ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 939 วางอุบาย
ตอนที่ 939 วางอุบาย
ตู้ถิงถูกยั่วจนโมโหอีกครั้ง หน้าอกกระเพื่อมรุนแรงเอ่ยว่า “เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด เห็นอยู่ว่าน้องเจินเอ๋อร์กำลังช่วยเจ้า”
“ขอบคุณ ไม่จำเป็น”
ลู่เจียวไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ไม่มองสีหน้าย่ำแย่ยามนี้ของตู้ถิง “อีกอย่าง วันหน้าท่านบอกอนุและบุตรอนุท่านพวกนั้นว่า ทางที่ดีอย่าได้มารังแกเยี่ยนเอ๋อร์ หากให้ข้าเห็นพวกเขารังแกเยี่ยนเอ๋อร์ ข้าก็จะสั่งให้คนตีพวกเขา”
“เจ้า!”
เป็นครั้งแรกที่ตู้ถิงทำอันใดสตรีตรงหน้าไม่ได้ ก่อนหน้านี้ยังคิดว่าหญิงผู้นี้อ่อนแอรังแกง่าย เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้
ลู่เจียวยกมือบอกให้ตู้ถิงรีบออกไปอย่างไม่เกรงใจ “ท่านป๋อ รีบไปคิดให้ดี จะเขียนหนังสือหย่าข้าหรือทำตามธรรมเนียมข้า หากพรุ่งนี้เช้าข้าไม่ได้รับหนังสือหย่าจากท่านโหว พรุ่งนี้เป็นต้นไป ข้าจะจัดระเบียบจวนป๋อ ถึงตอนนั้นท่านป๋ออย่าหาว่าข้าโหดร้าย”
ตู้ถิงคิ้วกระตุกไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นอ่อนโยนลงทันที
“เสียนเอ๋อร์ เพราะข้าไปค้างห้องเจินเอ๋อร์บ่อยเกินไปทำให้เจ้าหึงหวงหรือ ความจริงข้าก็ไปเพราะลูกๆ และก็ไปปลอบใจเจินเอ๋อร์ อย่างไรนางก็…”
ตู้ถิงต้องการบอกว่านางต้องจำใจฝืนทน พลันคิดถึงคำพูดลู่เจียวก่อนหน้านี้ เกรงว่าลู่เจียวจะด่าเฝิงเจินอีก ก็รีบเปลี่ยนคำพูด
“วันหน้าข้าจะมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าให้มาก อย่างไรเจ้าก็เป็นภรรยาเอกข้า พวกเราต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอดชีวิต”
น่าเสียดายนางไม่หลงกลนี้ของเขา ลู่เจียวได้ฟังก็อยากจะอาเจียน ทนไม่ไหวรีบเปลี่ยนเรื่อง
“อีกอย่าง วันหน้าท่านต้องการโปรดปรานน้องเจินเอ๋อร์เจ้าก็โปรดปรานไป ขอเพียงนางยอมเป็นอนุของนางไปดี ๆ สงบเสงี่ยมเจียมตนเองอยู่แต่ในเรือนตน อย่าออกมาเสนอหน้าให้คนเรียกนางว่าฮูหยินรอง บุตรสองคนของนางก็ดูแลให้ดี ก่อนหน้านี้ถึงกับกล้าด่าข้า ไร้การอบรมสิ้นดี หากอบรมไม่เป็น ก็ส่งมาให้ข้าอบรม”
ตู้ถิงพลันไม่พูดอะไรอีก แฝดชายหญิงเป็นดังชีวิตของน้องเจินเอ๋อร์ จะส่งมาให้หลิ่วเสียนอบรมได้อย่างไร
ตู้ถิงครุ่นคิดแล้วก็ปวดหัว มองลู่เจียวกล่าวว่า “เจ้าใจกว้างหน่อยไม่ได้หรือ ทำเหมือนเดิมไม่ได้หรือ”
ลู่เจียวแค่นหัวเราะ “หากยังเหมือนเดิมก็เป็นการปล่อยให้ครอบครัวพวกท่านมารังแกข้าหรือ”
ตู้ถิงรีบอธิบายทันที “ผู้ใดรังแกเจ้า เจ้าเป็นฮูหยินจวนป๋อ ผู้ใดกล้ารังแกเจ้า”
“ข้าพูดแล้วไม่มีคนฟัง ยังไม่เรียกว่าโดนรังแกหรือ หากท่านไม่หย่าข้า พรุ่งนี้ข้าก็จะจัดการขายคนที่ไม่ฟังคำสั่งข้าพวกนั้นทิ้ง”
ตู้ถิงเห็นลู่เจียวไม่หลงกลโอนอ่อนไปกับเขา ก็อดโมโหไม่ได้ ยืนขึ้นชี้หน้านาง ด่าทอว่า “ช่างไม่รู้ความจริงๆ”
กล่าวจบก็โมโหหันหลังจากไป ลู่เจียวด้านหลังตะโกนไล่ตามไปว่า “พรุ่งนี้เช้าเอาหนังสือหย่ามาส่งด้วย”
ตู้ถิงเกือบสะดุดล้ม ด่าทอขึ้นทันที “ข้าว่าเจ้าเสียสติไปแล้ว”
ลู่เจียวแค่นหัวเราะ ลุกขึ้นเตรียมกลับห้องไปนอนสักครู่ ปรากฏเห็นเงาร่างผลุบโผล่ที่ประตู ก็นึกขำเดินเข้าไป เจ้าตัวน้อยรีบกระโดดขึ้นเตียงซุกตัวลงในผ้าห่ม
ลู่เจียวแสร้งทำเป็นไม่รู้ ล้มตัวลงนอนข้างๆ เจ้าตัวน้อยค่อยๆ เลิกผ้าห่มออกมามอง พอเห็นลู่เจียวมองอยู่ ก็รีบห่มผ้าห่ม หลบอยู่ในผ้าห่มเป็นนานก่อนจะเอ่ยว่า “หากท่านพ่อหย่าท่านแม่ ท่านแม่ก็จะไม่สนใจข้าแล้วใช่หรือไม่”
ในใจลู่เจียวสะอึกกึก คิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยอายุแค่นี้ แต่ฉลาดมาก มิน่าจึงเป็นพระสนมนางจิ้งจอกได้
นางยื่นมือไปดึงผ้าห่มบนศีรษะตู้เยี่ยนออก ดึงนางเข้ามามอง กล่าวว่า “หากแม่กับท่านพ่อหย่ากัน เจ้ายินดีติดตามแม่ไปจากจวนป๋อหรือไม่”
ตู้เยี่ยนกะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็พยักหน้าเต็มแรง “ข้ายินดี”
ก่อนจะสำทับอีกประโยคว่า “เช่นนั้น ท่านแม่จะไม่พาตู้หลิงซีกับตู้จั๋วไปด้วยกระมัง”
ลู่เจียวพยักหน้า “พวกเขาไม่ใช่บุตรของแม่ แม่จะพาพวกเขาไปทำไมกัน เจ้าเป็นบุตรสาวแม่”
เด็กน้อยเบิกบานใจอย่างเห็นได้ชัด มุมปากกระดกยกยิ้ม ถึงกับร้อนใจเอ่ยว่า “เช่นนั้น เมื่อใดท่านแม่จะหย่ากับท่านพ่อ”
ลู่เจียวแทบอยากจะร้องไห้ ยื่นมือไปดึงนางมากอด “อีกสักระยะหนึ่ง”
“อ้อ” สองแม่ลูกสองคนพูดจากันคนละคำสองคำก่อนจะหลับไป
ที่นี่สองแม่ลูกสองคนกำลังนอนกันเป็นสุข แต่คนที่เรือนชุนฮุยกลับกำลังโมโหสาปแช่งนาง
ฮูหยินผู้เฒ่าจวนจงอี้ป๋อไม่เคยต้องโมโหเช่นนี้มาหลายปีแล้ว ยามนี้โมโหด่าทอเสียงดัง “นังบ้าเสียสตินั่น เสียสติอันใด ถึงกับลงมือตีหลานรักของข้า”
ในใจฮูหยินผู้เฒ่ารักบุตรชายอันดับหนึ่ง นี่เป็นบุตรชายที่นางได้มาหลังจากให้กำเนิดบุตรสาวสามคน ไม่ได้ได้มาง่ายๆ นางรักจนแทบจะทุ่มเทหมดใจ โชคดีที่บุตรชายก็เชื่อฟังนาง
ก่อนหน้านี้เขาแต่งกับหลิ่วเสียนก็เป็นความคิดของฮูหยินผู้เฒ่า อย่าเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าผู้นี้ธรรมดา นางให้กำเนิดบุตรสาวถึงสามคนแล้วยังให้กำเนิดบุตรชายได้ สุดท้ายยังช่วยบุตรชายจนได้ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ป๋อมาครอง ก็รู้ว่านางเป็นคนมีมันสมอง
เพียงแต่ก่อนหน้านี้หลิ่วเสียนเชื่อฟัง สายสัมพันธ์แม่สามีและลูกสะใภ้ก็ไม่เลว คิดไม่ถึงว่าวันนี้หลิ่วเสียนถึงกับแม้แต่คำพูดนางก็ไม่เชื่อฟัง นางโมโหจนพูดไม่ออก
โดยเฉพาะพอเห็นตู้จั๋วหน้าแดง ก็ยิ่งปวดใจ
“นังอสรพิษ หย่านาง หย่านางเสีย”
ตู้ถิงย่อมปวดใจสงสารบุตรชาย นี่เป็นบุตรชายของเขากับน้องสาวญาติผู้น้อง ยังเป็นบุตรชายคนโตของเขา
“ท่านแม่ หย่านางไม่ได้ ท่านแม่ลืมแล้วหรือ งานของข้าก็ท่านบิดาภรรยาหามาให้ ยังมีอีก จวนป๋อเรายังต้องพึ่งพานาง”
หลายปีมานี้ หลิ่วเสียนค่อยๆ นำสินออกเรือนที่เป็นรายได้จากร้านค้ามาจุนเจือส่วนกลาง ทุกเดือนยังมอบเงินก้อนหนึ่งให้จวนป๋อไว้ใช้จ่าย หากไม่มีนาง จวนป๋อก็ไม่มีเงินใช้จ่ายหมุนเวียน
ดังนั้นตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาหย่าหลิ่วเสียน
ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมรู้ เพียงแต่ในใจปวดร้าวอย่างยิ่ง รู้สึกสงสารบุตรชาย ตบหน้าอกตนเองเอ่ยว่า “บุตรชายข้าช่างโชคร้ายจริง ถึงกับแต่งนางอสรพิษเช่นนี้มาได้”
เฝิงเจินขอบตาแดง ท่าทางกล้ำกลืนฝืนทนอย่างมาก
“ท่านอา เจ้าอย่าได้เสียใจไป ท่านยังมีข้ากับพี่ถิง พวกเราจะกตัญญูต่อท่าน”
“ใช่ ท่านแม่ ขอเพียงพวกเราอดทนสักระยะหนึ่งก็พอ รอให้หลอกเอาสมบัติจากนางหญิงผู้นั้นออกมาได้ก่อน ท่านก็ไม่ต้องทนรองรับอารมณ์นางอีก”
ตู้ถิงกล่าวจบ ก็คิดถึงว่าหลิ่วเสียนแสดงอำนาจ เป็นไปได้ว่าระยะนี้ตนเองมักจะไปอยู่ที่เรือนเฝิงเจินเป็นประจำ
เขาครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังน้องสาวญาติผู้น้อง กล่าวว่า “เจินเอ๋อร์ วันหน้าเจ้าอดทนกล้ำกลืนสักหน่อย พี่ต้องไปกล่อมนางที่เรือน ตอนนี้เจ้าอย่าเพิ่งออกไปให้นางเห็น”
เฝิงเจินกัดฟัน แต่คิดถึงเงินของหลิ่วเสียน สุดท้ายได้แต่อดทนกล้ำกลืน แต่ยังคงมองตู้ถิงด้วยน้ำตาคลอเบ้า “พี่ถิง เพื่อพี่ถิงกับท่านอา ข้าจะอดทน”
วาจานี้พลันทำให้ตู้ถิงกับฮูหยินผู้เฒ่าปวดใจ ทั้งสองคนพร้อมใจกันยื่นมือไปดึงมือนางเข้ามา “พวกเรารู้ว่าเจ้าเป็นคนดี รออีกสักหน่อย วันหน้าเจ้าก็คือนายหญิงปกครองจวนป๋อเรา”
เฝิงเจินได้ฟัง ในใจก็รู้สึกสบายขึ้น
วันรุ่งขึ้นลู่เจียวเพิ่งจะตื่นนอนก็พบทังจงพ่อบ้านจวนป๋อมารายงาน “ฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่าว่าระยะนี้ฮูหยินทำงานหนักเพื่อจวนป๋อ ให้ท่านพักผ่อนให้มาก นางจะดูแลจวนป๋อให้สักระยะหนึ่ง”
ลู่เจียวได้ฟังก็อดไม่ได้หัวเราะ ฮูหยินผู้เฒ่ากลัวนางทำร้ายหลานที่รักของนาง ดังนั้นไม่ให้นางรับหน้าที่ปกครองดูแลตระกูลตู้ เช่นนี้ก็ดีมาก
นางยิ้มพลางพยักหน้า “ได้ เจ้ากลับไปเรียนฮูหยินผู้เฒ่า วันหน้าจวนป๋อเราก็รบกวนฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว”
ทังจงมองสีหน้ายิ้มแย้มของลู่เจียวก็รู้สึกไม่สบายใจ จิตใจไม่ค่อยเป็นสุขสักเท่าไร
ลู่เจียวไม่สนใจเขา สั่งการห้องครัวให้ส่งอาหารมา เพราะเรื่องเมื่อวานของลู่เจียว ทำให้ห้องครัวไม่กล้าทำงานผิดพลาด อาหารเช้าประณีตอย่างมาก
ลู่เจียวให้คนไปพาตู้เยี่ยนมากินอาหารเช้า สองแม่ลูกกินอาหารเช้ากัน แม้ว่าไม่ได้พูดจากันมาก แต่ตู้เยี่ยนเบิกบานใจอย่างเห็นได้ชัด กินได้มากไม่น้อย
ลู่เจียวกลัวนางกินมากไปจะท้องอืด ไม่ให้นางกินอีก
เพราะก่อนหน้านี้เด็กน้อยคงหิวจนกลัว พอเห็นของกินดีๆ ก็กินไม่หยุด
ลู่เจียวสั่งการหรงหมัวมัวให้ตามชิวหลีกับตงเสวี่ยสาวใช้ระดับสองสองคนนี้มา เมื่อวานสาวใช้สองคนนี้ทำได้ไม่เลว
ลู่เจียวมองไปยังชิวหลีกับตงเสวี่ยกล่าวว่า “วันหน้าชิวหลีก็เป็นหัวหน้าสาวใช้ข้า ตงเสวี่ยก็เป็นให้หัวหน้าสาวใช้ของเยี่ยนเอ๋อร์ จำไว้ ข้าไม่ชอบคนที่กินในเรือน แต่นำเรื่องไปพูดนอกเรือน”