[นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์ - ตอนที่ 21 เหตุใดบุตรีขุนนางผู้ทรงเกียรติเช่นเธอจึงกลายเป็นแสงสว่างให้ประชาชน ตอนที่ 1 ตื่นขึ้นและฝืนยิ้ม
- Home
- [นิยายแปล(WN)] ノブリス・オブリージュ เหตุใดโลลินีทเช่นเธอจึงถูกเรียกว่าโลลิศักดิ์สิทธิ์
- ตอนที่ 21 เหตุใดบุตรีขุนนางผู้ทรงเกียรติเช่นเธอจึงกลายเป็นแสงสว่างให้ประชาชน ตอนที่ 1 ตื่นขึ้นและฝืนยิ้ม
บทที่ 2 เหตุใดบุตรีขุนนางผู้ทรงเกียรติเช่นเธอจึงกลายเป็นแสงสว่างให้ประชาชน
ตอนที่ 1 ตื่นขึ้นและฝืนยิ้ม
“อริซ? เข้าไปได้ไหม……..?”
“….ก่ะ”
ดิฉันขออนุญาตไปบอกทุกท่านว่าอริซซามะฟื้นแล้วก่อนนะคะ และหลังจากที่เบลล์ซังออกจากห้องไปได้ครู่หนึ่ง ก็มีเสียงเคาะประตู และเสียงขอเข้าห้องจากคุณพ่อ
ฉันรู้สึกฟุ้งซ่านนิดหน่อย เนื่องจากฉันหลับไปถึงสามวันจากอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการใช้เวทมนตร์
ฉันเดาว่าคุณพ่อจะต้องเป็นกังวลมากๆอย่างแน่นอน
ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมานี้ จะเรียกมันว่าการตอบสนองที่เป็นกังวลเกินกว่าเหตุได้รึเปล่านะ เมื่อคุณพ่อเปิดประตูและเดินเข้ามาในห้อง ดูเหมือนว่าจะมีสีหน้าที่คลายกังวลลงบ้างแล้ว
“…..ลูกยังเจ็บอยู่ไหม?”
ฉันพยายามลุกขึ้นนั่งเพื่อให้คุณพ่อที่ถามอยู่ข้างเตียงสบายใจ
“ม๊ายเป็นรัยแล้ว……ก่ะ”
ไม่เป็นไรแล้ว และทันทีที่พูดแบบนั้น อาการปวดที่หลังก็แล่นแป๊บขึ้นมาทันที มันเจ็บจนฉันเผลอหลับตา น้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆที่คิดว่าหายดีแล้วแท้ๆ
เมื่อฉันเปิดตาขึ้นอีกครั้ง ก็เห็นคุณพ่อมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา
รู้สึกว่าจะได้ผลตรงข้ามอย่างสมบูรณ์แบบ
“หยุดเลย หยุด ลูกไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอกนะ…. ถ้าลูกฝืนมากเกินไป ลูกจะทำให้แผลเปิดออก”
“…..อืม”
ฉันทำตามอย่างว่านอนสอนง่ายต่อหน้าความกังวลที่รุนแรง แม้ว่าฉันจะพาร่างของตัวเองที่กำลังพยายามลุกขึ้นกลับลงนอนบนเตียงอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจ
คุณพ่อมองที่หลังของฉันที่ค่อยๆนอนลงอย่างไม่วางตา บางทีคงกำลังตรวจดูสภาพของผ้าพันแผลบนหลัง หลังจากมองไปสักพัก คุณพ่อก็มีใบหน้าที่โล่งใจเล็กน้อยที่เห็นว่าไม่มีเลือดออก
“อริซ ……พ่อขอโทษ พ่อควรจะอยู่ที่นั้นกับลูก”
เห็นได้ชัดว่าคุณพ่อรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้ตามไปด้วย ถ้าคุณพ่อตามไปด้วยก็จะเหมือนมีอัศวินถึงสองคน สถานการณ์อาจมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย หรือไม่บางทีก็อาจจะแย่ลงยิ่งกว่าเดิมอีก แต่สุดท้ายมันก็เป็นแค่การคาดเดาไปเองของฉัน เพราะเรื่องทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว
ดังนั้นคุณพ่ออย่ากังวลเรื่องนั้นเลย
“อืออึ ทุกคนยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้น ม๊ายเป็นรัยก่ะ”
“……อริซ”
แล้วคุณพ่อก็มองลงมาพร้อมส่งเสียงเศร้าๆ
“คนที่ทำให้ลูกต้องบิดเบี้ยวแบบนี้คือพ่อ……คือข้าเอง ดังนั้นนั้นเป็นเหตุผลที่ข้าต้องพูด”
“หืม?”
คุณพ่อกุมมือฉันไว้แน่น ก่อนจ้องตาอีกครั้ง
“ลูกอย่าได้คิดว่าตนเองไร้ค่าเด็ดขาด………”
“เอ๊ะ”
“ทั้งข้าทั้งเบล และอลิเซีย ทุกๆคนรอบตัว ต่างรักอริซกันอย่างจริงใจ อริซ ลูกคือสิ่งล้ำค่าที่สุดของที่นี่ เป็นดังเสาค้ำจุน”
“เอ๊ะ?”
คุณพ่อพูดด้วยความเศร้าพร้อมหลั่งน้ำตา แต่ฉันไม่เข้าใจความหมายของเรื่องที่ได้ยินเลย
ฉันรับรู้ได้อย่างแม่นยำถึงความรักที่ถูกมอบให้อย่างมากเล้นเกินพอดีไปนิดหน่อย ถึงแม้ว่าฉันจะเคยคิดว่าตัวเองล้มเหลว น่ารำคาญ แต่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าเลยแม้แต่น้อย นั้นเพราะมันจะเป็นการทรยศต่อความรักที่ได้รับมา
คุณพ่อเอาแต่พูดว่าขอโทษ ขณะที่จับมือฉันด้วยใบหน้าอมทุกข์ แต่คุณพ่อเข้าใจผิดแล้ว
……ไม่สิ อ้า แบบนั้นเอง แล้วฉันก็เข้าใจในฉับพลัน เวทมนตร์ “พันธสัญญาณ” นั้น หากมองจากภายนอกมันก็ดูเหมือนว่าเป็นการเสียสละตัวเองอย่างแน่นอน บางทีมันอาจจะเคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาในอดีตแล้วก็ได้
แต่ว่ายังไงซะฉันก็ไม่มีความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะฉันคิดอย่างดีแล้วตัวเองสามารถแบกรับบาดแผลของเบลล์ซังเอาไว้ได้อย่างแน่นอน แต่ก็ไม่มีข้อสงสัยถึงคุณค่าของตัวเองหรอกนะ ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นความรู้สึกที่เกิดจากความรู้สึกรักอันแข็งแกร่งที่ฉันมีให้ต่อเบลล์ซังอย่างแท้จริง
ฉันต้องรีบแก้ไขความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้น
“หนูเข้าใจ ก่ะ แต่ ผิดแล้ว หนูชอบทุกคน ดังนั้น”
คุณพ่อเบิกตากว้าง เขาต้องสังเกตเห็นถึงความเข้าใจผิดของตัวเองแล้วแน่ๆ
ดีจัง ความเข้าใจผิดถูกแ――――
“――――………อ้า อริซ…….. !”
……..ความเข้าใจผิดถูก…….
“ได้โปรดอย่าแบกรับความเสียสละอันน่าเศร้าเอาไว้เลย …..ข้าแน่ใจว่าสักวันลูกจะสามารถรักตัวเองได้อย่างแน่นอน!”
“…….อะเร๊ะ?”
มันไม่ได้ถูกแก้เลยสักนิด
อุโอออออออ อริซ อริซ แถมยังกลายเป็นว่า คุณพ่อกอดฉันและเริ่มร้องไห้ไหด้วยลูบหลังฉันไปด้วย
…….ไม่ไหวแล้ว ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดีอีกแล้ว
ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนอื่นๆคิดยังไงกับคำพูดของฉัน พวกเขาคิดไปถึงไหนกัน
“ยะ อย่าร้องไห้ จ่านพ่อ”
“ถึงขนาดนี้แล้ว ยังเรียกข้าว่าพ่ออยู่ยังงั้นเหรอ อริซ……พวกพ่อจะ ทำให้ลูกมีความสุขให้ได้เลย….!”
“อะ อืม ขอบกุณ……?”
ม๊า ตอนนี้พวกเรามาทิ้งเรื่องเข้าใจผิดกันไปคนละทางเล็กๆนี้ไปก่อนดีกว่า บางทีคุณพ่อคงสะสมความเครียดจากความกังวลเอาไว้ตลอดอย่างแน่นอน นับตั้งแต่เรื่องที่ลูกสาวถูกใครบางคนโจมตีด้วยอาวุธที่หาที่มาไม่ได้ ทั้งเรื่องที่ฉันใช้เวทมนตร์บิดผันย้ายบาดแผลสาหัสในตอนท้าย สุดท้ายก็นอนหลับไม่ได้สติอีกหลายวัน
ฉันไม่เข้าใจความรู้สึกเท่าไร เพราะไม่เคยมีลูกสาว แต่ถ้าเกิดเวทมนตร์ในตอนนั้นไม่ได้ผล แล้วเบลล์ซังเป็นอะไรไปล่ะก็ ฉันเองก็คงนอนไม่หลับและร้องไห้อยู่ข้างๆเธอทุกคืน
และคุณพ่อของฉันที่เป็นผู้ปกครองคฤหาสน์หลังนี้ เป็นขุนนางและลอร์ดจ้าวดินแดน ทำให้ไม่สามารถเปิดเผยด้านที่อ่อนแอออกมาให้คนอื่นๆเห็นได้ ทำให้อารมณ์ที่อดกลั้นมาทั้งหมดถูกปล่อยออกมาในขณะนี้ ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดและการร้องไห้
หากเมื่อสงบใจเย็นลงได้ ความเข้าใจผิดนี้จะได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน มันจะต้องเป็นแบบนั้น
“ม๊ายเป็นรัยน๊า ม๊ายเป็นรัยน๊า”
“อริซ อริซ……………………….. !”
ฉันพูดแบบนั้นให้ด้วยตัวเอง คุณพ่อล้มลงที่ปลายเตียงและระเบิดอารมณ์ด้วยความรู้สึกผิดและเหตุผลบางอย่าง ฉันทำได้แค่ยิ้มเล็กๆ เพื่อให้ใจเย็นลง ครั้งนี้ฉันเลยลูบหัวคุณพ่อเหมือนที่คุณพ่อเคยลูบให้ฉันอยู่เสมอๆ
หลังจากร้องไห้ระบายความเครียวอยู่สักพัก คุณพ่อก็หน้าขึ้นพร้อมเช็ดหน้า
“ขอโทษด้วย…..พ่อค่อนข้างจะสบายใจขึ้นแล้ว”
“ม๊ายเป็นรัยก่ะ”
ฉันพูดแบบนั้นพร้อมพยายามยิ้มให้อ่อนโยนให้มากที่สุด แล้วคุณพ่อก็หัวเราะ
“……ว่าแล้วเชียว ลูกได้รับสืบทอดสายเลือดของอลิเซียมาอย่างเต็มเปี่ยม……ลูกดูเหมือนแม่มากเลยนะ”
“จ่านแม่?”
“อ้า มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่แม่ของลูกก็ช่วยปลอบให้พ่อใจเย็นลงเวลาร้องไห้ด้วยวิธีนี้อยู่บ่อยๆ”
“เหรอกะ”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง พอฉันได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกมีอะไรมาดลใจให้นึกภาพคุณพ่อกำลังร้องไห้อยู่กับคุณแม่ที่ฉันไม่รู้จักใบหน้า แต่ถึงยังงั้นมันก็ทำให้ฉันคลี่ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
มันจะต้องเป็นความทรงจำที่น่ารัก และสำคัญสำหรับทั้งคู่อย่างแน่นอน
“……ใช่แล้ว อริซ”
“กะ”
เมื่อคุณพ่อกลับมาจากการระลึกความทรงจำ เขาก็เอ่ยปากพูดทันที
“เร็วๆนี้ใกล้จะเป็นวันเกิดของลูกแล้ว”
“อืม”
ใช่แล้ว ฉันหลับไปสามวัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด วันเกิดของฉันก็ใกล้เข้ามาแล้ว หรืออาจจะเป็นวันพรุ่งนี้เลยก็ได้
คุณพ่อยังพูดต่อด้วยอารมณ์ที่ลึกซึ้ง
“ตอนแรกพ่อจะให้จัดงานเลี้ยงที่ห้องโถงใหญ่ แต่ว่าถ้าให้ลูกไปทั้งๆแบบนี้น่าจะลำบากเกินไป”
“…..อืม”
ฉันรู้ดี จากที่พยายามฝืนบังคับให้ร่างกายตัวเองลุกขึ้นนั่งก่อนหน้านี้ ตอนนี้ฉันทำให้แค่เพิ่งจะขยับได้เล็กน้อย ไม่มีทางที่จะสามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ทั้งๆที่ความเจ็บปวดพุ่งทะลุไหล่แบบนี้
“ดังนั้น พ่อเลยจะจัดงานเลี้ยงทานอาหารกับทุกคนที่นี่ ในห้องของอริซ”
“ทุกคน ที่นี่?”
“อ้า ไม่เพียงแค่พ่อ มีเบลล์กับเหล่าเมด แน่นอนว่ามิแรนด้าด้วย ลาบริกซ์……ติดงานเลยคงมาไม่ได้ แต่นั้นสินะ ซิสเตอร์คลอริน่าเองก็เป็นห่วงลูกมากๆ ถ้าอริซไม่ว่าอะไร พ่อก็จะให้เธอมาด้วย”
แบบนี้นี่เอง ถึงจะไม่สามารถจัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่ที่หรูหราฟุ่มเฟือยได้ แต่พวกเราก็สามารถรวมตัวพูดคุยกันในห้องนี้ได้ แถมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากด้วย มันอาจจะดูหยาบคายนิดหน่อยที่จะนอนอยู่บนเตียงคนเดียว แต่ฉันก็ไม่สามารถลุกได้จริงๆ มันเป็นปัญหาที่ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
และการที่ทุกคนจะมาที่นี่เพื่อฉลองวันเกิดให้ฉันโดยเฉพาะ มันทำให้ฉันรู้สึกซาบซึ้งมากๆ จนรู้สึกดวงตาร้อนๆเปียกชุ่ม
ฉันพยักหน้าตกลง ในขณะที่ซ่อนหน้าไว้หลังคู่หูที่ถูกจับขึ้นมา แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
“อืม………”
“เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่พ่อจะฉลองวันเกิดให้กับลูกสาวของตน …..พ่อเองก็เหมือนกัน ในที่สุดก็สามารถทำหน้าที่ของพ่อได้ ขอบคุณมากนะอริซ ที่ให้พ่อได้ฉลองวันเกิดให้กับลูกในฐานะของพ่อ”
คุณพ่อมองฉันอย่างจริงใจ ฉันรู้สึกได้ว่า เขาคือ〝พ่อ〟ของฉันอย่างแน่นอน
ความชุ่มชื้นในดวงตาเพิ่มล้นด้วยไม่รู้ตัว ฉันกอดคู่หูให้แน่นยิ่งขึ้น และตอบกลับเสียงค่อยด้วยความรู้สึกที่ตรงไปตรงมา
“ขอบ กุณก่ะ …….จ่านพ่อ”
“อ้า พ่อรักลูกน่ะ อริซ”
“…..หนู ก็เหมือนกัน”
หลังจากนั้นพวกเราก็นิ่งเงียบกับอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะมีเสียงเคาะประตูราวกับเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไม่สิ เป็นการเคาะที่คาดเดาเวลาที่เหมาะสมเอาไว้แล้วต่างหาก เบลล์ซังนั้นเอง
“ขออนุญาตค่ะ อริซซามะ ฮัททีเรียซามะ”
“ขออนุญาตค่ะ!”
ประตูเปิดออก และมีคนก้าวเข้ามาสองคน คาลเมียร์ซังตามเข้ามาด้วย
ถาดอาหารเช้าอยู่ในมือของพวกเธอ สำหรับฉับกับคุณพ่อสินะ ยังเป็นคนที่เอาใจใส่เช่นเคยเลย
“อ้า เบลล์ คาลเมียร์ ขอบคุณมาก”
“ขอบกุณก่ะ”
เบลล์ซังยิ้มให้กับฉันและคุณพ่อที่พูดขอบคุณพร้อมกัน เธอเดินถือถาดไปวางที่ชั้นวางข้างเตียงตามปกติ คาลเมียร์ปิดประตูเสร็จแล้วจึงเดินตามมา
“ขะ ขออนุญาตค่ะ ฮัททีเรียซามะ ท่านต้องการโต๊ะตัวเล็กหรือไม่คะ?”
คาลเมียร์ซังที่ติดตามเบลล์ซังมา ลังเลตัดสินใจไม่ถูกว่าจะวางถาดลงบนชั้น หรือควรส่งให้คุณพ่อเลยดี แล้วคุณพ่อก็ส่ายหัวเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร แบบนี้ก็ได้ บางครั้งลองกินแบบไม่ต้องสนมารยาทก็ดีเหมือนกัน”
“ขอบพระคุณมากค่ะ ฮัททีเรียซามะ”
คาลเมียร์ซังมอบถาดอาหารให้คุณพ่อ ก่อนขอบคุณครั้งหนึ่ง บางทีเธอคงเห็นว่าเป็นความเมตตาของคุณพ่อ
จากนั้น คาลเมียร์ซังก็เดินกลับไปที่ประตูและเปิดเตรียมจะออกไป ก่อนจะที่เธอจะมองกลับมาที่ฉัน
“คือว่า …….หากอาการบาดเจ็บหายเป็นปกติแล้ว มาฝึกเวทมนตร์ด้วยกันอีกครั้งนะคะ อริซซามะ!”
“……..อืม อีกครั้ง”
“ค่ะ ดิฉันจะตั้งตารอคอยเลยค่ะ! เช่นนั้นขอตัวก่อนนะคะ!”
ทันใดนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง คาลเมียร์ก็ยิ้มและคำนับด้วยท่าทางของอัศวิน ก่อนที่จะปิดประตูลง เมื่อเธออออกไปแล้ว เบลล์ซังที่เห็นท่าทางของเธอก็ถอนหายใจพร้อมมีรอยยิ้มขมขื่น
ทันใดนั้นคุณก็หัวเราะอย่างต่อเนื่อง ก่อนวางถาดลงบนพื้นทั้งๆแบบนั้น แล้วเปิดฝาออก กลิ่นของซุปลอยตลบอบอวล เห็นดังนั้นเบลล์ซังก็เปิดฝาอาหารเช้าของฉันบ้าง
สิ่งที่อยู่ข้างในเหมือนของคุณพ่อเกือบทุกอย่าง มีซุปกับขนมปัง และสเต๊กที่ดูแปลกๆสำหรับการเป็นอาหารเช้า แต่ดูเหมือนผักในซุปจะเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย
พวกเขาคงจะเตรียมสิ่งที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย เพื่อให้แผลของฉันหายเร็วยิ่งขึ้นแน่ๆ
“……ขอบกุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ค่อยๆทานช้าๆ ทานเยอะๆ ให้หายไวๆนะคะ อริซซามะ”
“อืม”
จากนั้นเธอก็ยิ้มให้กับฉัน ก่อนที่จะรู้สึกว่าคงหยาบคายเกินไปที่จะยืนอยู่ต่อ เธอเลยโค้งคำนับขออนุญาตคุณพ่อแล้วนั่งลงที่ขอบเตียงด้วยท่าทางที่อยากจะทำ〝อ้าม〟กับฉันเต็มที่
“อิตาดาคิมัส”
“อ้า อิตาดาคิมัส”
มันเป็นสิ่งที่ฉันพูดอยู่ทุกวัน จนตอนนี้มันแทบจะแทรกซึมเข้าไปในทุกคนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์นี้แล้ว และคุณพ่อเองก็เริ่มที่จะพูดอิตาดาคิมัสแล้วเหมือนกัน
ก่อนอื่นก็เริ่มจากตักซุปเข้าปากก่อนหนึ่งช้อน
“อะฟู๊”
“ไม่ร้อนงั้นเหรอคะ?”
“ม๊ายเบ่งรัย”
ฮาฟู๊ ฮาฟู๊ ฉันสูดอากาศแรงๆจนซุปเย็นก่อนกลืนลงคอ รสชาติของเกลือและผัก และใช้น้ำมันที่ออกมาตอนอบเนื้อด้วยรึเปล่านะเลยทำให้ซุปมีกลิ่นหอมมากๆ อุณหภูมิกำลังพอเหมาะเหมือนทุกครั้ง ความร้อนเล็กน้อยในยามที่ซุปเข้าปาก เป็นสิ่งที่อร่อยมากที่สุด
“…..โฮ๋ เนื้อวัวรึ”
“ค่ะ แฮงล็อตเต้ซามะได้ซิ้อมาเล็กน้อยจากร้านขายส่งในตลาดค่ะ ตอนแรกจะใช้เพื่อเป็นมื้อเย็นงานเลี้ยงวันเกิดพรุ่งนี้ค่ะ แต่ดิฉันขอให้เพิ่มเป็นพิเศษเล็กน้อยสำหรับอาหารเช้า”
“เข้าใจแล้ว เนื้อวัวจากฟาร์มแมรี่แลนด์สินะ คุณภาพดีจริงๆ มันอร่อยมาก”
“ค่ะ แม้จะมีราคาแพง แต่มันก็ขายหมดทันทีหลังจากที่วางขาย”
เห็นได้ชัดว่าสเต็กรอบนี่เป็นเนื้อวัวแบรนด์ดังที่มีมูลค่าสูง ตอนที่ฉันได้กินเนื้อเป็นครั้งแรก ฉันรู้สึกประทับใจในรสชาติมากๆ แต่รอบนี้จะยิ่งทำให้ประทับใจมากกว่ามากๆสินะ
ฉันมองสเต็กด้วยความคาดหวัง เบลล์ซังยิ้มและใช้ส้อมจิ้มสเต็กที่ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำไว้แล้ว และน้ำเกรวี่สีทองที่ราดอยู่บนจานสีขาวจนล้น ก็ดูราวกับอัญมณี
“อึก”
“อริซซามะ อ้าม……..?”
“อ้าม”
อกฉันเต้นดังโดกิๆ ในขณะที่เนื้อค่อยๆเข้ามาในปากของฉันอย่างช้าๆและระมัดระวัง
เริ่มต้นด้วยกลิ่นของน้ำมันที่ฟุ้งกระจายใบปาก แต่นี่มันไม่ได้เข้มข้นจนเกินไป เป็นน้ำมันคุณภาพดีที่ให้ความรู้สึกสดชื่นแทน นี่คือน้ำมันเนื้อของจริง
“อะ มู~”
แสงแห่งความคาดหวังในดวงตารุนแรงขึ้นอีกครั้ง ได้เวลาใช้ฟันของฉันแล้ว
กรึบ ฉันรู้สึกได้ถึงความนุ่มมลึก ต่อมา กรุบๆ เอ็นกล้ามเนื้อยืดหยุ่น เป็นเนื้อวัวที่ให้ความรู้สึกดีจริงๆ สมกับเป็นของราคาแพงที่ขายหมดทันที
น้ำเกรวี่ล้นจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง โอบล้อมลิ้นไว้ด้วยรสชาติที่เข้มข้น เกลือทาบางๆอย่างประณีตกำลังพอดี ไม่หนาไปไม่บางไป
“――――อาร่อยยยย”
อ้า รู้สึกเหมือนมองเห็นสวรรค์เลย มีภาพปรากฏขึ้นในใจของฉัน
ภาพฟาร์มปศุสัตว์ ที่มีวัวและแกะนอนเล่นใช้ชีวิตอย่างสงบ พายเรือใปพร้อมนอนสัปหงกบนหมอนตักของเบลล์ซัง……
“อริซซามะ? ….ฟุๆๆ ดูท่าจะชอบมากๆเลยสินะคะ”
“ฮ่าๆๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น ”
ฉันได้ยินเสียงของทั้งคู่ที่เฝ้ามองฉันอยู่ แต่ฉันทำเป็นไม่สนใจ ตอนนี้ขอฉันประทับใจในรสชาติของเนื้อนี่ก่อน กลืนผ่านลงไปในลำคอของตัวเอง ความสุขที่อบอุ่นกระจายไปทั่วท้อง
“ฟู่~……..”
“ฟุๆๆ อาหารจานโปรดเพิ่มขึ้นแล้วสินะคะ อริซซามะ?”
“……เพิ่ม”
อ้าม~ แล้วเบลล์ซังก็ป้อนฉันต่อพร้อมเตือนว่า 「โปรดทานช้าๆเพื่อไม่ให้ติดคอนะคะ」 ส่วนคุณพ่อก็มองพวกเราไปด้วยกินไปด้วย
ฉันนึกภาพที่ตัวเองดิ้นไปมาอย่างน่าอนาถเพราะเนื้อติดคอ มันทำให้ฉันพยักหน้ารับอย่างจริงจัง