ตอนที่ 19 ความฝันของการโต้กลับ
“ฟุๆๆๆ”
อารมณ์ของฉันพุ่งถึงขีดสุดโดยไม่สนใจต่อสิ่งใด ทั้งๆที่ยังตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนอยู่ไม่น้อย
เดินไปรอบๆตลาดพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย
สิ่งที่ฉันถืออยู่ในอ้อมอกไม่ใช่ตุ๊กตา….แต่เป็น แมเรียนที่มิร่าซังซื้อให้ฉัน แม้น้ำหนักจะมากไปหน่อยสำหรับร่างนี้ แต่กับความสุขที่ได้รับก็เป็นราคาที่ถูกมากๆ
“หืม……?”
ฉันไม่จำเป็นต้องระวังตัวจากสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างงั้นเหรอ นั้นก็เพราะมีมิร่าซังเดินตามอยู่ข้างหลังหนึ่งก้าว แต่ในตอนนี้มิร่าซังเดินเข้ามาหยุดเกือบประชิดตัวฉัน
ฉันเลยต้องหยุดตามแล้วมองขึ้นไปเห็นมิร่าซังจ้องมาที่ตาของฉัน
“มิร่า?”
“อะ ไม่มีอะไรค่ะ ฮิเมะ ไม่มีอะไรอะไรหรอกค่ะ เป็นความผิดของข้าเอง”
“เหรอ?”
“ค่ะ แต่ยังไงก็ตาม ฮิเมะชอบแมเรียนมากเลยสินะคะ?”
อืม ฉันตอบกลับไปตรงๆ หลังจากตอบกลับไปตรงๆ ฉันก็รู้สึกอายขึ้นมาเล็กน้อยจากที่ฮัมเพลงไปเมื่อกี้
ทันใดนั้นมิร่าซังที่จ้องมาก็ยิ้มอย่างพึ่งพอใจให้ฉัน
“การทำให้ฮิเมะมีความสุขนั้นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดค่ะ”
หลังจากพูดแบบนั้น ฉันก็ขอบคุณไปอีกครั้งพร้อมการแสดงออกว่าพึงพอใจ ก่อนที่จะได้รับความรู้สึกขอบคุณกลับมา
ฉันจะรีบกินแมเรียนทันทีที่กลับไปถึง
“ฟุเอะๆ”
“อริซซามะ?”
“…….อะ อืออึ”
ฉันรีบซ่อนรอยยิ้มกว้างแปลกที่เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ด้วยพลังทั้งหมดที่ฉันมี
ม๊า ฟุๆๆ เบลล์ซังดูเหมือนว่าจะสังเกตเห็นและยิ้มให้ฉัน
“เบลล์ ต่อไปคือ?”
ฉันถามถึงที่ต่อไปเพื่อกลบเกลื่อน แต่ก็เป็นความจริงที่ว่ามีหลายสิ่งที่ฉันอยากเห็น
กางเกงในฟักทอง ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะมอบกางเกงในฟังทองเป็นของขวัญให้เบลล์ซังในสักวัน และนั้นคือของที่ฉันอยากไปดูในตอนนี้
“นั้นสินะคะ…..ถ้าเช่นนั้นไปดูชุดเดรสกันดีไหมคะ”
“เจเลพาธี?”
“คะ?”
“มะ ไม่มีอะไร”
ครั้งนี้อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่เมื่อฉันมองไปที่เบลล์ซัง เธอมักจะตามติดความคิดของฉันได้อย่างสมบูรณ์แบบเสมอ และในความเป็นจริงESPก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ฉันคิดว่ามีคนที่สามารถใช้เทเลพาธีได้ด้วยการเพียงแค่คิด และที่แย่ยิ่งกว่าคือ ฉันไม่สามารถปฏิเสธได้เลย เพราะในโลกนีมีเวทมนตร์อยู่
ไม่สิ ม๊า ถ้าเบลล์ซังมีความสามารถนั้นอยู่จริง ก็น่าจะไม่ควรมีความคิดที่คลาดกันแปลกๆตอนที่เล่นดิสแตน
“อริซซามะ ตรงนั้นคือร้านขายเสื้อผ้าค่ะ”
เมื่อมองไปตามแนวสายตาของเบลล์ซัง ก็เห็นเต๊นท์ที่เรียงรายไปด้วยเสื้อผ้าและชุดต่าง ๆ
มีคนจำนวนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าร้าน พวกเขาพูดคุยถามคำถามต่างๆกับหญิงสาวผมสีม่วงที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของที่พยักหน้ารับลูกค้าอยู่ตลอด
ฉันเห็นทันทีว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ดูเหมือนจะเป็นสำหรับประชาชนทั่วไป เพราะเมื่อมองชุดที่ทั้งฉันและคนรอบข้างฉันใส่ ก็จะเห็นว่าผ้าที่ใช้และรูปแบบของชุดอยู่ในระดับขั้นต่ำสุด มีการตกแต่งที่เล็กน้อยมาก เป็นชุดที่มีการออกแบบน้อยมากเมื่อเทียบกับชุดที่ดูซับซ้อนของชนชั้นสูงทั้งหลาย
“ไม่มีของสำหรับเด็กผู้ชายเหรอ?”
“มีสิคะ ลูกของคุณสูงแค่ไหนคะ?”
“เอ๊ะโตะ สูงกว่าเอวฉันเล็กน้อย”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น … “
ดูเหมือนว่าเจ้าของร้านจะทำท่าทางคิดเล็กน้อยเกี่ยวกับคำพูดของหญิงสาวที่มีลูกติด ก่อนที่จะไปที่ด้านหลังของเต็นท์ แล้วกลับมาที่ยืนหน้าหญิงสาวพร้อมกางเสื้อผ้าที่ใหญ่กว่าของฉันหนึ่งหรือสองเท่าขึ้นโชว์
“ชุดนี้เป็นยังไงคะ?”
“…..โอ้ บางตะเข็บหยาบไปหน่อย ……แต่ มันก็เหมาะกับลูกชายของฉันมากๆเลย!ราคาเท่าไหร่น่ะ?”
จากนั้นก็ดูเหมือนจะมีการต่อรองกันเล็กน้อย ก่อนที่หญิงสาวจะดูพอใจแล้วจ่ายเงินตามราคาที่เจ้าของบอก หลังจากนั้นเธอก็เดินจากไปพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม แล้วเบลล์ซังก็มองมาที่ฉัน จากนั้นพวกเราก็เข้าใกล้หน้าร้าน ฉันเดินไปตามมือที่จับกันไว้อยู่
มิร่าซังมองไปด้านหลังเป็นครั้งคราวก่อนที่จะเดินตามมาติดๆ แม้จะตัดสินกันไปแล้วว่าไม่น่าจะมีอันตรายมากนัก แต่ในฐานะอัศวินผู้พิทักษ์ก็ไม่สามารถลดการระแวงระวังโดยรอบได้อย่างสมบูรณ์
“…….ยินดีต้อนรับ คณะท่านตระกูลแฟร์มิลค่ะ กำลังมองหาสิ่งใดอยู่เช่นนั้นรึคะ?”
ดูเหมือนเจ้าของร้านจะรู้จักพวกเรา เธอรีบคลุกเข่าลงหนึ่งข้างทั้งทีด้วยกิริยามารยาทของผู้ขาย ก่อนที่จะพูดกับพวกเราด้วยความสุภาพระวังตัว
แต่เพราะผมสีม่วงจึงดูเหมือนว่าเธออาจจะไม่ใช่ประชาชนทั่วไป แต่เธอก็ดูแต่งตัวไม่เหมือนขุนนาง ชนชั้นสูง หรืออัศวิน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ คลอริน่าซัง”
“เป็นเกียรติของฉันมากเลยค่ะ ต้องขอขอบพระคุณที่ท่านมาซื้อชุดวันพีชไปในครั้งก่อนด้วยนะคะ น็อกซ์เบลซามะ”
อ้า เข้าใจแล้วจากบทสนทนา ฉันเดาว่าเบลล์ซังซื้อชุดวันพีชขาวตัวใหม่ไปจากที่นี่
“แล้วคุณหนูทางนี้คือ?”
“ค่ะ ทางนี้คืออริซซามะค่ะ”
ฉันมั่นใจมากว่าเธอหันมาจ้องมองลึกเข้าไปในตัวฉัน ก่อนที่ฉันจะกล่าวทักทายเธอไปด้วยการย่อเข่าทักทายอย่างไม่ถนัด
ทันใดนั้นฉันก็เห็นแก้มเธอผ่อนคลายลงเล็กน้อย ฉันรู้สึกว่าท้ายที่สุดการทักทายก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำ
“วานพีช ขอบกุณ มากๆ”
“ม๊า…..!ไม่หรอกค่ะ ดิฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างแท้จริง ท่านหญิง”
จากบทสนทนาก็ทำให้ฉันไม่แปลกเรื่องที่มาของชุดวันพีชอีกแล้ว เบลล์ซังเฝ้ามองฉันที่เอียงคอกับการทักทายที่ไม่คุ้นเคยอย่างอ่อนโยน ความกดดันของฉันพุ่งถึงขอบสุด
แน่นอนฉันเกือบจะเป็นนกน้อย……ไม่สิ ฉันเป็นฮิคิโคโมริสุดไร้เดียงสาไม่รู้จักโลก แต่ถึงอย่างงั้น ฉันก็เป็น “ท่านหญิง” อย่างแท้จริง
แน่นอนว่าฉันไม่ได้พูดแบบนั้นในแง่ประชด
“ดิฉันขอแนะนำตัวนะคะ ดิฉันคลอริน่า คลอริน่า・เฟียส์น่า ปกติแล้วจะเป็นผู้อำนวยการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของโบสถ์ค่ะ”
“โบสถ์…?”
แม้จะมีคำหลายคำที่ไม่คุ้นเคยพูดออกมา ฉันก็เข้าใจบางคำ คำว่า โบสถ์ ถูกพูดถึงหลายครั้งในหนังสือภาพที่เกี่ยวข้องกับสตรีศักดิ์สิทธิ์
ที่เธอพูดมานั้นหมายถึงเธออาจจะเป็นนักบวช ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรหลังจากนั้น แต่ฉันก็เข้าใจว่าเธอทำสิ่งอื่นนอกเหนือจากร้านขายเสื้อผ้าด้วย
“ใช่ค่ะ อริซซามะ คลาริน่าซังเป็นผู้ปกครอง…..ไม่สิ เป็นซิสเตอร์ซังของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เป็นสถานที่ๆเหล่าเด็กๆจะมาอาศัยอยู่ด้วยสถานการณ์พิเศษนะคะ”
“สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
“ค่ะ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”
นี่อาจจะเป็นแค่การจิตนาการไปเอง แต่ซิสเตอร์ที่ทำงานจัดการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และคิดว่าที่นี่เป็นร้านขายเสื้อผ้า มันก็ทำให้ฉันนึกไปถึงการใช้เด็กๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาทำงานเย็บปัก
แหล่งความรู้ส่วนใหญ่ของฉันไม่มีสิ่งนั้น เพราะมันเป็นหนังสือมือสองในห้องพักเบรก เรื่องทั้งหมดอาจจะเป็นแค่การสร้างภาพ ดูเหมือนอาจจะเป็นความคิดที่ดูอคติไปสักหน่อย
” ―――― จำไมถึงเป็น นั้น……น็อกซ์เบลซามะ?”
“มะ ไม่ใช่หรอกค่ะ….อริซซามะ นั้นน่ะ ได้ยินสับสนกับอย่างอื่นรึเปล่าคะ?”
“เอ๊ะ …….. อุ อืมมมมม!”
ด้วยเหตุผลบางอย่างคลาริน่าซังตัวแข็งเกร็ง น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฉันได้ยินจะถูกต้องแล้ว แต่เมื่อพิจารณาสถานการณ์ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องดีที่จะสอดรู้เข้าไป
จะทำยังไงดี ในสมองมันตื่นตระหนกไปหมดแล้ว ไม่ต้องพูดถึงรูปภาพของหนังสือที่อ่านมานานแล้วเลย
“เอ๊ะโตะ…….”
ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรที่จะใช้ได้เลยเหรอ สิ่งที่ใช้หลอก สิ่งที่ยอมให้ถูกหลอก
――――ใช่แล้ว
“เพราะ…..เมื่อกี้ ลูกค้า บอก “ตะเข็บหยาบ”ไปหน่อย แต่ ชุดวานพีชที่ได้จากเบลล์ มันสวยมาก”
ใช่แล้ว ถ้าจำไม่ผิดผู้หญิงที่ซื้อเสื้อผ้าเด็กก่อนหน้านี้บอกว่าตะเข็บค่อนข้างหยาบ คนที่สามารถทำชุดวันพีชสวยๆไม่มีหลุดลุ่ยได้ ฉันคิดว่าไม่มีทางเป็นแค่มือสมัครเล่นแน่ๆ
แม้ว่าฉันจะพึ่งพูดไปแค่นิดเดียว แต่ฉันก็รู้สึกว่าจากบุคลิกท่าทางของเธอแล้ว ฉันคว้าบางอย่างที่ถูกต้องมาแล้วแน่ๆ
ทำตัวรู้ทันเหตุการณ์ดีกว่าฝืนดันทุรัง นั่นเป็นเหตุผลที่ยอมรับได้พอสมควรใช่ไหมล่ะ ในทางตรงกันข้ามถึงจะฝืนไปมากกว่านี้ก็ไม่มีอะไรออกมาเพราะต้นฉบับเป็นเพียงภาพในหนังสือ
ได้โปรดกรุณาถูกหลอกด้วยเรื่องนี้ด้วยเถอะ ขอร้องล่ะ
“……เข้าใจ แล้วค่ะ ดูเหมือนดิฉันจะสะเพร่าไปค่ะ”
“ทั้งได้ยินและยังจดจำบทสนทนาได้ สมกับเป็นฮิเมะ….เลยค่ะ”
“อะ อืม”
คลาริน่าซังเบิกตากว้าง มิร่าซังที่ยืนฟังอยู่เยื้องไปด้านหลังพยักหน้าด้วยความปลาบปลื้ม แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อฉันมองไปที่เบลล์ซัง เธอกลับมีสีหน้าท่าทางมีปัญหาเล็กน้อย
ยังไงก็ตามฉันรู้สึกว่าพวกเขาจะยอมรับข้ออ้างของฉันด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่
ทั้งๆที่ฉันเงยหน้ามองเบลล์ซังนานแล้ว เธอก็ไม่มีการตอบสนองกลับมา
“เบลล์…….?”
“…..คะ ขออภัยด้วยนะคะ อริซซามะ”
จากนั้นเบลล์ซังก็หันมาฉัน แล้วลูบหัวด้วยรอยยิ้มปกติของเธอ
ฉันคิดว่าบางที ฉันคงเข้าใจผิดไปเอง
“ดิฉันแค่กำลังทึ่งกับความเฉียบแหลมของอริซซามะอยู่เท่านั้นเองค่ะ แต่………”
แล้วเบลล์ซังดูลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะนั่งยองๆยื่นหน้าของมาใกล้หูของฉัน
“… เด็ก ๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้านั้น ไม่เป็นที่ยอมรับของผู้คนมากนัก พวกเขาสามารถทำงานในสถานที่ที่ยอมรับเพียง”ทาส”เท่านั้น ดังนั้น ดิฉันจึงช่วยเหลือให้เสื้อผ้าที่เย็บด้วยจักรเหล่านั้นสามารถขายในตลาดแห่งนี้ได้ ดิฉันหมายถึง……”
เป็นการพูดต่อเนื่องที่สร้างความลำบากใจให้เบลล์ซัง เป็นการต่อเนื่องที่ยิงตรงกลางเป้า
「หากเรื่องนี้รั่วไหล คลอริน่าซังและทุกคนอาจจะได้รับโทษโดยไม่สมเหตุสมผล」
ดังนั้นไม่ควรที่จะพูดมากเกินไป
ทางที่ดีที่สุดคือเงียบไว้ ฉันสงสัยจริงๆว่านี่เป็นเรื่องที่ควรจะบอกกับฉันอย่างงั้นหรือ
เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ความจริงเรื่องนี้มันก็มืดมนเกินไปสำหรับจะให้เด็กผู้หญิงอายุสี่ขวบได้รับรู้
“เข้าใจแล้ว”
เมื่อฉันตอบกลับไปด้วยเสียงเล็กๆ เบลล์ซังก็มีสีหน้าโล่งใจผสมเศร้าใจ
และ คลอริน่าซัง คนที่มีปัญหาแอบซ่อนเอาไว้ก็แกล้งทำหน้าราวกับไม่สนใจ
“คุโลริน่าซัง …..ขอโทษด้วย ฉัน…..จะไม่พูดแน่นอน สัญยา”
โชคดีที่ถึงแม้ผู้คนในตลาดจะสนใจพวกเราจนมองมาอย่างสงสัย แต่พวกเขาก็พยายามแค่ล้อมวงอยู่ห่างๆ
แม้แต่ในตอนนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น ทำให้พวกเขาไม่ได้ยินบทสนทนาอย่างแน่นอน
แม้เบลล์ซังจะดูเหมือนรู้บางอย่างมากกว่าที่พูดมาก็ตาม ส่วนมิร่าซังก็ดูไม่ใช่คนที่จะพูดเผยความลับไปทั่ว ถ้าฉันเงียบไว้ก็คงไม่มีปัญหา
“ไม่หรอก ท่านหญิงอย่าได้ขอโทษเช่นนั้นเลย……แต่ เข้าใจแล้วค่ะ หากท่านรู้สึกสงสาร เช่นนั้นดิฉันก็ขอวิงวอนท่าน ให้พวกเด็กๆสามารถขายของที่ทำได้ต่อไป ค่าตอบแทนที่ได้จะเป็นค่าใช้จ่ายให้กับพวกเด็กๆ ดิฉันรู้ดีว่าครึ่งหนึ่งนี่เป็นการหลอกหลวงผู้ซื้อ แต่……”
ฉันยิ้มให้เธอด้วยสีหน้าเศร้า ๆ
“ม๊ายเป็นรัย ――――คนจำงาน ก็คือคนที่จะได้รับค่าตอบแจน ……เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว”
ใช่ เป็นเรื่องธรรมดา
แรงงานควรได้รับค่าตอบแทนอย่างยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือสิทธิ์ในการดำรงชีวิต นอกจากนี้หากมีปัญหาเกิดขึ้นกับพวกเขา มันจะต้องไม่ถูกจำกัดการช่วยเหลือเพียงเพราะสถานะที่ติดตัวมายามเกิดเด็ดขาด
“อืมอืม”
ในตอนที่ฉันพยักให้ปรัญญาของตัวเองที่ได้รับมาจากก่อนอยู่คนเดียว ทันใดนั้นใบหน้าของฉันก็ถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งที่นุ่มนิ่มเกินบรรยายทันที
“ฟูฮี”
“อ้า ท่านหญิง…..ท่านช่างสมเป็นท่านหญิงจริงๆ ช่างเป็นท่านขุนนางที่แท้จริง……!”
เห็นได้ชัดว่าฉันถูกเธอพุ่งเข้ามากอดด้วยความประทับใจ
ฉันแน่ใจว่าเบลล์ซังและมิร่าซังที่อยู่ข้างๆกำลังร้อนรน เพราะฉันกำลังเหวี่ยงแขนไปมาไม่หยุด
และแมเรียนที่ถูกเขย่าไปมา ในที่สุดมันก็ทนไม่ไหวจนต้องกระโดดหนีลี้ภัยออกจากกล่อง
“มุกิ๊ววววว อึกมู่…..?”
“คะ คลอริน่าซัง!? อริซซามะกำลัง………”
แม้จะดูไม่ดี แต่ของเธอก็ใหญ่กว่าของเบลล์ซัง มันกดลงบนใบหน้าจนไม่เหลือช่องว่างให้หายใจได้แม้แต่น้อยนิด สติของฉันค่อยๆจางหายไป
อ้า โลกแห่งความฝันจะจบสิ้นลงแบบนี้สินะ……..
มันดูไม่ดีแล้ว ฉันเริ่มรู้สึกชักกระตุกจากอาการตะคริวทั่วตัว ช่วยรู้สึกตัวเร็วๆทีเถอะ ทันใดนั้นคลอริน่าซังก็ปล่อยฉันให้เป็นอิสระ ร่างเล็กๆรีบหายใจเต็มกำลังเพื่อเติมเต็มอากาศ
“โกฟู เฮียว ฮ้า ฮ้า ฮ้า ー…..ฮ้า ー…..ฮ้า ….แค่กๆๆ อุ…….”
“……ขะ ขอประทานอภัยเป็นอย่างสูงด้วยค่ะ! ดิฉันได้กระทำสิ่งหยาบคายเกินให้อภัยลงไปแล้ว…… !?”
เบลล์ซังรีบมาดูอาการของฉันที่ทรุดตัวลงส่งเสียงหอบหายใจ ด้วยมีมิร่าซังช่วยลูบหลังให้ ไม่มีที่ว่างเหลือพอที่จะให้ตอบสนองต่อคลอริน่าซังที่เฝ้ามองมาทั้งน้ำตาและขอโทษไม่หยุด จะบอกว่าไม่เป็นไรก็คงไม่ได้
“ฟู๊~ ฟู๊~…….”
“มะ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ……?”
ในระหว่างที่ฉันพยายามปรับลมหายใจอย่างสุดกำลัง ฉันก็พยักหน้าตอบคลอริน่าซังที่กำลังวิตกกังวลอย่างสิ้นหวัง
ในที่สุดหลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆจนปอดกลับมาสงบ ฉันก็ตั้งสติได้
” ――――อุ อุว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
ในตอนที่ฉันกำลังพยายามจะลุกขึ้น
“จะ เจ้า คิดจะทำอะไรกัน !? ฮิเมะ ――――”
สิ่งนั้นก็เกิดขึ้นอย่างฉับพลันเกินไป
ฝูงชนที่กำลังเฝ้ามองฉันอยู่รอบๆ จู่ๆก็แตกฮือออกจากกัน มีเสียงกรีดร้องอย่างรุนแรงและบางอย่างพุ่งกระโดดออกมา คือ เด็กชายคนหนึ่ง
เด็กชายสวมชุดขาดรุ่งริ่งเป็นชิ้นๆจนไม่สามารถเรียกได้ว่าเสื้อผ้า อย่างไรก็ตามดาบที่เขากำลังเหวี่ยงไปมาด้วยมือทั้งข้างกลับดูใหม่อย่างผิดสังเกต
“ไม่ยกโทษให้เด็ดขาด!”
มีเสียงเหล็กกระทบเหล็ก
เคร้ง มิร่าซังใช้กริชที่ดึงออกมาตอนไหนไม่รู้เข้าขัดขวาง ดาบถูกปัดทิ้งหลุดลอยไปในอากาศทันที
ต่างกัน
“ฮิเมะ! ไม่เป็นไรใช่ไหมค่ะ……!?”
ฉันส่ายหัวให้มิร่าซังที่วิ่งเข้ามาถาม ก่อนชี้นิ้ว
หายไป ไม่ใช่ตรงนั้น
“ฮิเมะ? ……. !?”
ฉันเห็น
ข้างหลังฝูงชนที่ส่งเสียงดังเอะอะ มีคนสวมฮูดลึกลับถือธนูอยู่
และนั้นคือตอนนี้ ที่ลูกศรถูกปล่อยออก
เป้าหมายหนึ่งเดียว คือ ฉัน มันพุ่งเข้าใส่โดยไม่คลาดเคลื่อน
” ――――อริซซามะ!!”
―――― มันปักเข้ากลางหลังของเบลล์ซังที่เอาตัวเข้ามาบังปกป้องฉัน
MANGA DISCUSSION