ตอนที่ 12 ดวงตาที่มองไปยังวันพรุ่งนี้
“อาหารกลางวัน!”
“วันนี้ดูเหมือนจะเป็นจานเนื้อค่ะ ข้าเองก็หัวแล้วเหมือนกันค่ะ”
มิร่าซังพูดขณะพยักหน้าลูบท้อง ในวันนี้รูมไฮม์ซังไม่ได้อยู่กับพวกเราซึ่งถือว่าผิดปกติ ยังไงก็ตามคุณตา…..ผู้อำนวยการโรงเรียนดูเหมือนจะมีบางอย่างที่อยากให้ฉันทำ และทันทีที่เลิกเรียน ก็ถูกบอกให้พาผู้ติดตามไปที่ห้องผู้อำนวยการโรงเรียนด้วย สำหรับอาหารกลางวันวันนี้ให้ความรู้สึกสดใหม่หลังจากที่ต้องนั่งร่วมโต๊ะด้วยกันมาตลอด
“หรูหรา”
ไม่เลย ถ้าลองคิดอย่างเป็นกลาง เป็นไม่ได้เลยที่การได้นั่งร่วมโต๊ะทานอาหารกับเจ้าหญิงจะมีแต่ความสดใส ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะกลายเป็นเป้าดึงดูดความอิจฉาริษยาของเหล่าขุนนางที่ต้องการเข้าใกล้มากขึ้น ยังไงก็ตามนี่ดีต่อรูนไฮม์ซังเหมือนกันไหม ต้องมีลูกขุนนางมากกว่าหนึ่งคนที่มีอำนาจมากกว่าครอบครัวของฉัน แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นเธอคบค้าสมาคมกับคนเหล่านั้นเลย หรือไม่บางทีเธออาจจะมีการพบปะอยู่เบื้องหลัง แต่ฉันแน่ใจว่าเธอแบ่งเวลาให้กับฉันมากกว่า เธอเป็นเพื่อนคนแรกของฉัน ฉันดีใจที่ได้ใช้เวลากับเธอมาก ๆ แต่การอยู่ด้วยกันมากเกินไปก็ทำให้ฉันกังวลเล็กน้อย …..ม๊า แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะพูดออกไปได้
“น่าอร่อย”
แต่สำหรับตอนนี้ มาจดจ่อที่อาหารตรงหน้าดีกว่า เป็นจานที่ดูน่าอร่อยจริง ๆ หรูหราเกินกว่าจะแค่กินอิ่มท้องโดยไม่ทำให้รู้สึกถึงรสชาติที่ดีจนชวนเสียสติ ถือมีดและส้อมแล้วใช้ใบมีดตัดลงบนเนื้อทันทีด้วยการเคลื่อนไหวที่เงอะงะ ยากที่จะตัดโดยไม่ส่งเสียงออกมา แต่ฉันแน่ใจว่าจะชินได้ในที่สุด
“ใช้มีดเก่งขึ้นมากเลยนะคะ”
“จริงเหรอ? เฮ๊ะเฮะๆๆ”
“ค่ะ ดิฉันจำได้ว่าน้อยกว่าหนึ่งปีที่เริ่มฝึกใช้”
“ขอบกุณ”
สำหรับเบลล์ ดูเหมือนจะให้คะแนนที่ผ่าน แน่นอนว่าอาจจะมีบางอย่างเช่น ความสัมพันธ์ส่วนตัวรวมอยู่ด้วย แต่ที่แน่ ๆ สำหรับรูนไฮม์ซังและผู้ติดตามของเธอ ฉันก็ไม่เคยเห็นพวกเธอรู้สึกไม่พอใจเป็นพิเศษ ดูเหมือนว่าฉันจะปฏิบัติได้ตามมารยาทในระดับที่ยอมรับได้เหมาะสมกับวัย ตามที่ฉันได้เรียนในชั้นเรียน การรวมรับประทานอาหารยังคงครองตำแหน่งสำคัญมากในการเข้าสังคมของชนชั้นสูง ว่ากันว่าถ้าคุณสามารถเรียนรู้คำทักทาย คำพูด และมารยาทในการกินได้ในเวลาเดียวกัน ฉันต้องเชี่ยวชาญโดยเร็วที่สุด
“จะทานแล้วนะกะ”
ในขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น หลังจากหั่นเนื้อเสร็จแล้วฉันก็วางเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารลง เบลล์ซังและมิร่าซังก็ประสานมือตามฉัน ฉันรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อยที่ไม่เคยพลาดการพูดจะทานแล้วก่อนมื้ออาหาร ถึงท้ายที่สุดจะเป็นแค่อัตตาของฉันเอง แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย
“เป็นเนื้ออะไรเหรอ”
“เห็นบอกว่าเป็นเนื้อหมูค่ะ”
ฉันจำเมนูที่บริกรบอกมาไม่ได้ ฉันเลยถามออกไปก่อนดื่มน้ำผลไม้ให้ชุ่มคอ เบลล์ซังตอบกลับทันที ดูเหมือนว่าจะเป็นเนื้อหมู จริง ๆ แล้วมีอีกหลายอย่าง เช่น เริ่มจากซุป แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้กำลังดินเนอร์เพื่อการเข้าสังคมกับใครเป็นการเฉพาะ มารยาทในสถานที่นี้อยู่ในระดับสามัญสำนึกขั้นต่ำสุด คือ การไม่ส่งเสียงดัง แม้ในชั้นเรียนเราจะได้รับการสอนเรื่องการมีมารยาทในระดับสูงสุดเอาไว้เสมอโดยไม่คำนึงถึงเวลา แต่รูนไฮม์ซังบอกไว้ว่ามีข้อตกลงที่เข้าใจกันโดยไม่ต้องพูด ในฐานะราชวงศ์หรือขุนนาง การระมัดระวังตลอดเวลาเป็นเรื่องที่เหนื่อยหน่าย ทำให้ดูเหมือนจะมีข้อตกลงที่เราสามารถปลดปล่อยความตึงเครียดออกจาบ่าและเพลิดเพลินไปกับการรับประทานอาหารรวมกับเพื่อนและข้ารับใช้ที่ใกล้ชิดได้ตามสบาย ฉันเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ฉันก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่มีความยืดหยุ่นอย่างไม่คาดคิด
ยังไงก็ตามนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันถึงสามารถใช้ส้อมจิ้มเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปากได้ในทันที ชุ่มฉ่ำ น้ำเกรวี่ล้นออกมาทุกครั้งเคี้ยว รสชาติเข้มข้นกระจายออกมาทั่ว ฉันมั่นใจว่าเนื้อถูกอบด้วยเครื่องเทศ เนื้อนี่มีความมันมากกว่าเนื้อวัว ทำให้ความรู้สึกเวลาเคี้ยวและความพอใจแตกต่างกัน งั่ม ๆ แก้มของฉันผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว รู้สึกอิ่มเอมใจที่รายล้อมไปด้วยอาหารอร่อย ๆ
“อร่อย”
“ข้าเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ลิ้มรสเครื่องเทศในชีวิตประจำวันได้มากขนาดนี้มาก่อน”
มิร่าซังรู้สึกประทับใจจนมีใบหน้าคล้ายกับฉัน และเบลล์ซังก็เห็นด้วย แน่นอนว่านี่เป็นสภาพแวดล้อมที่คิดไม่ถึงเมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่ฉันกำลังกลืนเยลลี่โภชนาการลงไป นอกจากนี้ ห้องอาหารที่นี่น่าจะโดดเด่นที่สุดจากทั่วทั้งราชอาณาจักรแล้ว ดูเหมือนจะมีแม้กระทั่งนักเรียนที่เข้ามาเรียนเพื่อลิ้มรสชาติอาหารเป็นการเฉพาะ
……ค่าเล่าเรียนที่รวมราคาของสิ่งนี้จะเท่าไหร่กัน ฉันเริ่มตัวสั่นอีกครั้ง แต่ฉันยังไม่สนใจในตอนนี้ สักวันหนึ่งฉันจะกลับมาอย่างแน่นอน ไม่เป็นไร ถ้ามีทุ่งแมเรียนอยู่ฉันมั่นใจว่าจะสามารถจัดการได้
“แมเรียน…..”
ฮะ ฉันเผลอเพ้อคำว่าแมเรียนออกไปโดยไม่รู้ตัว ฉันทำไปแล้ว ฉันพยายามที่จะลืม แต่สายเกินไปแล้ว ฉันจำผลไม้สีทองนั้นได้เด่ดชัด แน่นอน ฉันคิดถึง ดูเหมือนจิตใจฉันจะวิ่งเข้าหาแมเรียนแล้วในตอนนี้
“อาร๊า…..อริซซามะ?”
“แมเรียน”
“งั้นเหรอคะ ฟุๆๆ ดิฉันรู้สึกเหมือนเคยมีคนบอกเช่นนั้นอยู่ ระหว่างคาบเรียน มิแรนดาได้ออกไปซิ้อจากในเมืองมาแล้งค่ะ”
“แมเรียน!?”
“ค่ะ แมเรียน”
ฉันไม่แน่ใจว่าทำไมบทสนทนาถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ แต่ก็สมกับที่เป็นเบลล์ซัง จากที่ได้ยินดูเหมือนจะมีการเตรียมเอาไว้แล้วด้วยความห่วงใยจากเอสเปอร์ของฉันเอง ฉันรู้ว่าเบลล์ซังเข้าใจในตัวฉันได้ดีกว่ายิ่งกว่าตัวฉันเอง แต่ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรที่เหมือนกับการทำนายอนาคตได้แบบนี้ เมื่อเช้าฉันดูเหมือนอยากกินแมเรียนมากขนาดนั้นเลยเหรอ
“ฮิเมะชอบแมเรียนจริง ๆ เลยนะคะ”
“ชอบมากกว่ามิร่า”
“เอ๊ะ”
“ล้อเล่น”
เมื่อเห็นสีหน้าสิ้นหวัง ฉันก็รีบพูดเสริมไปทันทีอย่างรีบร้อน มิร่าซังดูโล่งใจขึ้น การเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปมาทันทีดูสนุกดี บางครั้งฉันก็เล่นตลกแบบนี้ แต่คนที่เป็นเป้าหมายอาจไม่เห็นเป็นเรื่องตลก ไม่ดี ฉันต้องชั่งน้ำหนักให้มากกว่านี้
“อึก…..ฟู๊”
เคี้ยวเนื้อแล้วกลืน ก่อนตามด้วยน้ำซุป กลิ่นมันติดลิ้นที่หลงเหลืออยู่เล็กน้อยบนลิ้นไหลลงสู่ท้อง ซุปเป็นซุปผักใสที่เคี่ยวไฟอ่อนเข้ากันได้ดีกับหมูชิ้นหนานี้ ดูเหมือนจะเป็นเมนูที่สามารถกินได้แบบสบาย ๆ ไม่ต้องคำนึงถึงลำดับ ทั้งหมดนี้รวมกันเป็นจานเดียว
“อริซซามะมีความสุขกับการทานจริง ๆ เลยนะคะ การที่พวกเราได้รวมทานด้วยเช่นนี้ก็ทำให้อาหารอร่อยยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ”
“งะ งั้นเหรอ?”
เบลล์ซังพูดพร้อมยิ้มกว้าง ดูเหมือนไม่ใช่คำเยินยอ แต่เป็นใจจริง ฉันเองก็ด้วย ไม่ใช่ว่าฉันเกลียดการกินอาหารคนเดียว แต่ฉันรู้สึกว่าการได้กินอาหารพร้อมกับคนที่ฉันชอบ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการกินได้ ไม่จำกัดแค่เฉพาะมื้ออาหาร แต่เป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่ได้แบ่งปันกับคนที่เรารัก จะมีอะไรที่มีความสุขไปมากกว่านี้ล่ะ
“อืมอืม”
เติมความสุขให้ตัวเอง และจดจ่ออยู่กับการกินอาหาร เพลิดเพลินกับการกัดครั้งสุดท้าย ก่อนชำระล้างด้วยน้ำผลไม้ให้ลำคอสดชื่น ดื่มด่ำกับความสุขและความพึงพอใจ ฟู๊ว และหยุดพัก ทั้งสองคนกินอาหารเร็วจนเสร็จแล้ว จึงรอให้ฉันกินเสร็จด้วยการคุยกันพอประมาณ
ความเงียบที่น่ารื่นรมย์ดำเนินไปชั่วขณะหนึ่งและในทันใด
“แมเรียน ที่ห้อง?”
“ค่ะ แมเรียนค่อนข้างเสียยาก ดังนั้นจึงเก็บไว้ในห้องได้ระยะหนึ่งค่ะ”
“เข้าใจแล้ว”
ฉันได้เรียนรู้ข้อดีข้อหนึ่งของแมเรียนแล้ว เมื่อพูดถึงผลไม้ ภาพลักษณ์ก็คือผลไม้จะเสียทันทีหากไม่เก็บไว้ในที่เย็นพอ แต่ดูเหมือนแมเรียนจะไม่เป็นเช่นนั้น อ้า วิเศษมาก แมเรียน ว่าแล้วเชียว แมเรียนเป็นผลไม้ที่ได้รับพร เป็นของขวัญจากสรรค์
“อยากทานทันทีที่กลับถึงห้องเลยไหมคะ?”
“อืมมมมมม…..ตอนนี้ อิ่มเนื้อแล้ว”
การแยกกระเพาะสำหรับแมเรียนเป็นเรื่องง่าย แต่ไม่ควรบังคับตัวเองให้กินเมื่ออิ่มแล้ว ทันทีที่รู้ตัวความอยากก็ลดลง ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่บาปหนาอะไรเช่นนั้น
“เช่นนั้น ตอนกลางคืน?”
“อืม ตอนกลางคืน สักนิดหน่อย”
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
และใช่ ห้องอาหารแห่งนี้ยังวางแผนความสะดวกสบายเอาไว้อีกด้วย ถ้าถามว่าละเอียดถี่ถ้วนแค่ไหน ก็เมื่อฉันเหลือบมองบริกร เขาก็จะเข้ามาทันทีอย่างเงียบ ๆ พร้อมท่าทางสุภาพที่บอกว่าปล่อยให้หน้าที่ของเขาเอง
แต่ว่า ที่นั่งค่อนข้างไกลจากเคาน์เตอร์ และห้องอาหารก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย แต่ก็ยังสามารถเข้าใจบทสนทนาเบา ๆ ได้โดยไม่ต้องพูดออกมาเสียงดัง ๆ แน่นอนไม่ใช่แค่พวกเราที่ฟังอยู่ ว่าแต่ว่าเขากำลังฟังอะไรอยู่ ตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ของเขาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ เขามักจะคอยเฝ้ามองไปรอบ ๆ อยู่ตลอดเวลา ยังไงก็ตามก็เป็นแค่การแสดงความเคารพในแบบที่ฉันไม่สามารถทำออกมาได้
“ฮิเมะ วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้างคะ”
“หืม วันนี้ ใช้เครื่องมือ คำนวณเลขจำนวนมาก”
“เลขจำนวนมากสินะคะ”
“อืม ทั้งร้อย ทั้งพัน”
“เข้าใจแล้วค่ะ ข้าเองคำนวณได้มากที่สุดเท่าที่สามารถนับได้ด้วยนิ้วของข้าได้เท่านั้นเองค่ะ”
มิร่าซังยิ้มกว้างจีบปากจีบคอพูดติดตลก จี้เส้นจนฉันเองต้องหัวเราะออกมา แต่ที่แน่ ๆ คือไม่มีเครื่องคิดเลขดิจิตอลทำให้การคำนวณเลขจำนวนมากเป็นเรื่องยากอย่างไม่ต้องสงสัย
――――ยังไงก็ตาม แม้เครื่องคิดเลขที่ได้ใช้ในชั้นเรียนวันนี้จะไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็ของที่น่าตื่นตาตื่นใจ เป็นเครื่องที่ตั้งชื่อตามผู้คิดค้นว่า”ปาสคาโลน*”เป็นเครื่องคิดเลขที่ช่วยให้การคูณและการหารง่ายขึ้น ดูเหมือนเป็นของที่ไม่มีอยู่ทั่วไป แต่โรงเรียนดูเหมือนจะเห็นประโยชน์ของอุปกรณ์จึงติดตั้งไว้ในชั้นเรียน
ถ้าให้อธิบายถึงหน้าตาอย่างง่าย ๆ เลยคือ แท่งไม้สิบแท่งที่มีตารางสูตรคูณตั้งแต่ 0 ถึง 9 ตัวอย่างเช่น หากเป็นแท่งไม้ 6 ตารางสูตรคูณจะถูกเขียนวรรคในคอลัมน์เรียงตามลำดับจากบนลงล่าง 6, 12, 18 และ 54 เป็นเลขสุดท้าย
(*パスキャローヌ
ชื่อดัดแปลงจาก Pascaline(パスカリーヌ)https://en.wikipedia.org/wiki/Pascal%27s_calculator
หน้าตาดัดแปลงจากส่วนบนของ calculating clock ของ Wilhelm Schickard
https://en.wikipedia.org/wiki/Wilhelm_Schickard)
และคุณสมบัติหรือข้อดีของเครื่องคิดเลขนี้คือ มีเส้นทแยงมุมระหว่างหลักสิบกับหลักหน่วยตามลำดับ เมื่อมองแวบแรกนี่ดูเหมือนแค่ตัวแบ่งหลักที่ไม่มีความหมายอะไรเลย แต่ทว่า จะแสดงถึงตัวตนที่แท้จริงในยามที่ทำการคำนวณแบบหลายหลัก
ตัวอย่างเช่น สมมติว่าต้องการคูณที่ซับซ้อนเช่น 3×179 ในกรณีนี่ ปาสคาโลนจะใช้ฝั่งที่มีตัวเลขมากที่สุดในสมการมาเป็นตัวตั้ง ซึ่งก็คือแท่งของเลข 1, 7 และ 9 แล้วเอาแท่งทั้งสามมาประกบกัน ทีนี่ดูที่ตัวเลขตรงข้ามในสมการ ดูที่คอลัมน์ที่ 3 ตัวเลขที่เรียงกันอยู่คือคำตอบ เส้นทแยงมุมที่แยกตัวเลขนั้นมีประโยชน์ ณ ตรงนี้ เพราะแต่ละคอลัมน์เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสม่ำเสมอ เมื่อนำแท่งไม้มาเรียงกัน เส้นทแยงมุมก็จะเชื่อมต่อกับเส้นทแยงมุมของแทงถัดไป สร้างจุดเชื่อมต่อเฉพาะของคอลัมน์ออกมา
ตัวเลขด้านในจุดเชื่อมต่อเป็นหลักหน่วยและหลักสิบตามลำดับ ในการคำนวณนี้ ตัวเลขที่อยู่ในคอลัมน์ที่ 3 ของ 1, 7 และ 9 คือ 3, 21 และ 27 ตามลำดับ ดังนั้นตัวเลขในจุดเชื่อมเดียวกันคือ 3 กับ 2 ของ 21, 1 ของ 21 กับ 2 ของ 27 และเมื่อบวกตัวเลขเข้าด้วยกัน ก็จะได้คำตอบของตัวเลขนั้น
ในกรณีนี้ 3 + 2 ได้ 5 และ 1 + 2 ได้ 3 ตามลำดับ หลังจากนั้น หากเริ่มอ่านตัวเลขจากด้านซ้ายทีละหลักหลังจากบวกแล้ว จะเป็น 537 นั่นคือจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า 3 × 179 เท่ากับ 537 ต้องใช้เวลาอีกหลายครั้งสำหรับการคูณหลายหลัก แต่ ไม่ไม่ คนที่คิดเรื่องนิ้ออกมาได้ควรได้รับการยกย่อง ต้องเป็นคนประเภทที่เรียกว่าอัจฉริยะหรือผู้ยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย จากมุมมองสำหรับฉันที่มีความรู้เกี่ยวกับชาติก่อน หลักการก็เหมือนกับการการคำนวณบนกระดาษ แต่ฉันก็ค่อนข้างประทับใจกับประเด็นที่ว่าสามารถเข้าใจได้ในทันทีเพียงแค่จัดเรียงแท่งไม้ แน่นอน ไม่ใช่แค่ฉันที่ประหลาดใจที่เข้าใจวิธีใช้งาน แต่ทั้งชั้นเรียน รวมทั้งรูนไฮม์ซัง ต่างก็เต็มไปด้วยเสียง
“ฮิเมะ…..?”
“…..อะ อือึอ”
ระหว่างที่มองย้อนกลับไปที่บทเรียน มิร่าซังเรียกฉันด้วยความเป็นห่วงฉันที่จู่ ๆ ก็เงียบไป ฉันส่ายหัวบอกไม่มีอะไร ดูเหมือนว่าชั้นเรียนคณิตศาสตร์คลาสถัดไปจะสอนวิธีหารโดยใช้สิ่งนั้น ที่จริงฉันไม่ชอบการคำนวณเลย แต่ฉันตั้งตารอการเรียนครั้งต่อไปเพียงเพราะฉันสามารถรับมือกับการใช้ปาสคาโลนได้
การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก ตีความความประทับใจผิดไปนิดหน่อย แล้วเบลล์ซังก็พยักหน้าและหันกลับมาถาม
“เช่นนั้น พวกเรากลับห้องกันเลยไหมคะ”
“ก่ะ”
มาเตรียมตัวเรียนเมื่อเรากลับห้องกันเถอะ พรุ่งนี้มีคลาสเวทมนตร์ ฉันต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อที่ฉได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งที่สุด เอาล่ะ ฉันตั้งสติและลุกขึ้น…..พยายามยืนขึ้น
“――――ว้าย….. !? “
“อริซซามะ….. !? “
ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะลุกขึ้นโดยไม่ได้ตรวจสอบโดยรอบ คุ ในขณะที่ฉันกำลังผลักเก้าอี้ไปด้านหลังเมื่อฉันคิดว่าฉันโดนอะไรบางอย่าง ของเหลวร้อน ๆ ก็พุ่งลงมาจากด้านบน ความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาที่ไหล่ขวาที่โดนราดในทันที
“อะ อึก อ…….”
“ฮิเมะ เป็นอะไรไหมคะ!? “
“อะ อืม……ม๊ายเป็นร๊าย”
เมื่อเห็ยฉันเสียสมดุล มิร่าซังก็ร้องเสียงดังเข้ามาช่วยเหลือฉันอย่างรีบร้อนทันที ฉันคิดว่าตัวเองคงอยู่ในระดับน้ำร้อนลอกเล็กน้อย ตอนนี้เก็บเรื่องนั้นไว้ก่อน
ดูลักษณะของของเหลวร้อนที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นแล้ว คือ … ซุป
“เดี๋ยวเถอะ ชนกับคนอื่นจนอาหารกลางวันหกเละเทะขนาดนี้ ยังจะสนแต่ตัวเองอยู่อีกเรอะ?”
“อะ เอ๊ะ เอ๊ะโตะ…..”
เสียงตำหนิดังจากอีกฝ่าย พยายามจะตะโกนให้ฉันขอโทษทันที เมื่อหันไปมองก็เห็นหญิงสาวที่ดูท่าทางเอาแต่ใจและแก่กว่ามิร่าซัง เธอแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความรังเกียจและความโกรธ ในขณะที่โบกชามซุปเปล่าราวกับจะโชว์ด้วยมือเดียว การถูกจ้องเข็งด้วยความโกรธขนาดนั้น ฉันกลัว
“เรื่องนั้น ขะ ขอโทษก…….”
“แล้วหล่อนจะทำยังไงห๊ะ เห็นไหมรองเท้าคู่โปรดของฉันสกปรกไปหมดแล้ว”
ฉันไม่รู้ว่าจะขอโทษน้ำเสียงยังไงดี ไม่มีหวังแล้ว ถึงจะดูหยาบคายไร้มารยาท แต่น้ำตาของฉันก็เริ่มไหลออกมา แต่ก่อนที่จะล้นออกมา เบลล์ซังก็เข้าบังเพื่อซ่อนฉันไว้
“ดิฉันต้องขอประทานอภัยจริง ๆ เจ้าค่ะ สำหรับความหยาบคายในครั้งนี้ ทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของดิฉันที่เป็นข้ารับใช้เจ้าค่ะ ดิฉันผ่อนคลายจนได้เผลอเรอหลงลืมหน้าที่ของตนเองที่ต้องคอยระแวดระวังบริเวณโดยรอบของผู้เป็นนายอยู่เสมอจึงทำให้เกิดสถานการณ์นี่ขึ้นมาเจ้าค่ะ”
“ห๊า? พูดแบบนั้นแล้วยังไงต่อยะ”
เธอขมวดคิ้วอย่างสงสัย การที่เป็นนักเรียนของโรงเรียนนี้ ชัดเจนว่าเป็นต้องเป็นขุนนาง และแม้ว่าจะเป็นขุนนางเช่นเดียวกัน แต่การเสียมารยาทก็มีผลราคาแพง นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันรู้ว่าเบลล์ซังกำลังพยายามจะพูดอะไรต่อไป ทำให้ฉันรู้สึกกลัวจนจะร้องไห้ ไม่สามารถส่งเสียงได้ ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะพูดอะไรไร้สาระออกไปได้เลย เพราะความประมาทของฉัน ฉันไม่ดีเอง เป็นเรื่องชัดเจนสำหรับทุกคน
เธอพยายามคว้ามือฉันที่ซ่อนไว้ด้านหลังโดยที่ฉันพยายามซ่อนเอาไว้แน่น ฉันสะบัดมือไปมาและก้มหัวหลบไว้ แต่
เสียงที่ดังขึ้นจากด้านหลังของเธอได้เข้ามาขัดจังหวะ
“……แล้ว นี่เอะอะอะไรกัน?”
ฟุ๊ ดวงตาสีแดงและสีเขียวเข้มเรียวคมไม่พอใจพาผู้ติดตามมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกอดอก ผมสีทองที่ช่วยส่งให้เสียงเยือกเย็นฟังดูสง่างามโดดเด่น
” ―――― รูนไฮม์、ซัง”
MANGA DISCUSSION