ตอนที่ 14 “อัศวินกับเจ้าหญิง และแหวนแห่งความผูกพัน”
“ดูเหมือนจะได้เวลาที่นัดหมายกับแม็กพ็อดซามะแล้วค่ะ……ข้าต้องไปอธิบายสถานกาณ์ในตอนนั้น กับอาการของฮิเมะในขณะนี้ว่าเป็นยังไงบ้าง”
ข้ายืนขึ้นหลังได้ดื่มด่ำช่วงเวลาแห่งความสุขในการทานแมเรียนกับฮิเมะ ซึ่งอาจจะช้าไปสักหน่อย ท้องฟ้าที่มองผ่านหน้าต่างยังมีเมฆมากทำให้กะเวลาได้ยาก แต่หากพิจารณาจากที่ได้ดูนาฬิกาที่ชั้น 1 ของหอพักในตอนที่กลับมา เวลานี้น่าจะประมาณเที่ยงวัน เมื่อได้ใช้เวลากับฮิเมะและน็อกซ์เบลซัง ข้าก็ลืมเวลาไปเลย ข้าต้องไปสำนักงานผู้อำนวยการโรงเรียนโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะทำให้ต้องรอไปมากกว่านี้
“เช่นนั้นเดี๋ยวเจอกันนะคะ”
“ก่ะ!”
ข้าสามารถทนต่อการแสดงออกที่ไร้เดียงสาของฮิเมะที่กำลังโบกมือมาให้และมองย้อนกลับไปในลักษณะเดียวกัน เนื่องจากข้าต้องอธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ข้าคิดว่าอาจจะเป็นการดีกว่าหากจะไปด้วยกันกับฮิเมะและน็อกซ์เบลซังเพื่ออธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ แต่ถ้านั่นทำให้ฮิเมะรู้สึกไม่ดีก็ถือว่าล้มเหลวในหน้าที่ จนถึงตอนนี้ก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกตินอกไปจากอาการเหนื่อยล้าที่ควรจะต้องพักผ่อนสักพักหนึ่ง นั่นเป็นเพราะมีการใช้เวทมนตร์ที่ปรากฎในเทพนิยาย จะเป็นการดีที่จะเฝ้าดูว่าจะมีผลกระทบบางอย่างที่ไม่มากก็น้อยหรือไม่
“ฝากด้วยนะคะ”
“ไม่ค่ะ ข้าเองก็เป็นข้ารับใช้ของฮิเมะเช่นกัน”
ข้ารีบห้ามน็อกซ์เบลซังที่โค้งคำนับ นี่ไม่ใช่งานที่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากเลย แน่นอนว่าเมื่อพิจารณาว่าข้าเป็นอัศวินผู้พิทักษ์ ข้าก็ไม่รู้สึกว่าบทบาทนี้ตรงข้ามกับหน้าที่ของข้าเลยสักนิด แต่แค่หมายถึงการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการในแต่ละช่วงเวลาเท่านั้น เช่นเดียวกับน็อกซ์เบลซังที่จะเป็นคนที่ใช่ที่จะอยู่เคียงข้างในยามที่สงสัยว่าฮิเมะกำลังอารมณ์เสีย เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในระดับเล็กน้อยของฮิเมะได้ เวลาและความไว้วางใจที่เราใช้ร่วมกันนั้นแตกต่างกัน แน่นอนว่าข้าไม่เคยคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความไว้วางใจจากฮิเมะ
“เช่นนั้น ไปแล้วนะคะ!”
ขณะที่รู้สึกแย่ที่ต้องปล่อยให้น็อกซ์เบลซังทำความสะอาดจานและเศษแมเรียนที่เลอะเทอะอยู่คนเดียว แต่ข้าก็พูดขอตัวอีกครั้ง และเปิดประตู หลังจากนี้ข้าจะเป็นคนเตรียม และทำความสะอาดทุกอย่างในมื้อกลางวันเอง ใช่แล้ว ถึงจะเป็นแค่ขนมปังกับเนื้อแห้งที่ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดมากมายก็ตาม…….
“ข้าต้องรีบแล้ว”
ข้าปิดประตูอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้กระเทือนต่อร่างกายของฮิเมะ หลังจากยืนยันว่าประตูห้องกับทางเดินถูกปิดอย่างสมบูรณ์แล้ว ข้าก็เริ่มเดินอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ลงบันไดที่คุ้นเคยลงไปที่ชั้น 1 และมองนาฬิกาก่อนออกหอพักอีกครั้ง ดีจัง ไม่ได้ช้าอย่างที่คิดไว้ ค่อนข้างกำลังดีเลย
“อะ….ขอบคุณสำหรับการทำงานอย่างหนักค่ะ”
“อ้า มิแรนด้าซัง ขอบคุณมากครับ”
ข้าทักทายชายในชุดเกราะอัศวินที่ผ่านหน้าน้ำพุเบา ๆ เขาเป็นอัศวินผู้พิทักษ์ขององค์เจ้าฟ้าหญิง ยังไงก็ตาม ที่นี่ไม่ใช่หมู่บ้านห่างไกลที่ต้องการการคุ้มกันตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีคำเรียกร้องขององค์เจ้าฟ้าหญิงที่ไม่ต้องการเดินไปพร้อมกับการคุ้มกันที่มีกำลังคนมากเกินไป แต่แทนที่จะยอมแพ้ในทันที ดูเหมือนพวกเขาจะจัดกำลังมาลาดตระเวนอยู่ในโรงเรียนแทน นอกจากนี้พวกเขายังเปลี่ยนกะทำงานและคอยลาดตระเวนรอบหอพักตลอดทั้งคืนด้วย ซึ่งทำให้ข้ารู้สึกโล่งใจ เพราะสามารถรับประกันความปลอดภัยของฮิเมะทางอ้อมได้เช่นกัน ….อ้า แต่อาจจะเป็นสิ่งที่คิดเอาไว้ตั้งแต่แรกก็ได้ ดูเหมือนองค์เจ้าฟ้าหญิงจะทรงชอบฮิเมะเอามาก ๆ
ได้เป็นที่รักของผู้คนหลากหลาย สมเป็นฮิเมะเลยค่ะ ท้ายที่สุดแม้แต่เด็กสาวที่เป็นตัวการหลักของการกลั่นแกล้งตอนนี้ก็ยังสามารถเป็นเพื่อนกันได้ ไม่สิ ตรงกันข้ามข้าได้ยินมาว่าเธอกลายเป็นผู้ศรัทธาไปแล้ว หลังจากที่ฮิเมะเป็นลมไปเมื่อวาน เธอถูกแนะนำไม่ให้พูดถึงเวทมนตร์ที่ได้เห็น แต่ว่ากันว่ามีการพยายามจัดระเบียบรวมกลุ่มนักเรียนที่ชื่นชอบฮิเมะโดยถูกเรียกว่า”*หน่วยองครักษ์สตรีศักดิ์สิทธิ์*” ดูเหมือนจุดประสงค์ในตอนนี้คือ การเคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ เพื่อให้ฮิเมะสามารถใช้ชีวิตในวัยเรียนได้อย่างมีความสุขทุกวัน แต่คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจาะลึกลงไปถึงสิ่งที่พวกเขาคุยกัน ก็ยังดีที่กลับตัวได้ ยังไงก็ตาม ดูเหมือนเธอจะเสียใจจริง ๆ ที่เคยรังควานฮิเมะเช่นนั้น และทัศนคติในตอนนี้ก็ดูจริงใจมาก เห็นว่าเดิมทีเธออยู่ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของผู้ประสานงานของกลุ่มเด็กสาวขุนนาง แน่นอนว่าน็อกซ์เบลซังและองค์เจ้าฟ้าหญิงก็ระมัดระวังอยู่เช่นกัน แต่พวกเธอก็บอกว่าควรปล่อยให้พวกเขาทำตามใจกันไปก่อน ยังไงก็ตามก็มีการคาดหวังว่าอาจจะออกมาดีก็ได้
(*เป็นหน่วยองครักษ์ที่คนแต่งใช้คำเรียกในระดับเดียวกันกับที่ใช้เรียกหน่วยSSของฮิตเลอร์ โยนลงอากู๋ขึ้นรูปหน่วยSSล้วนๆเลย สื่อว่าคลั่งโลลิแค่ไหนคงจินตนาการไม่ยาก ฮา)
…….พูดตามจริง ชื่อองค์กรที่เรียกว่า หน่วยองครักษ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็น่าสนใจมากจนข้าเองก็ยังอยากจะเข้าร่วม
“อะ ใช่แล้ว ข้าขอฝากข้อความได้หรือไม่”
“ครับ ถึงองค์เจ้าฟ้าหญิงสินะครับ?”
“ค่ะ ที่จริงข้าควรไปพบโดยตรง……..”
“ไม่เป็นไรครับ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างองค์เจ้าฟ้าหญิงกับบแฟร์มีลซามะ และดูเหมือนกำลังรีบอยู่สินะครับ”
แน่นอนว่าข้ารู้อยู่แล้วว่าเขาจะเต็มใขยอมรับข้อความนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นคนแรกที่จะถูกตำหนิหากกลายเป็นปัญหาก็ตาม ข้อความของข้าคือ คำตอบสำหรับคำขอเข้าเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย ข้าบอกไปว่าฮิเมะอยากให้มาหา ซึ่งข้าเกือบลืมไปเลยทั้งที่ข้ายืดอกภูมิใจที่ได้รับฝากข้อความนี้ ถ้ามาจำเอาตอนนี้ไม่ได้จะไม่ใช่แค่เป็นการหยาบคายต่อฮิเมะ แต่ยังรวมถึงเจ้าฟ้าหญิงด้วย เป็นการกระทำที่ให้อภัยไม่ได้
“เช่นนั้น ข้าจะนำไปแจ้งให้ทันทีครับ”
“ขอขอบคุณมากค่ะ ฝากรบกวนด้วยนะคะ”
เขาคำนับให้ข้าอย่างระมัดระวัง ข้าเองก็ขอบคุณเขาเช่นกัน และข้าก็รีบตำหนิตัวเองที่ทำไมถึงเกือบจะลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้ แล้วจึงมุ่งหน้าไปยังอาคารเรียนโดยทิ้งน้ำพุไว้เบื้องหลัง หลังจากผ่านห้องเรียนหลายห้องจนมาถึงห้องชั้นในสุด ข้าก็เคาะประตูซึ่งเป็นห้องของผู้อำนวยการโรงเรียนหลายครั้ง และเมื่อได้ยินคำตอบจากอีกฝั่ง จึงค่อยเปิดประตู หลังเข้ามาภายในก็ปิดประตูลงอย่างแผ่วเบา ก่อนหันไปทางโต๊ะที่มีกองเอกสาร ――――
“เอ๊ะ…….?”
แม้รู้ว่าจะหยาบคาย แต่ข้าก็ห้ามเสียงที่เล็ดลอดออกมาโดยไม่ตั้งใจไม่ได้ ที่ตรงนั้นไม่ได้มีแค่แม็กพ็อดซามะเพียงผู้เดียว ที่อยู่ข้างกันคือ ร่างใหญ่ที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดีพร้อมผมสั้นสีแดงในชุดที่มีเหรียญตรามากมายบนหน้าอก
“ท่านแม่ทัพลาบริกซ์…….. !?”
“อ้า มิแรนด้า ทำหน้าที่ได้ดีมาก”
แม้ว่าข้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีเท่าไร แต่ทันทีที่ข้าสังเกตเห็นรูปร่างหน้าตาของคนตรงหน้า ข้าก็ยืนตัวตรงทันที ก่อนที่จะทำความเคารพอย่างแข็งขันต่อผู้บังคับบัญชาของตนเอง ซึ่งแตกต่างจากการทักทายอย่างเป็นมิตรเหมือนเพื่อนร่วมงานที่เพิ่งทักทายไปกับอัศวินผู้พิทักษ์ขององค์เจ้าฟ้าหญิง แล้วเมื่อยืนยันว่าได้รับอนุญาตแล้วจึงหยุดทำ แต่นี่เรื่องอะไรกัน ทำไมท่านแม่ทัพถึงมาอยู่ที่นี่ได้
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้มาเพื่อเร่งให้เจ้าทำรายงานเป็นพิเศษอะไร ข้าแค่มีเรื่องอะไรบางอย่างที่ต้องคุยกับแม็กพ็อดซามะนิดหน่อย”
“ปะ เป็นเช่นนั้นเองหรือคะ เช่นนั้นข้าขออภัยค่ะ จะทำการออกไปรอนอกห้อง ―――― “
“…..ไม่ต้อง มิแรนด้า เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของเจ้าด้วยเช่นกัน”
“ระ รอก่อนสิคะ……เป็นเรื่องของข้าด้วยงั้นรึคะ?”
“อ้า”
ท่านแม่ทัพหยุดข้าไว้ก่อนที่จะออกจากห้อง เริ่มแรกแล้ว ถึงแม้โรงเรียนหลวงรูเนเรียจะเป็นสถาบันที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของราชอาณาจักร แต่ก็เป็นเรื่องชวนงุนงงเล็กน้อยที่ผู้อยู่ในจุดสูงสุดของกองทัพต้องมาพบผู้อำนวยการโรงเรียนโดยตรงเองเช่นนี้
แม้จะสงสัยว่ามีเรื่องอะไร แต่กลับกันข้าก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย เพราะ อย่างที่รู้อยู่แล้วว่า แม็กพ็อดซามะเป็นท่านตาของฮิเมะ ที่กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เป็นท่านพ่อของ อลิเซีย・ฟอน・แฟร์มีลซามะ และข้ามั่นใจว่าเพราะความเป็นพ่อและลูกสาว บางทีคงทำให้แม็กพ็อดซามะทราบว่าอลิเซียซามะเป็นผู้ก่อต่อมาเรียน่า・ไอริส และมีแนวโน้มที่จะรู้ไปถึงผู้ร่วมงานด้วย หรือมากไปกว่านั้นคือ ข้ามั่นใจว่าต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับท่านแม่ทัพลาบริกซ์ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งด้วยเช่นกัน
….แต่ทว่า ครั้งนี้มีการเพิ่มข้อมูลเรื่องที่เกี่ยวพันมาถึงข้าด้วย นั่นทำให้ข้าไม่เข้าใจ ไม่สิ ถ้าหากได้ฟังเรื่องราวจากแต่ละคนทั้งจากท่านแม่ทัพทั้งจากแม็กพ็อดซามะต้องมีต้นสายปลายเหตุแน่นอน ยังไงก็ตามพวกเราทั้งสามคนต่างก็ไม่มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกันเลย ท่านแม่ทัพพูดขอโทษเล็กน้อยให้กับข้าที่ลืมซ่อนความสงสัยและทำหน้าขมวดคิ้ว
“ก่อนอื่นข้าขอโทษด้วยที่หลอกลวงเจ้า มิแรนด้า ข้าตั้งใจจะบอกเจ้ามาสักพักแล้ว”
“เพื่อสืบ……”
“อ้า ตั้งแต่แรก ข้ามอบหมายให้เจ้าทำภารกิจคุ้มกันคุณหนูอริซด้วยความตั้งใจที่จะให้เจ้าเป็น「ผู้ใต้บังคับบัญชา」”
ข้าเดาความหมายของคำว่าผู้ใต้บังคับบัญชาว่านั่นอาจหมายถึงว่าข้าจะเป็นส่วนหนึ่งของมาเรียนน่า・ไอริส ตั้งแต่ที่ข้าได้คุยกับแม็กพ็อดซามะเมื่อวันก่อน ทำให้ข้ามีหลักฐานว่าเหล่าเมดซังที่คฤหาสน์ซึ่งสร้างความรู้สึกไม่กลมกลืนได้รับการฝึกอมรมแบบเดียวกัน และคาลเมียร์ซึ่งเดิมมีความสัมพันธ์ที่ดี…..บางทีข้าอาจถูกเลือก เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคาลเมียร์ และรู้จักบุคลิกภาพของกันและกัน จากสถานการณ์เหล่าข้าเองก็รู้สึกเล็กน้อยว่าตัวเองจะได้เป็นสมาชิกของมาเรียน่า・ไอริส ไม่คิดว่าจะถูกพูดถึงเร็วขนาดนี้
“มาเรียน่า・ไอริสสินะคะ”
“…..ได้ยินจากแม็กพ็อดซามะแล้วสินะ”
“ค่ะ ได้ยินมาเมื่อวานนี้เลยค่ะ”
อ้า เข้าใจแล้ว มาคิดดูตอนนี้แล้ว อาจจะเกี่ยวโยงกันว่าจู่ ๆ เมื่อวานนี้ข้าก็ถูกบอกเล่าเรื่องราว ตั้งแต่แรกวันนี้ท่านแม่ทัพและแม็กพ็อดซามะอาจจะมีกำหนดการพูดคุยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อแม็กพ็อดซามะรู้กำหนดล่วงหน้าจึงเล่าให้ข้าฟังล่วงหน้าเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นใช่ไหม ในกรณีนั้นเรื่องต่าง ๆ ก็ดูจะสอดคล้องกัน ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าเรื่องของแม็กพ็อดซามะที่เกี่ยวข้องกับข้าคือเรื่องอะไรเหมือนอย่างเคย
“เช่นนั้น ข้าขอต้อนรับเจ้าอีกครั้งในฐานะสมาชิดคนหนึ่งของมาเรียน่า・ไอริส พวกเราจะทำงานเพื่อความสงบสุขของราชอาณาจักร …..เจ้าจะรับรึไม่”
รู้มาถึงขั้นนี้แล้ว ตัวเลือกที่เป็นรูปธรรมอื่น ๆ ไม่มีอีกแล้ว ม๊า ตั้งแต่ที่ข้าก้าวเข้ามา ข้าก็ถูกฝึกฝนเต็มรูปแบบอย่างจริงจังมาตลอด และข้าก็ไม่มีเจตนาที่จะปฏิเสธ ได้อยู่ในฐานะอัศวินผู้พิทักษ์ของฮิเมะ ได้รับใช้เคียงข้างและใช้เวลาในชีวิตประจำวันเคียงข้างน็อกซ์เบลซังและคาลเมียร์ ทั้งหมดนั้นได้กลายเป็นสถานที่ทางใจของข้า ไม่มีอะไรต้องวิตก ข้าตอบรับด้วยรอยยิ้มกว้าง
“แน่นอนค่ะ ท่านแม่ทัพ!”
“ยอดเยี่ยมมาก เช่นนั้น สหายของข้านับจากนี้ไม่ใช่ทั้งอัศวินไม่ใช่ทั้งแม่ทัพ จงเรียกข้าว่าลาบริกซ์”
“ค่ะ ลาบริกซ์ซามะ”
อุมุ ท่านแม่ทัพ…..ไม่สิ ลาบริกซ์ซามะ พยักหน้าอย่างมีความสุขที่ไหนสักแห่ง แม้จะถูกบอกให้เรียกว่าลาบริกซ์ได้ แต่แน่นอนว่าข้าก็ไม่สามารถเรียกโดยไม่ให้เกียรติไม่ได้ พวกเรายังคงอยู่ในความสัมพันธ์แบบลำดับชั้น และโดยส่วนตัว ข้าเองก็รู้สึกเคารพท่าน ผู้ซึ่งถูกเรียกว่าสองวีรบุรุษแห่งสงครามจักรวรรดิเคียงข้องฮัททีเรียซามะ มาถึงตอนนี้ข้าก็กังวลนิดหน่อยที่จะคุยเรื่องพวกนี้ที่นี่ได้จริงไหม ถึงที่นี่จะอยู่ห่างจากห้องเรียน และดูเหมือนนักเรียนจะไม่มายังสำนักงานผู้อำนวยการโรงเรียน เว้นแต่จะมีสถานการณ์พิเศษเช่นนี้ แต่ถึงกระนั้นข้าก็รู้สึกถึงความไม่ระมัดระวังเมื่อพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันราชอาณาจักรเช่นนี้ ทั้งที่รู้อยู่แล้ว การดูไม่มีการระมัดระวังอะไรเลยของแม็กพ็อดซามะก็ดูแปลกเช่นกัน บางทีอาจจะรู้สึกถึงข้อสงสัยของข้า ลาบริกซ์ซามะจึงมองมาและบอกบางอย่าง
“ความวิตกนั่นสมเหตุผลแล้ว แต่ไม่ต้องวิตกไปข้าได้วางกำลังลูกน้องเอาไว้นอกห้องอย่างแน่นหนาไม่ให้ใครเข้าใกล้ นอกจากนี้ยังได้รับการยืนยันแล้วว่าห้องนี้ไม่สามารถดักฟังได้ ยกเว้นจะฟังผ่านประตูโดยตรง ที่นี่ถูกสร้างมาให้เป็นแบบนั้น”
“…..ถ้าหากกล่าวเช่นนั้นแล้ว”
แน่นอนว่าถ้าหากถามข้าแล้ว ห้องนี้อยู่ห่างจากห้องเรียนและห้องอื่น ๆ อย่างน่าประหลาดจนจัดให้อยู่ในขั้นสิ้นแปลืองก็ได้ ตอนแรกข้าคิดว่าเป็นความสะดวกทางสถาปัตยกรรม แต่เห็นได้ชัดว่ากรณีนี้ไม่ใช่ แต่สำนักงานผู้อำนวยการโรงเรียนได้รับการออกแบบสำหรับการเจรจาลับหมายความว่าอย่างไร ไม่มีทาง สมมติว่าที่นี่มีการแลกเปลี่ยนสินบน…..
“บอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่อะไรแบบนั้น ม๊า รอก่อนแล้วกัน เจ้าจะเข้าใจเองเมื่อได้ฟังเรื่องราวต่อไปจากนี้”
“ระ รับทราบแล้วค่ะ”
เขาจัดการตบมุกเรื่องตลกในใจข้าอย่างเปิดเผย เมื่อเห็นว่าข้ายอมรับพร้อมที่จะฟังแล้ว ลาบริกซ์ซามะหันกลับไปหาแม็กพ็อดซามะที่รออย่างเงียบ ๆ ขณะที่ข้ากับลาบริกซ์ซามะกำลังคุยกัน เมื่อรับรู้ได้แม็กพ็อดซามะก็หยุดลูบเคราและลืมตาขึ้นจากสมาธิ
“ต้องขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะครับ ขอบคุณที่อดทนนะครับ แม็กพ็อดซามะ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องใส่ใจ …..ซ้า เข้าเรื่องหลักกันเลยไหม?”
“ครับ ให้ข้าได้บอกท่านอย่างตรงไปตรงมาอีกครัง”
ดวงตาของทั้งสองคนที่แลกเปลี่ยนคำพูดเป็นประกายราวกับปลายดาบ ข้ารู้ทันทีว่าแม็กพ็อดซามะที่เป็นนักการศึกษาที่ร่าเริงและตรงไปตรงมาไม่ได้อยู่ที่นี่ คนที่กำลังเห็นอยู่คือ ร่างของ”วีรบุรุษ”ที่ผ่านสมรภูมิมาอย่างโชกโชน เต็มเปี่ยมไปด้วยภูมิปัญญาที่สั่งสม สัญชาตญาณที่เฉียบแหลม และเจตจำนงอันแรงกล้า
…….ข้าช่างโง่เขลานัก ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ไม่ว่าพ่อกับลูกจะสนิทกันมากขนาดไหน ก็มีไม่ทางจะเปิดเผยให้รู้ถึงการมีอยู่ของหน่วยข่าวกรองอิสระที่จัดตั้งขึ้นอย่างลับ ๆ แน่นอน ผู้ที่เลี้ยงดูบุคคลมีความสามารถเช่นนั้นได้โดยลำพัง ย่อมไม่ใช่เพียงแค่ครูธรรมดาอยู่แล้ว ท่านแม่ทัพลาบริกซ์เรียกลงท้ายว่า”ซามะ”มาตลอด แต่ข้าพึ่งจะมารู้สึกตัวเอาตอนนี้ เป็นที่ยอมรับว่าห้องนี้ถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบนั้น ข้าแน่ใจแล้วว่าท่านเองก็เป็นคนที่มีฉากหลังเป็นสายลับเช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นระดับสูงอีกด้วย
“――――ท่านจะช่วยสร้างความสัมพันธ์แบบร่วมมือกับทางเราได้หรือไม่”
หลังจากเงียบไปไม่กี่วินาที แม็กพ็อดซามะก็หลับคาลงอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มลูบเคราเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ว่าแล้วว่าท่านจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่สูงมาก การสร้างความสัมพันธ์แบบร่วมมือ หมายถึง องค์กรมาเรียน่า・ไอริสยอมทำลายการปกปิดตัวตน ต้องมีเหตุผลที่ดีหรือเหตุผลน่าสนใจถึงจะยอมทำแบบนี้ได้ และยังหมายถึงความไว้วางใจในพลังอำนาจของท่านเช่นกัน
ในที่สุดแม็กพ็อดซามะก็ถอนหายใจและพึมพำอย่างเงียบ ๆ
“….การกบฎของประชาชนสินะ เวลาแห่งการล่มสลายใกล้เข้ามาแล้ว อีกไม่นาน”
ทั้งสองท่านก้มหน้า แต่ข้าเหมือนส่วนเกินที่ไม่ควรเห็นสถานการณ์ในตอนนี้
――――การกบฎของประชาชน….. !?
ไม่สิ ข้ารู้ดีความเคลื่อนไหวของประชาชนที่พยายามจะก่อกบฎ เพราะเชื้อไฟได้ลุกลามไปทั่วแล้ว
…..แต่ว่า ตอนนี้ เป็นตอนนี้อย่างงั้นเหรอ ด้วยความสัตย์จริง ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตกัน แต่ทว่า ตอนนี้อย่างงั้นเหรอ จากคำพูดของทั้งสองท่าน ดูเหมือนสถานการณ์จะใกล้เข้ามาแล้ว ที่มาขอความร่วมมือจากแม็กพ็อดซามะแบบนี้ แสดงว่าน่าจะมีวิธีป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ได้หากมรการสถาปนาความสัมพันธ์การทำงานร่วมกัน แต่หากเหตุการณ์พวกนั้นเกิดขึ้นแล้วสักครั้ง ก็ไม่มีทางที่จะหยุดแรงกระตุ้นของเชื้อไฟได้อีกต่อไป ความไม่พอใจของประชาชนเหมือนสะสมอยู่ในแอ่งน้ำเดือดที่พร้อมระเบิดกลายเป็นสัญญาณควันกระจายไปยังที่ต่าง ๆ แน่นอนว่าข้าไม่ต้องการให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ถึงข้าจะเป็นคนของราชอาณาจักร แต่หากปล่อยให้เกิดศึกนองเลือดระหว่างประชาชนด้วยกัน ข้าก็จะไม่ให้อภัยอย่างแน่นอน และเหนือสิ่งอื่นใด
“……ฮิเมะ”
ทำไมถึงต้องเป็นตอนนี้กัน ทำไมถึงไม่ปล่อยให้ฮิเมะได้ใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขและสงบสุขกัน ทำไมถึงมีแต่ความทุกข์ยากเข้ามารุมล้อมร่างเล็กที่อ่อนเยาว์ หากนี่คือโชคชะตา ข้าก็ขอเกลียดชังต่อพระเจ้า …..ฮิเมะเป็นขุนนาง นอกจากนี้ยังเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของตระกูลแฟร์มีลที่ปกครองดินแดนพิเศษอย่างมาเรียนา ทุกคนอยู่ในฐานะที่จะตกเป็นเป้าหมายได้แม้ในยามสงบ ยิ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ตลาดยิ่งตอกย้ำเข้าไปในกายข้าว่าผู้ที่เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลังการกบฎพร้อมทำทุกอย่าง นอกจากนี้ ฮิเมะเป็นขุนนางที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งกังวลเกี่ยวราชอาณาจักรในปัจจุบัน ทั้งกำลังจะปฏิวัติระบอบการดูหมิ่นสามัญชน
จะต้องถูกดึงเข้าไปพัวพันอย่างแน่นอน
ความคิดที่มั่นใจเช่นนี้ติดอยู่ในใจ และไม่สามารถสลัดออกไปได้
“เจ้าคงรู้สินะว่าหน่วยข่าวกรองแห่งราชอาณาจักรกำลังตกอยู่ในความขัดแย้งระหว่างสายอินทรีกับสายส่วนกลาง ……ข้อเสนอนั้นคงไม่ได้เสนอมาทั้งที่รู้อยู่แล้ว?”
“ฮา ข้าทราบดีอยู่แล้ว แต่ ณ จุดนี้ ข้าสงสัยว่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งภายในเฉพาะกาลเหล่านี้ได้อีกต่อไปแล้ว”
“นั่นคือ……”
“ข้าได้ตัดสินใจลงไปแล้ว ตอนนี้ที่นี่ ข้ามาคุยกับแม็กพ็อดซามะ …….โดยหวังว่าท่านจะเห็นถึงความมุ่งมั่นของข้า”
เหมือนแม็กพ็อดซามะจะเบิกตาเล็กน้อยเมื่อเห็นลาบริกซ์ซามะโค้งคำนับอย่างจริงจัง ข้าเองก็พยายามทำความเข้าใจเนื้อหาที่คุยกัน และท้ายที่สุดดูจะไม่มีทางหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้ฮิเมะเข้ามาเกี่ยวข้องได้ การที่ลาบริกซ์ซามะเลือกก็หมายความว่ามาเรียน่า・ไอริสตัดสินใจเลือกแล้วเช่นกัน แน่นอนว่าน็อกซ์เบลซังก็รวมอยู่ในนั้นด้วย อันที่จริงข้าไม่รู้ว่าน็อกซ์เบลซังเห็นด้วยจริง ๆ หรือไม่ และไม่รู้ด้วยว่าเธอกระตือรือร้นเกี่ยวเรื่องนี้มากแค่ไหน เพราะเธอมีฮิเมะเป็นคนที่สำคัญที่สุด บางทีข้าอาจจะพูดถึงเรื่องนี้หลังจากนี้ ถ้าน็อกซ์เบลซังเห็นด้วย ไม่สิ แม้ว่าจะไม่ ฮิเมะก็แน่ใจ
“….ว่าแล้วว่าหากไม่เคลื่อนไหวตอนนี้ ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปแย่ที่สุดก็คงเป็นการทนเห็นราชอาณาจักรถูกกลืนกิน”
“ชะ เช่นนั้น…….. !”
เช่นนั้นแล้ว ข้าเองก็ไม่จำเป็นต้องลังเลต่อทางเลือกของตัวเอง อย่างน้อยขอแค่ปกป้องอันตรายที่จะโจมตีฮิเมะ
ข้าขอปกป้องทั้งชีวิตและหัวใจของท่านจากคมดาบทั้งมวลเอง
“――――มาร่วมมือกันเถิด สหายที่รักของลูกสาวข้า ทั้งหมดเพื่อประชาชนของราชอาณาจักร ……เพื่ออนาคตของหลานสาวของข้า”
“แม็กพ็อดซามะ………”
หยาดน้ำตาแห่งความหวังและความตื้นตันถูกระบายออกไหลอาบแก้มของลาบริกซ์ซามะ ใครจะคาดคิดกันว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ท่านกล่าวขอบคุณด้วยเสียงสั่นเครือก่อนหมุนตัวหันมาหาข้าอีกครั้ง ก่อนที่คำพูดจะเอ่ยออกมา ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายด้วยความรู้สึกที่ไม่เปลี่ยนแปลง
“ทุกอย่างเพื่อ「ความสุข」ของฮิเมะค่ะ”
MANGA DISCUSSION