ตอนที่ 15 ท้องฟ้ากว้าง
“ลา ล้า ล๊า”
“ฟุๆๆๆ รู้สึกสนุกเหรอคะ?”
“อืม”
ฉันกำลังเดินอย่างอารมณ์ดีมีชีวิตชีวาอยู่ในทุ่งหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ท้องฟ้าสีน้ำเงินกว้างใหญ่ทอดยาวออกไปสุดสายตา ดอกไม้ที่บานสะพรั่งไปทั่ว และต้นไม้ใบหญ้าสดใสพลิ้วไหวไปตามหน้าแข้งภายใต้ชุดเดรสที่เคลื่อนผ่าน
ที่นั่นอยู่คั่นกลางระหว่างภูเขาและทะเลสาบ ต้องเดินตรงออกจากถนนที่พาไปสู่ทะเลสาบสักพัก
“นี่นั้น…….?”
“ค่ะ อริซซามะ ด้านหน้าคือทุ่งแมเรียน”
“แมเรียน!”
ไกลออกไปใกล้ทะเลสาบมีอาคารคล้ายกระท่อมอยู่ที่นั่น พื้นที่ค่อนข้างใหญ่ มีรั้วล้อมอยู่รอบ ๆ นอกจากนี้ยังแบ่งออกเป็นหลายส่วน สถานที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งนา แต่ก็มีสัตว์บางชนิดให้เห็น
ที่นั่นถูกเรียกว่าแมรี่แลนด์ฟาร์ม ดูเหมือนจะเป็นพื้นที่เกษตรกรรมเพียงแห่งเดียวในมาเรียน่าที่มีฟาร์มปศุสัตว์
“ดิฉันไม่ได้มาที่ฟาร์มสักพักแล้ว”
คาลเมียร์ที่ตามมาทันพูดขึ้น แล้วหยุดยืนอยู่ข้างๆฉันกับเบลล์ซังที่คุยกันอยู่
ม๊า จุดประสงค์ของการเดินที่มาไกลขนาดนี้ จะเป็นการเดินเล่นแบบครั้งนี้ หรือบางทีจะเป็นการมาสั่งซื้อสินค้าจากสัตว์บางชนิดโดยตรงกันนะ
“ใหญ่จัง”
เมื่อมองทะเลสาบที่อยู่เลยไปจากฟาร์มอีกครั้ง ฉันก็รู้สึกถึงความใหญ่โตอย่างท่วมท้น ที่จริงดูแทบจะเหมือนทะเลขนาดย่อมๆเลย ที่อีกด้านของทะเลสาบมีป่ารกทึบดูมืดครึ้มจากระยะไกล และยากที่จะผ่านไปได้แน่นอน
ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเข้าถคงจริงๆ ยกเว้นถนนสายเดียวที่วิ่งผ่านเมืองเส้นนั้น
“ค่ะ ใหญ่มากจริงๆ”
“สุดยอด”
พวกเราสามคนจ้องมองทัวทัศน์อันงดงาม บางครั้งก็มีสายลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้ามากระทบแก้ม ปัดผมไปมา รู้สึกดีจริงๆเลย
“สายลมให้ความรู้สึกดีจริงๆเลยนะคะ อริซซามะ”
“อืม มากๆ”
ฉันตอบเห็นด้วยกับคาลเมียร์ซังที่กำลังเสยผมสีแดงเบาๆอยู่เหมือนกัน ฉันหันสายตาที่ถูกช่วงชิงไปโดยทะเลสาบกลับมาที่เดิม เบลล์ซังสังเกตเห็นสายตาของฉัน และถามกลับมาด้วยสายตาของเธอ
“แมเรียน ไปกัน”
“รับทราบค่ะ”
เธอตอบสนองข้อเสนอของฉันด้วยการพยักหน้า จากนั้นพวกเราก็จับมือกันแล้วเดินไปที่สวนแมเรียน
กลิ่นของแมเรียนลอยมาแตะปลายจมูกและลิ้นอย่างลึกลับ ทำให้ฉันนึกรสชาติจนต้องกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากเพื่อไม่ให้ไหลย้อยออกมา
“นี่คือแม…….”
“แมเรียน!”
ก่อนที่เบลล์ซังจะหยุดและพูดอะไรบางอย่าง ฉันก็วิ่งไปที่บริเวณใกล้รั้ว
“ว๊าๆๆ อริซซาม๊า! อันตรายนะคะ!”
“อาร๊าๆ ฟุๆๆๆ”
คาลเมียร์ซังรีบวิ่งไล่ตามมาจากด้านหลัง ฉันกระโจนไปทั้งตัวโดยไม่สนร่างกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ต้องหมดหวังในทันที แม้รั้วจะเตี้ยแต่ก็ยังสูงกว่าฉันอยู่ดี แต่ แสงสว่างกำลังสาดส่องไปที่นั่น
………ถึงจะมองจากข้างบนไม่ได้ แต่ฉันก็สามารถมองจากช่องว่างของรั้วได้!
“อริซซามะ ทำแบบนี้ อันตรายนะคะ กรุณาอย่าทำได้ไหมคะ?”
“ขะ…..ขอโทษก่ะ”
“ค่ะ ดีแล้ว”
จากที่พยายามจะมองผ่านรั้วเข้าไป ฉันหันกลับไปหาเบลล์ซังที่ตักเตือนฉันขณะที่กำลังเดินตามมาถึง
คาลเมียร์ซังก็มีสีหน้าหนักใจเช่นกัน นอกจากนี้ฉันยังบาดเจ็บอยู่ ฉันโดนเตือนให้จำสิ่งนั้นให้ขึ้นใจ และขอโทษอย่างเชื่อฟัง ฉันก็รู้สึกตื่นเต้นมากเกินไปหน่อยจริงๆ
แต่ว่า ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง ก็เป็นเช่นความรู้สึกของโจรสลัดที่ได้พบสมบัติลับที่หลับใหลมาตั้งแต่สมัยโบราณ ลอยกระเพื่อมบนผิวทะเลสาบยิ่งทำให้น่าตื่นเต้นขึ้นไปอีก
“แคปตัน แมเรียน!”
ได้เวลาออกเรือ ดวงตาของฉันเปล่งประกาย ฉันชูคู่หูขึ้นเพื่อใช้แทนธง แล้วฉันก็นึกได้ถึงสายตาจากด้านหลังของฉัน ตอนที่ฉันพยายามยกคู่หูขึ้นท้องฟ้า เบลล์ซังก็มองมาด้วยสายตาสงสัยอย่างที่คิด
“อริซซามะ?”
“…….มะ ม๊ายมีอาร๊าย”
ฉันรีบกอดคู่หูกลับมาแนบอกเป็นการตบตา เบลล์ซังเล่าว่าเคยทำงานอยู่ที่บาร์ที่มีคนเร่ร่อนมารวมตัวกัน แต่ฉันจะถามได้ไหมว่ามีคนเหมือนโจรหรือเปล่า
คนที่คล้ายๆโจร ที่ไม่ใช่โจรสลัดก็ได้ ฉันอยากลองถามดู แต่ก็อดกลั้นไว้
เธอบอกบอกรู้สึกรังเกียจเลยหนีมา บาร์นั้นคงเป็นความทรงจำที่ขมขื่นสำหนับเบลล์ซังที่เธอไม่อยากจะพูดถึง เลิกคิดถึงคำถามที่จะทำให้เธอคิดถึงเรื่องพวกนั้นจะดีกว่า
“แมเรียน เยอะแยะ”
จากนั้น
ฉันก็ดึงสติกลับมายังสวนสวรรค์ที่อยู่ตรงหน้า
อ้า มีแมเรียนต้นเล็กๆอยู่มากมาย……ฉันมั่นใจว่าพวกนี้ต้องเติบโตได้เป็นอย่างดีแน่นอน
“อริซซามะ……?”
“ดูไม่ค่อยดีเลยนะคะ เหมือนจะลุ่มหลงเอามากๆ”
“ฟุๆๆๆ จริงๆ ดิฉันก็ชอบแมเรียนมากเหมือนกัน”
“กำลังหึงอยู่เหรอคะ? แมม”
“มะ ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นหรอกค่ะ……….”
“แค่ล้อเล่นค่ะ แต่ปฏิกิริยานั้นคือ…….?”
“ก็บอกว่าไม่มีอะไรไงคะ!”
ฉันอยากได้ ฉันอยากเอากลับบ้าน และปลูกไว้ในห้องของฉัน ฉันอยากจะมอบความรักให้ทุกวัน
ไม่สิ ม๊า ถึงจะเป็นความคิดที่ดี แต่คงตายในเวลาไม่นานแน่ๆ แถมยังเป็นความปรารถนาที่น่าจะรบกวนพวกเบลล์ซังอีก
“แมเรียน……..”
โฮ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเพ้อด้วยอาการพิษไข้ คนรอบๆต้องมองฉันเป็นคนแปลกๆแน่เลย แต่แมเรียน แมเรียน แต่สิ่งแผ่ขยายอยู่ตรงหน้าฉันคือ สวนแมเรียน
“แมเรียนนิสต์”ที่ไม่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ถือว่าใช้ไม่ได้ โดยเหตุนี้ฉันจึงบัญญัติศัพท์ใหม่ขึ้นมาตามใจ
“อริซซามะ สายตาดูอันตรายนิดหน่อยแล้วนะคะ”
“กะ”
เบลล์ซังที่มองมา กล่าวตำหนิฉันที่ทำตัวเหมือนกำลังถูกบางอย่างครอบงำ ดูเหมือนฉันจะทำให้เธอกังวล ดังนั้นเรามาพยายามระงับความรู้สึกของตัวเองกันดีกว่า
ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันควมคุมตัวเองไม่ได้ แต่ก็เพราะที่นี่ทำให้ฉันประทับใจได้มากๆเลยนี่
……เพราะที่ไม่ใช่ของเทียม ฉันไม่เคยเห็นฟาร์มของจริงมาก่อน
นอกจากนี้ยังเป็นสวนของแมเรียนที่ฉันชื่นชอบด้วย ฉันประทับใจมาก จนคำพูดและการกระทำของฉันออกจะแปลกๆ
“อะ เอะโต๊ะ……”
ใช่แล้ว เพราะแมเรียนทำให้ฉันฟุ้งซ่านและหลุดออกไปไกล จุดประสงด์เดิมคือ มาเพื่อชมทัวทัศน์ที่เบลล์ซังได้เห็นมาจากคุณแม่
และเช่นเคย เบลล์ซังเหมือนจะเข้าใจทุกสิ่งที่ฉันต้องการจะพูดเพียงแค่มองไปที่เธอ
“ตอนนั้น ดิฉันนอนเล่นกันที่ตรงนี้ และได้เห็นค่ะ”
“งั้นเหรอ”
ด้วยความที่คาลเมียร์สงสัยว่าเรื่องราวคืออะไร เบลล์ซังจึงแสดงให้ดูด้วยการนั่งลงห่างจากรั้วเล็กน้อย
ฉันตามไปข้างๆ ก่อนที่จะทันได้นอนลงตามที่เบลล์ซังพูด เธอก็กวักมือเรียกเอาไว้ก่อน
“ดิฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นผมสีเงินสวยของอริซซามะต้องเปื้อนดิน ได้โปรดนอนบนตักของดิฉันด้วยนะคะ”
“ขอบกุณ”
ว่ายังไงดี ดูเหมือนเธออยากจะให้ฉันนอนลงบนตักของเธอเพื่อไม่ให้ผมสัมผัสกับพื้น หากเสื้อผ้ามีคราบสกปรกติดอยู่ก็เพียงแค่ปัดๆตบๆก็พอแล้ว แต่จะเอาออกได้ยากหากพันเข้าไปในเส้นผม
“เอะ เอ๊ะโตะ…….เช่นนั้น ดิฉันด้วย?”
เมื่อเห็นฉันและเบลล์ซังเริ่มผ่อนคลาย คาลเมียร์ซังก็พูดพลางเอียงหัว
ดีใจจังที่ได้พักผ่อนกันสามคน
“ด้วยกัน”
“ค่ะ ด้วยกันกับอริซซามะ!”
รอยยิ้มที่ไร้กังวลของคาลเมียทำให้แก้มของฉันผ่อนคลายลง และเบลล์ซังก็ลูบผมของฉัน
ฉันจ้องมองท้องฟ้าที่แจ่มใส
“…..โฮเฮ”
ฉันควรเรียกฉากนี้ว่าอะไรดี
แค่กว้าง กว้างใหญ่
เมฆสีขาวบริสุทธิ์จำนวนหนึ่งกำลังแหวกว่ายอย่างอิสระไปบนทะเลสีน้ำเงินที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ดวงอาทิตย์สว่างจ้าพร่างพราวจนไม่สามารถมองได้ สาดส่องอย่างอ่อนโยน
“เป็น เช่นไรบ้างค่ะ……?”
นี่คือสิ่งที่เบลล์ซังต้องการแสดงสินะ
และแน่นอนน่าจะเป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องการแสดงให้ฉันเห็น
ฉันรู้สึกว่าหัวใจที่หยุดนิ่งจมลงในปัญหากำลังได้รับการคลี่คลายและสดชื่นขึ้น
ขณะที่มองท้องฟ้าไปด้วยกัน เบลล์ซังก็ถามด้วยน้ำเสียงที่ดูจะไม่สบายใจเล็กน้อย
“ใหญ่ เนอะ”
“ค่ะ ใหญ่มากๆๆๆ!”
หลังพูดบทสนทนาที่ฉันรู้สึกเหมือนก่อนหน้านี้ ฉันก็ยิ้มอย่างพอใจ เบลล์ซังก็ดูจะสงบลง
ตักนิ่มมาก มุเนี๊ยว
ฉันกลับไปมองท้องฟ้าเหมือนเดิม และเงียบสักสองสามนาที
แล้วทันใดนั้นท้องของฉันก็ดังขึ้น คาลเมียร์ซังเปิดตะกร้าข้างๆเธอ
“อริซซามะ พร้อมจะรับอาหารกลางวันเลยไหมค่ะ?”
“…….อืม”
ฉันพยักหน้าให้ในขณะที่ซ่อนหน้าอยู่หลังคู่หู กู๊ ฉันลุกขึ้นนั่ง เป็นเรื่องน่าเสียดายเล็กที่ต้องลุกจากตักของเบลล์ซัง แต่ฉันไม่สามารถนอนกินได้
“ขนมปังและชีส เนื้อตากแห้งกับน้ำค่ะ”
คาลเมียร์ซังยิ้มให้ฉันที่หน้าถูกเคลือบเปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่โชว์ของที่อยู่ในตะกร้า ก่อนเทน้ำจากกระบอกไม้ที่ดูเหมือนจะเป็นกระบอกน้ำลงในถ้วย
“ชีสส”
“ค่ะ เป็นของกินที่ทำให้ทั้งชอบและไม่ชอบในเวลาเดียวกัน แต่คิดว่านี่เป็นโอกาสดีจึงนำมาด้วยค่ะ”
ชีส ชีสสินะ มาคิดดูแล้ว ในชาติก่อนก็มีอาหารที่มีชื่อเรียกแบบนี้อยู่เหมือนกัน
แน่นอนว่าฉันไม่เคยได้เอาเข้าปากหรอก ฉันแทบไม่เคยได้ชิมหรือได้รู้รสชาติของอย่างอื่นนอกจากเยลลี่โภชนาการ
พอคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นตอนนี้แล้ว เมื่อก่อนพอเคยชินกับอะไรแบบนั้นไปแล้วก็รู้สึกเหมือนต่อมรับรสจะด้านชาไปแล้ว เมื่อเทียบกันแล้ว ฉันไม่คิดว่ารสชาติของชีสจะเลวร้ายไปกว่านั้น
ฉันยังจำความประทับใจในรสชาติ “ของจริง” ที่ได้ลิ้มลองครั้งแรกได้อย่างเต็มตา
“ชีส กิน”
“ค๊า อริซซามะ อ้าม~……….ดิฉันแค่ล้อเล่นค่ะ แมม กรุณาอย่าทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นได้ไหมคะ”
“ไม่ได้น่ากลัวค่ะ”
ฉันรู้สึกผ่อนคลายในความสัมันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองคนที่ไม่มีลำดับสูงต่ำมากนัก ไม่ผิดแน่ ในระหว่างที่คาลเมียร์ซังกำลังพยายามทำอ้ามกับฉัน แน่นอนเบลล์ซังรู้สึกเหมือนถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ
เธอคงไม่อาจรู้สึกสงบใจได้ที่จะมอบบทบาทที่คุ้นชินของตนเองให้กับคนอื่นได้
แม้ฉันจะคุ้นเคยกับการทำอ้ามแบบนี้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างพอเป็นคาลเมียร์ซังทำแล้วฉันกลับรู้สึกอาย ฉันไม่ได้มีปัญหากับคาลเมียร์ซัง แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจที่ไม่ได้เป็นเบลล์ซังที่อยู่ตรงนี้ ถึงตรงนี้ฉันรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นเด็กเอาแต่ใจไปซะแล้ว
“ฮะแฮ่ม ……….อริซซามะ อ้าม~~”
“อ้าม~”
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะหยุดหรอกนะ
ชีสชิ้นหนึ่งเข้ามาในปากของฉันที่เปิดเองโดยอัตโนมัติ ฉันรู้สึกหวาดๆเอามากๆ
“อั้ม”
ช่วงเวลาที่กัดลงไป เนื้อสัมผัสนุ่มกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ รสชาติของครีมที่รุนแรงกระจายไปทั่วทุกซอกทุกมุม นี่คือจุดเด่นที่ว่า มีทั้งชอบและไม่ชอบในเวลาเดียวกัน
แต่ฉันหมายถึง
“อร่อย!”
ความเค็มจาง ๆ กลิ่นหอมที่รุนแรงทำให้สมบูรณ์ไม่รู้เบื่อ และฉันต้องการอันต่อไป ถึงแม้จะไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าแมเรียน แต่ก็ดูจะกลายเป็นอาหารโปรดของฉันไปอีกอย่างแล้ว
“แต่ เงียบสงบ”
“ฟุๆๆๆ นั่นสินะคะ”
บางทีอาจจะเป็นความสุขที่ออกมาจากความชอบชีส คาลเมียร์ยื่นถ้วยน้ำมาให้พร้อมรอยยิ้ม ฉันรับมาด้วยมือทั้งสองข้าง และเอียงเพื่อดื่มให้ชุ่มคอ
“อึกๆ…..ฟู๊”
จากนั้นอ้าปากรับขนมปังที่หั่นเป็นชิ้นๆ――――
“โอ้? นึกว่าใคร พวกคุณหนูเองเรอะ!”
“อะ…….หืม?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางสวนด้านหลังจนฉันรีบปิดปากลง
ฉันหันหน้าไปรอบๆ และมองเห็นเจ้าของเสียงผ่านช่องว่างของรั้ว
“สวัสดีค่ะ แฮงค์ล็อตซัง พวกเรามาเดินเล่นกันเล็กน้อยนะคะ……..จะไม่ไปรบกวนการทำงานแน่นอนค่ะ”
“โอ้ น็อกซ์เบลซังกับคาลเมียร์ซัง ขอบพระคุณมากนะครับ ที่มาซื้อของจากพวกเราเสมอๆ”
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือเสมอมาค่ะ”
“ไม่ๆๆ นั่นเป็นงานของข้าอยู่แล้วครับ!”
เบลล์ซังกับคาลเมียร์ซังทักทายเขาอย่างคุ้นเคย และขอบคุณเขาในขณะที่กำลังข้ามรั้วมา
จากนั้นเขาก็เรียก คุณหนูน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักฉันด้วยเหมือนกัน เมื่อฉันลองค้นหาจากความทรงจำดู ฉันก็จำได้ทันที คนที่มีคำพูดสร้างบรรยากาศดีๆที่เป็นมิตรในตลาด คุณลุงเจ้าของร้านที่แมเรียนราคาถูก
“……..ร้านแมเรียน”
ดูเหมือนว่าแมเรียนที่เข้ามาในปากของฉันมาตลอดจะได้รับการเลี้ยงดูจากเขา
ในตอนนั้นก็เป็นเขาที่เลือกแมเรียนที่ดีที่สุดมาให้เช่นกัน
……ใช่ นั่นคือ เขาคือแมเรียนนิสต์มืออาชีพ การคงอยู่ของเขาควรเรียกว่าปรมาจารย์!
ฉันลุกขึ้นยืน และรีบวิ่งไปหาเขาทันที
“อาจาน!”
“โอะ โอ้…..? เป็นอะไรไปรึ คุณหนูน้อย”
“ขอบคุณสำหรับแมเรียนที่แสนอร่อยเสมอมา”
“ฮาๆ ข้าดีใจจริงๆที่ท่านพูดแบบนี้อีกครั้ง ชอบแมเรียนมากมั้ย!”
“ชอบ!”
“เอาละ งั้นรอเดี๋ยว ข้าจะไปเอาของดีจากโกดังมาให้!”
“จริงเหรอ!”
“พิเศษสำหรับคุณหนูน้อยเลยครับ ดูเหมือนที่น็อกซ์เบลซังมาซื้อเสมอๆ ต้องขอบคุณคุณหนูน้อยสินะครับ!”
อาจารย์พูดอย่างนั้นขณะที่พยายามผสมคำให้เกียรติเข้ามาอย่างเงอะงะ เขาจะให้แมเรียนกับฉัน …..และปลายทางของแมเรียนที่ส่งมาก็คือในท้องของฉันเป็นหลัก ดูเหมือนฉันจะโดนมองทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว
“…….อริซซามะ เจรจาเก่งมากค่ะ”
“ดิฉันพึ่งเคยเห็นแฮงค์ล็อตซังอารมณ์ดีขนาดนี้เป็นครั้งแรกเลยค่ะ”
เบลล์ซังและคาลเมียร์ซังกำลังประสบปัญหา เพราะไม่สามารถตามการสนทนาอันเข้มข้นของฉันกับอาจารย์ได้ทัน แต่ในขณะที่กำลังจะพูดต่อฉันก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างจากด้านหลัง เลยลองหันกลับไป ――――
“อะ…….?”
――――จากอีกด้านหนึ่งของทุ่งหญ้า ฉันเห็นสัตว์ร้ายสีเทาที่เผยเขี้ยวเปลือยเปล่ากำลังวิ่งมาอย่างดุร้าย
“หมา ป่า?”
หน้าตาคล้ายกับสิ่งที่เรียกว่าสัตว์สูญพันธุ์ที่ฉันรู้จัก แต่ฉันไม่มีเวลามาเพลิดเพลินไปกับความสุขที่ได้เห็นเป็นครั้งแรก
ดวงตาของหมาป่า กำลังจับจ้องไปที่อาจารย์ที่แยกตัวออกไปเอาแมเรียนตามลำพัง
” ―――― อันตาร๊าย!”
เมื่อสังเกตเห็นแบบนั้น ฉันก็วิ่งเข้าไปเพื่อขัดขวางทันที
MANGA DISCUSSION