ตอนที่ 10 เซโจ โมโนกาตาริ
“ห๊าว”
แสงสว่างที่ส่องผ่านช่องว่างของเปลือกตาที่เผยออกเล็กน้อยได้กระตุ้นปลุกจิตสำนึกของฉันอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนว่าจะเช้าแล้ว ฉันนึกย้อนความจำก่อนที่จะผล็อยหลับไปขณะหาวไปด้วย ตักของคุณพ่อทำให้หลับสบายขนาดนี้เลยงั้นเหรอ
“อืม……?”
―――― อาเร๊ะ? ทำไมฉันถึงได้มานอนอยู่บนเตียงกันล่ะ
ฉันขยี้ตาที่พยายามดำดิ่งสู่ความฝันอีกครั้งให้ตื่นขึ้น เมื่อทำเช่นนั้นทัศนวิสัยที่มองเห็นก็ชัดขึ้น ในที่สุดฉันก็ตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ในห้องของตัวเองโดยไม่รู้เหตุผล ความจำของฉันสับสนหรือเปล่าน่ะ
ไม่สิ เมื่อคืนฉันแน่ใจว่าได้บอกพ่ออีกครั้งเกี่ยวกับแผนอย่างละเอียด และจากนั้นก็การคาดเดาสาเหตุของความหิวโหยที่ฉันสังเกตเห็นจากที่ฟาร์ม และน่าจะเผลอหลับไปบนตัก และจำได้ว่าพูดราตรีสวัสดิ์แลกกันกับคุณพ่อ บางทีฉันคงถูกพาออกมาหลังจากนั้น
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ อริซซามะ”
“หาว………อรุณสาหวัด เบลล์”
ระหว่างที่ฉันจ้องมองเพดานครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ทันใดนั้นเสียงของเบลล์ซังก็เรียกสติฉันกลับมา เมื่อฉันหันไปมองพร้อมกับตอบกลับด้วยเสียงฟังดูน่าตลก ก็เห็นเบลล์ซังกำลังเปลี่ยนชุดจากชุดนอนเป็นชุดเมดตามปกติ
การที่เธอยังอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนชุด แปลว่าเบลล์ซังเองก็เพิ่งตื่นนอนได้ไม่นาน การที่ฉันได้เผยแผนการปฏิวัติไปเมื่อคืนจึงทำให้จิตวิญญาณสึกกร่อนไปไม่น้อย ฉันมั่นใจว่าตัวเองคงหลับยาวจากความเหนื่อยล้าอย่างแน่นอน แต่กลับดูเหมือนว่าจะตื่นเร็วกว่าที่คาดไว้
“ตื่นเช้าจังเลยนะคะ…..แต่จะนอนต่ออีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกนะคะ?”
“อืม”
เป็นข้อเสนอที่ดี แต่ว่าฉันในตอนนี้ที่พยายามจะเติมโตก็ตัดสินใจลุกขึ้น กุๆๆ ความสุดที่ได้ปลดเปลื้องร่างกายกลายเป็นการถอนหายใจออกจากปาก อาการอ่อนแรงราวกับด้ายขาดทำให้สองมือตกลงบนเตียงข้างตัว ทั้งที่ฉันไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหรือมีอาการแปลก ๆ อะไรเลย
“อึก ม๊ายเป็นร๊าย”
“เช่นนั้นหรือค่ะ ถ้าเช่นนั้น ดิฉันจะนำอาหารเช้ามาให้ในอีกสักครู่นะคะ”
“อืม ขอบกูณ”
เบลล์ซังยิ้มให้กับฉันที่กำลังขยี้ตาหลังจากที่หาวอีกครั้ง ก่อนถือถังกระโถนจากมุมห้องออกไปด้วย พูดไปแล้ว กระโถนที่นำมาใช้ในห้องของฉัน ได้เปลี่ยนจากอันเก่าไปเป็นตัวที่มองผ่านแวบแรกแล้วเหมือนกับเก้าอี้ธรรมดา แม้ว่าจะเคยชินแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกน่าอายหรือไม่ค่อยสะดวกอยู่ตรงไหนสักแห่ง บางทีเบลล์ซังอาจจะเล่าเรื่องสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนของฉันให้ฟัง คุณพ่อจึงนำ”สิ่งนั้น”ออกจากห้องของคุณแม่มาติดไว้ในห้องของฉัน
ดูเหมือนของที่คุณแม่ใช้ในยุคนั้น เมื่อมองจากภายนอกจะเหมือนโซฟาสำหรับหนึ่งคน อันที่จริงก็ดูเหมือนว่าจะใช้เป็นเก้าอี้จริง ๆ ได้ด้วย แม้ความรู้สึกจากใจจะไม่อยากยอมรับก็ตาม ส่วนหน้าออกแบบมาให้สามารถดึงเบาะตรงกลางที่นั่งออกมาได้ เมื่อถึงเวลาก็ดึงออกมาแล้วก็ให้นั่งลงตรงนั้น และเพราะฝาปิดหนามากจึงทำให้แทบไม่มีกลิ่นรั่วออกมาเลย ฉันชอบส่วนนี้มาก
และเหนือสิ่งอื่นใดคือ ไม่จำเป็นต้องมีอ่างน้ำแยกต่างหาก ด้านในของกระโถนดูเหมือนจะแบ่งออกเป็นหลายส่วน มีพื้นที่สำหรับเก็บน้ำสำหรับทำความสะอาดแยกจากส่วนที่ใช้กักเก็บ บริเวณที่เท้าเหยียบเมื่อนั่งลง ประมาณครึ่งล่างของด้านหน้านั่น คือที่ที่สามารถดึงออกเพื่อใช้น้ำสะอาดได้ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือรูปจานสำหรับตักน้ำอย่างดี จึงไม่ทำให้มือสกปรก ปริมาณของน้ำน้อยกว่าอ่างน้ำเนื่องจากปัญหาด้านพื้นที่ แต่ยังไงก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะมีการเปลี่ยนและทำความสะอาดทุกเช้าอยู่แล้ว ที่ห้องส่วนตัวในหอพักของโรงเรียนไม่มีการตั้งเอาไว้ให้ จะมีแค่ห้องน้ำชักโครกเวทมนตร์หนึ่งห้องสำหรับผู้ชาย หนึ่งห้องสำหรับผู้หญิง อยู่ในแต่ละชั้น แต่นั่นก็เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีราคาแพงมาก ยังไงก็ตามแทนที่จะใช้หินเวทมนตร์ กลับเป็นระบบที่ให้ผู้ที่ใช้เวทมนตร์แห่งน้ำได้มาเติมพลังเวทมนตร์เป็นครั้งคราวแทน ก็สมกับเป็นโรงเรียนเวทมนตร์หลวงอย่างที่คิดไว้ ทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นห้องน้ำที่ธรรมดาหรือหรูหราดี
“ยิ่งตอนเช้า…”
จู่ ๆ ฉันก็ได้สติขึ้นมาอีกครั้งว่าตัวเองกำลังพูดถึงเรื่องห้องน้ำอยู่นานอย่างเปล่าประโยชน์ แก้มของฉันเปลี่ยนเป็นสีแดงทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครเห็น เป็นนิสัยเสียของฉันที่ชอบคิดลึกเกินไปเมื่ออยู่ตัวคนเดียว แต่… ไม่สิ ก็คิดมากเกินไปจริง ๆ มีที่ไหนในโลกที่จะมีเด็กผู้หญิงอายุ 6 ขวบที่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องห้องน้ำมากขนาดนี้
“อะแฮม ฉันไม่ได้คิดอะไร อืม”
ฉันพยายามหนีความจริงด้วยการผลักความทรงจำตอนนี้ เข้าไปเก็บไว้ในลิ้นชักปิดผนึกสีดำสนิทในสมอง กลายเป็นประวัติศาสตร์มืดบทใหม่
…….ขณะทำเช่นนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังขึ้นบันไดมา ดูเหมือนว่าเบลล์ซังจะกลับมาแล้ว ทำงานได้อย่างรวดเร็วเหมือนอย่างเคย ราวกับกาลอวกาศถูกบิดเบือนรอบเบลล์ซังยังไงยังงั้น บางครั้งก็สามารถทำงานให้เสร็จได้ด้วยความเร็วที่ไม่เข้ากับร่างกาย เบลล์ซังบอกว่าเป็นเทคนิคที่สามารถทำได้ด้วยความรัก แต่ถ้าไม่ใช่ปัญหาก็ไม่เป็นไร
“ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะคะ อริซซามะ จะเข้าไปแล้วนะคะ”
“อืม”
อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้ห้องนี้ก็เป็นห้องส่วนตัวของเบลล์ซังด้วย ทำให้เบลล์ซังเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน วิธีที่เธอตอบโต้กับฉันตรงไปตรงมาขึ้นกว่าเดิม เช่น ตอนเข้าห้อง ซึ่งทำให้ฉันรู้สึกดีใจมาก ดีใจที่ระยะห่างใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ แต่ถ้าฉันบอกเรื่องนี้กับเบลล์ซังไป ฉันแน่ใจว่าเธอจะต้องถ่อมตนและกลับคืนสู่ความรู้สึกเดิม ดังนั้นฉันจะไม่พูดออกไป
“วันนี้มีแอปเปิ้ลด้วยนะคะ”
“แอปเปิ้ล~”
“ฟุๆๆ เป็นความรู้สึกที่น่าคิดถึงยังไงก็ไม่รู้นะคะ”
“เอ๊ะเฮะ นั่นสิ”
พูดถึงแอปเปิ้ลแล้ว เป็นผลไม้สดที่ฉันได้กินเป็นครั้งแรกในชีวิตที่รวมถึงชาติก่อนด้วย ก่อนที่จะได้พบกับแมเรียน และเบลล์ซังก็เหมือนจะรู้ว่าเป็นอีกผลไม้ที่ฉัน เพราะอารมณ์ที่ฉันแสดงออก เธอจึงเตรียมให้กินพร้อมอาหารเช้าทุกวัน เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นตอนนี้แล้ว ฉันก็รู้สึกว่าในเวลานั้นที่ฉันไม่เสียงออกไป เพราะยังไม่สามารถเข้าใจระยะห่างระหว่างกันได้ดีนัก ……ไม่สิ ฉันถูกล่ามโซ่เอาไว้มากกว่า
คิดถึงแล้ว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปมากในระยะเวลาเพียงแค่สองปี เวลาดูเหมือนจะทั้งเร็วทั้งยาวนาน เมื่อเวลาผ่านไปได้สักครู่ ฉันก็รับรู้ถึงน้ำหนักและความลึกซึ้ง
“……เช่นนั้นแล้ว อยากให้ทำอ้า~มเหมือนในตอนนั้นไหมคะ?”
“เอ๊ะ”
“เอ๊ะ”
ขณะที่ฉันกำลังทานขนมปังกับซุปอยู่เงียบ ๆ จู่ ๆ เบลล์ซังก็ถามแบบนั้นมา ซึ่งกระทันหันมากซะจนความคิดฉันติดขัดโดยไม่ตั้งใจ
….อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิ แม้แต่ฉันก็ยังมีความอายและความภูมิใจตัวเองอยู่เหมือนกันนะ ก่อนอื่นเลย ใช่แล้ว ในเวลานั้น ฉันยังเป็นเด็กอายุแค่ 4 ขวบ มีความสับสน และความวิตกกังวลหลากหลายที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย แต่ตอนนี้ฉันอายุ 6 ขวบแล้ว ผ่านทั้งโรงเรียนและการปฏิวัติมา หัวใจของฉันเติบโตมากกว่าครั้งนั้นมาก ――――
“ไม่ต้องการกันแล้วสินะคะ อริซซามะ…….?”
“อ้า~ม”
เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างไปก่อน เพราะความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันคือ ถูกตามใจโดยเบลล์ซัง และฉันก็แน่ใจว่าความสุขสูงสุดของเบลล์ซังก็คือการตามใจฉัน ความสุขที่มากที่สุด ของคนจำนวนมากที่สุด (หลักมหสุข) ความภูมิใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของฉันจึงถูกเสียสละไป ฉันจะไม่ให้เป็นการเสียสละที่เสียเปล่าแน่นอน
“ฟุๆๆๆๆๆๆๆๆ อริซซามะ? ค่ะ อ้า~~~ม!”
“อ้า~~~ม”
ความหวานของเครื่องหมายหัวใจที่เอ่อล้นในห้องแผดเผาหน้าอกจนฉันไม่รู้รสชาติของแอปเปิ้ล ไม่มีอื่นใดนอกจากความหวาน มีแม้กระทั่งความรู้สึกเวียนหัวแปลก ๆ มีใครบางคนเคยกล่าวว่า เรื่องกินสำคัญกว่าเรื่องโรแมนติก แต่ตอนนี้ เรื่องโรแมนติกกลับสำคัญกว่าเรื่องกิน ฉันชอบเบลล์ซัง
“เบลล์…..”
“อริซซามะ……..”
“อรุณสวัสดิ์ค๊า ฮิเมะตื่นแล้วสินะค………ขอประทานอภัยเป็นอย่างสูงเจ้าค่ะ”
ฉันกับเบลล์ซังจ้องตากันโดยมีเพียงความกว้างของแอปเปิ้ลชิ้นเล็กคั่นกลาง ประตูที่มิร่าซังเปิดอย่างสุภาพถูกปิดลงเงียบ ๆ ราวกับกำลังได้ดูการเล่นภาพย้อนกลับ คราวนี้แม้แต่เบลล์ซังก็ตัวแข็งทื่อเหมือนกัน เบลล์ซังที่เป็นคุณเมดสุดสมบูรณ์แบบคนนั้น ถูกแช่แข็งสมบูรณ์แบบในพริบตา ฉันสับสน
“มิร่า~~! รอก่อน!”
“มิแรนด้าซัง นี่ไม่ใช่แบบที่คิดหรอกนะคะ!”
“ไม่ค่ะๆๆๆ ได้โปรดอย่าสนใจข้าเลยค่ะ เชิญใช้ช่วงเวลาเลิฟ ๆ กันได้เต็มที่เลยค่ะ”
มิร่าซังตอบกลับด้วยน้ำเสียงมั่นใจอย่างล้นเหลือมาจากอีกฟากหนึ่งของประตู ไม่สิ เป็นการตอบสนองที่ไม่ใช่การตอบกลับ ไม่ใช่การสนทนาด้วยซ้ำ ฉันหมายถึงที่พูดว่าเชิญใช้ช่วงเวลาเลิฟ ๆ กันได้เต็มที่
เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดของมิร่าซัง ฉันลุกจากเตียงและเปิดประตู
“ฮิเมะ…….แน่ใจแล้วหรือคะ?”
“อะ อืม……”
“ขอรบกวนด้วยนะคะ ขออภัยด้วยค่ะ!”
ไม่จำเป็นต้องทำหน้าเหมือนเสียใจไปตลอดชีวิตขนาดนั้นก็ได้ ฉันเชิญมิร่าซังที่ไหล่ตกอยู่ตอนี้เข้ามาในห้อง และประตูก็ปิดลงอีกครั้ง
คิดว่าคงมีธุระอะไรบางอย่างถึงได้มาหาฉันที่ห้องแต่เช้าแบบนี้ แต่จากสถานการณ์ที่เห็น ฉันไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วนอะไร
“มีอะไรเหรอ”
“มาดูหน้าฮิเมะยามหลับไหลค………”
“มิแรนด้าซัง”
“ล้อเล่นค่ะ เพราะเรื่องที่ได้ยินเมื่อวาน จึงมาเยี่ยมเพื่อดูอาการค่ะ”
มิร่าซังพูดพลางเกาแก้มอย่างเขินอาย เห็นได้ชัดว่าเธอมาหาฉันด้วยความกังวล ตัวฉันเองตอนที่ตื่นนอนยังคิดเลยว่าตัวเองต้องอ่อนล้าอย่างสุด ๆ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากเบลล์ซังและมิร่าซังจะคิดแบบเดียวกัน แต่ก็อย่างที่เห็น ฉันสบายดีอย่างไม่น่าเชื่อ
ยังไงก็ตาม ฉันก็รู้สึกดีใจมากที่ถูกเป็นห่วง รอยยิ้มจึงผุดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
“ม๊ายเป็นร๊าย แข็งแรง”
“ค่ะ ดูเหมือนจะเป็นดังนั้น ข้ารู้สึกโล่งใจมากจริง ๆ !”
ฉันขอบคุณและยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนที่จะกลับมาที่เตียงตามเดิม ทันทีที่ฉันนั่งลง เบลล์ซังก็นั่งลงประจำที่เดิม มิร่าซังดูเหมือนจะยังลังเลอยู่เล็กน้อย ฉันจึงตบเตียงและเรียกเธอมา พวกเราทั้งกินข้าวและนอนด้วยกันในหอพักมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องลังเลไปเลย
“……รู้สึกถึงความเอาแต่ใจในคำพูดเลยค่ะ”
“อืม”
ซ้า ยังอยู่ระหว่างอาหารเช้า เมื่อเหลือบมองจานแล้วพยักหน้า เบลล์ซังก็หยิบแอปเปิ้ลขึ้นมาทันที
…….อะ สถานการณ์เดิมยังดำเนินต่อไป ไม่สิ อืม ออกจะน่าอายเล็กน้อย ม๊า แต่มาจนถึงป่านนี้แล้ว ตอนที่เบลล์ซังพยายามป้อนเข้าปากของฉัน จู่ ๆ มิร่าซังก็พึมพำออกมา
“อาโน๊…..ข้าเอง ก็ขออ้า~มกับฮิเมะบ้าง ได้ไหมคะ?”
“เอ๊ะ”
“เอ๊ะ”
“เอ๊ะ”
ราวกับภาพฉายซ้ำของฉากก่อนหน้านี้ หลังจากที่หลุดเสียงออกมาโดยไม่ตั้งใจกัน เบลล์ซังก็มองด้วยสายตาว่านั่นคือหน้าที่ของฉัน มิร่าซังตอบสนองด้วยการมองมาที่ฉันด้วยใบหน้าท้อแท้ …..อ้า~มไม่ได้เป็นของพิเศษอะไร
เม๊ะ และเมื่อส่งสายตาไปให้ เบลล์ซังก็ยอมแพ้ และความรู้สึกผิดแปลก ๆ ที่ทำให้พูดอะไรไม่ออก
“ได้สิ อ้า~ม…….”
“ฮิเมะ……..อ้า ข้าอยากมองแบบนี้ตลอดไป ไม่อยากป้อนแอปเปิ้ลเลยค่ะ”
“มิแรนด้าซัง”
“ค่ะ”
เป็นเรื่องราวที่แปลกที่จำเป็นต้องให้ฉันอนุญาตก่อนถึงจะให้ฉันกินได้ เดิมทีก็เป็นคำขอจากฝั่งฉันเอง ถึงอย่างงั้นฉันก็ยอมรับแต่โดยดี โดยไม่ได้ต่อต้านใด ๆ ดูเหมือนว่าฉันจะค่อนข้างคุ้นเคยกับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับข้ารับใช้ขึ้นมากแล้ว ถึงถ้าพูดกันตามจริงแล้ว จะห่างไกลจากความสัมพันธ์ของข้ารับใช้กับเจ้านายทั่วไป
“หวาน”
มุ๊กิ๊ว มุ๊กิ๊ว ฉันกลิ้งแอปเปิ้ลจากมือมิร่าซังเข้าสู่ลิ้น คราวนี้รู้สึกได้ถึงรสชาติที่เข้มข้น ถึงจะบอกว่าหวาน แต่ก็เป็นความหวานที่แตกต่างไปเล็กน้อย เป็นความหวานจาง ๆ ที่ทำให้รู้สึกสดชื่น แน่นอนว่าผลไม้ที่อร่อยที่สุดยังคงเป็นแมเรียน แต่ว่าแอปเปิ้ลก็เป็นของกินที่เหมาะต่ออาหารเช้าที่ยากจะทิ้งไปได้เช่นกัน และในทันใด
“อริซซามะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เพราะเป็นอริซซามะไม่ใช่ใครอื่นจึงไม่เป็นไรค่ะ แค่นื้ก็เพียงพอแล้ว”
“ฟุเอ๊ะ”
เมื่อมองผ่านแวบแรก คำพูดที่กะทันหันของเบลล์ซังทำเอาฉันไหล่สะดุ้ง นี่ฉันอ่านง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ
ใช่ ฉันนึกความเป็นจริงได้ว่าตอนนี้ ฉันสามารถกินข้าวเช้าไปพร้อมกับหัวเราะด้วยกันกับเหล่าคนที่ฉันรักได้อยู่ แต่ในช่วงเวลานี้ ประชาชนทั่วไปอย่างแฮงค์ล็อตเต้ซัง และคลอริน่าซัง ต่างก็ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะสามารถใช้ชีวิตได้ในทุกวันนี้ …….แน่นอนว่าอาหารในสภาพปัจจุบันก็มีส่วนผสมที่ถูกแทนที่ด้วยอย่างอื่นที่เหมาะสมเข้ามา ตัวอย่างเช่น ซุปที่ดื่มโดยไม่คิดอะไร ก็มีปริมาณของส่วนผสมที่แตกต่างไปจากเมื่อสองปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด
ยังไงก็ตาม ขนมปังและซุปยังคงถูกจัดเตรียมอย่างดี และมีแม้กระทั่งผลไม้วางเรียงอยู่ด้วย นี่คงไม่ใช่ความหรูหราสินะ ฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น
“อริซซามะทำดีที่สุดแล้วค่ะ แต่ถึงอย่างงั้นหลังจากนี้คงมีงานหนักรออยู่ไม่น้อยเลยค่ะ ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว แต่เพื่อพวกเรา……..เพื่อประชาชนของราชอาณาจักร”
ฉันไม่สามารถพูดได้ว่า ไม่ใช่ ฉันสามารถพูดเล่นแง่ให้สับสนได้ว่าจุดประสงค์ของฉันคือความเห็นแก่ตัวที่อยากหัวเราะไปกับทุกคน แต่ความปรารถนาที่จะช่วยเหลือผู้ที่ทุกข์ทรมานจากสภาพที่เป็นอยู่ก็เป็นความจริงเช่นกัน ถ้าเช่นนั้นจะไม่ใช่เรื่องของการทำความเข้าใจอีกต่อไป และถ้าปฏิเสธที่นี่ก็มีแต่จะทำให้เบลล์ซังกับคนอื่น ๆ ต้องแบกรับความกังวลไว้บนหลังมากเกินไป
“ดิฉันจะไม่ยอมให้ใครมาบ่นว่าอริซซามะที่เพลิดเพลินกับอาหารเช้าอย่างละเมียดละไมเด็ดขาด ดิฉันไม่อนุญาต”
“……..ถูกต้องแล้วค่ะ ฮิเมะ นอกจากนี้หากท่านล้มป่วยในยามฉุกเฉินเพราะทานอาหารไม่เพียงพอ นั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนรอบตัวต้องเจ็บปวดมากกว่าเป็นไหน ๆ เลยค่ะ”
เบลล์ซังและมิร่าซังช่วยกันแนะนำด้วยความอ่อนโยนและใจดี ฉันเคี้ยวแอปเปิ้ลที่ยังเหลืออยู่ในปาก ฉันกลืนลงท้องเรียบร้อย
…..ถูกต้อง หากมาป่วยเอาตอนนี้จะไม่ตลกเอาซะเลย เกี่ยวกับเรื่องนี้ อาจจะไม่เป็นการดีที่จะคิดมากเกินไป ไม่รู้แบบนี้จะดีไหม ต้องคิดว่าการพยายามทำให้ดีที่สุดขนาดนั้น ต้องได้รับผลตอบแทนแน่นอน
และฉันแน่ใจว่า ความสามารถทางจิตใจของฉันใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว เมื่อกี้อาจจะกำลังหัวเราะอยู่ แต่ไม่นานก็จะทำหน้ามืดมนแบบนี้ ไม่มั่นคงพอที่จะให้คิดเรื่องจริงจังแล้ว ฉันสามารถเข้าใจได้เองโดยไม่ต้องรอให้ใครมาบอก แล้วก็อย่างที่พวกเธอบอก ต่อจากนี้ไปภาระมีแต่จะเพิ่มขึ้น ไม่มีประโยชน์ที่จะเพิ่มขึ้นมาเอง คิดยังไงก็มีแต่ข้อเสีย
“……อืม”
ฉันส่ายหัวไล่ตามความคิดที่พยายามวิ่งเข้าหาความคิดทางลบ กลิ่นของแอปเปิ้ลที่ไหลมาพร้อมการถอนหายใจช่วยคืนชีพอย่างนุ่มนวล ฉันพยายามทำตัวให้สดใสให้มากที่สุด ฉันไตร่ตรองความสุขที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ……?”
“อืม ขอบกุณ!”
…..และ
ฉันยิ้มตอบกลับให้กับทั้งสองคนที่ยิ้มให้อย่างโล่งใจ
“หืม…….?”
“ฮัททีเรียซามะ หรือเปล่านะ?”
ฉันได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งอย่างรุนแรงที่ทำให้ความอบอุ่นในชีวิตประจำวันหายวับไปในชั่วพริบตา ในที่สุดเสียงนั้นก็มาถึงที่หน้าห้องแล้วหยุด ――――แก๊ก
ประตูถูกเปิดโดยไม่ต้องเคาะ เจ้าของดวงตาที่เบิกกว้างสูญเสียความเยือกเย็นไป คือ
“จะ จี่ซามะ!?”
“แม็กพ็อดซามะ?”
“ที่นี่ทำไมถึงได้”
ไม่นานหลังจากถามออกไป คุณพ่อและพวกคาลเมียร์ซังที่ปรากฎตัวช้ากว่าเล็กน้อยก็ยืนเรียงกันที่ด้านหลัง
………อ้า อ้า ไม่จำเป็นต้องพูดก็เข้าใจได้ ริมฝีปากถูกกัดแน่น ความเงียบอันหนักหน่วง แววตาที่ส่งมาถึงฉันได้บอกทุกอย่าง
“ฟู๊ว”
“อริ ส………”
“……..อืม”
จุดจบได้เริ่มขึ้นแล้ว ……….ไม่สิ ฉันจะทำให้จบเอง
“พายุสีดำ”ที่ขโมยความสุขของพวกฉัน ของราชอาณาจักรไป เหมือนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ในตอนนั้น
“เพื่อความสุข ที่ทุกคน หัวเราะด้วยกัน”
――――ซ้า มาเริ่ม”เทพนิยาย”ของพวกเรากันเถอะ
MANGA DISCUSSION