต่อ“เอ่อป้าหลี่ครับ เสี่ยวเฟินกับคลอเดียช่วงนี้เป็นยังไงบ้างครับ?”
ป้าหลี่ตอบ“เธอสองคนยังออกไปทำงานทุกวัน หลังจากเกิดเรื่องในครั้งนั้น ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองก็ดีมากขึ้น เหมือนพี่น้องกันเลยล่ะ”
เย่เฉินถาม“เรื่องกลับเมืองจินหลิง คลอเดียมีท่าทีไม่อยากจะไปด้วยหรือเปล่า หรือมีอะไรที่เป็นกังวลไหมครับ ?”
ป้าหลี่ครุ่นคิด แล้วเอ่ยพูดว่า“ตั้งแต่คุณไป คลอเดียเหมือนจะร่าเริงขึ้นมาก และเบิกบานไม่น้อย และเธอก็ยังคาดหวังที่จะได้ไปเมืองจินหลิงเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ แวนคูเวอร์นี้ มีความทรงจำที่เลวร้ายมากเกินไปสำหรับเธอ บวกกับแวนคูเวอร์มีฤดูฝนที่ยาวนานเกินไป ซึ่งทำเอารู้สึกห่อเหี่ยวใจอย่างมาก ”
พูดจบ ป้าหลี่ก็พูดต่อ“แต่ว่า เรื่องเดียวที่เธอน่าจะยังกังวลอยู่ ก็คงเป็นเรื่องหลุมฝังศพของพ่อแม่และน้องชาย เสี่ยวเฟินรับปากเธอ ในทุกๆปีของการปิดเทอมภาคฤดูร้อน จะกลับมาไหว้พ่อแม่เป็นเพื่อนเธอ เธอก็ไม่มีอะไรให้เป็นกังวลแล้ว”
“ครับ”เมื่อเย่เฉินได้ยินคำนี้ ก็ถึงได้รู้สึกเบาใจขึ้นมา
แม้เขากับคลอเดียจะไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันเท่าไร แต่เรื่องราวที่หญิงสาวได้พบเจอมานั้นทำเขารู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างมาก โดยเฉพาะคนในครอบครัวต้องมาตายด้วยน้ำมือของญาติ แต่เธอที่อายุสิบแปดปี กลับต้องมาแบกรับกับความอัปยศนี้ ทำแผลปลอมไว้ที่ใบหน้าให้ผู้คนได้เห็น สติปัญญากับความอดทนอดกลั้นนี้ เด็กสาวอายุสิบแปดทั่วไปทำมันไม่ได้แน่
โชคดีที่ตัวเองได้ช่วยคลอเดียแก้แค้น ไม่อย่างนั้นหญิงสาวคนนี้คงไม่สามารถจะใช้ชีวิตในแบบของคนปรกติทั่วไปได้เลย