ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 938 รีบหย่า
ตอนที่ 938 รีบหย่า
ลู่เจียวกอดตู้เยี่ยนได้ครู่หนึ่งก็ปล่อยนาง กล่าวน้ำเสียงจริงจังว่า “เยี่ยนเอ๋อร์ วันหน้าแม่จะดีต่อเจ้า ก่อนหน้านี้เป็นความผิดแม่ ตู้หลิงซีกับตู้จั๋วไม่ใช่บุตรของแม่ แม่ดีกับพวกเขาเพียงใด พวกเขาก็ไม่ดีต่อแม่ เจ้าเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของแม่ แม่ดีกับเจ้า เจ้าก็จะดีต่อท่านแม่ใช่หรือไม่”
แววตาตู้เยี่ยนกลอกวนคิดรวดเร็ว จากนั้นก็กล่าวน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านแม่ดีต่อข้า รอให้ท่านแม่แก่แล้ว ข้าก็ดีต่อท่านแม่ ซื้อของอร่อยให้ท่านแม่กินทุกวัน ให้ท่านแม่สวมเสื้อผ้าสวยๆ”
ลู่เจียวได้ฟังก็อดก้มลงหอมแก้มนางไม่ได้ เด็กน้อยหน้าแดงก่ำทันที นางโตจนขนาดนี้ยังไม่เคยถูกท่านแม่กอด ไม่เคยถูกท่านแม่ทำเช่นนี้ ลู่เจียวทำเช่นนี้ทำเอานางหน้าแดงทันที
ลู่เจียวชอบตู้เยี่ยนมาก ปลอบใจนางว่า “แม่ให้คนไปย้ายของเจ้ามาที่นี่ มาอยู่กับแม่ดีหรือไม่”
ก่อนหน้านี้เพราะฮูหยินผู้เฒ่าต้องการให้นางแยกตู้เยี่ยนไปอยู่เรือนของนางเพียงลำพัง แค่คิดก็รู้ได้ว่าบ่าวสุนัขพวกนั้นจะทำกับนางเช่นไร
“ดี ดี”
ลู่เจียวปลอบใจตู้เยี่ยนเสร็จ ก็ให้หรงหมัวมัวพานางไปเรือนข้าง ย้ายของตู้เยี่ยนมาที่เรือนนี้
หรงหมัวมัวดีใจรีบให้คนไปจัดการเรื่องนี้
ลู่เจียวเห็นตู้เยี่ยนเหนื่อยแล้ว ก็กล่อมนางเข้านอน พอนางหลับ ก็วางนางลงบนเตียงในห้อง
เด็กน้อยร่างผอมแคระแกร็นจริงๆ บอบบางราวกับแมวป่วย ดูท่าต้องเลี้ยงดูนางให้ดีแล้ว
ลู่เจียวเพิ่งจะก้าวออกจากห้อง ก็เห็นชายผู้หนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางโกรธจัด
คนผู้นี้ก็คือตู้ถิงจงอี้ป๋อ ตู้ถิงอายุไม่นับว่ามาก ยี่สิบสามยี่สิบสี่เท่านั้น แลดูเหมือนบัณฑิตหนุ่มน้อย แต่ยามนี้สีหน้าเขาเต็มไปด้วยโทสะ ตอนเดินเข้ามาก็ชี้หน้าลู่เจียวตวาดด่าเสียงดัง “หลิ่วเสียน เจ้าคิดขบถหรือ”
ลู่เจียวจ้องมองเขา รับคำด้วยท่าทีไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย “ใช่ ข้าคิดขบถ ท่านโหวคิดหย่าภรรยา เช่นนั้นก็รีบเขียนหนังสือหย่าให้ข้าก็แล้วกัน”
นางไม่สนใจชายผู้นี้ แม้แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ยังสู้ไม่ได้ ตำแหน่งตอนนี้ก็ได้มาเพราะตระกูลภรรยาหามาให้ ยังกล้ามาอวดเบ่งอำนาจต่อหน้านางอีก
พอลู่เจียวเอ่ยเช่นนี้ ตู้ถิงก็นิ่งอึ้ง เขาไม่เคยเห็นสตรีที่รอการถูกหย่าด้วยท่าทางไม่เกรงกลัวเช่นนี้มาก่อน เมื่อก่อนสตรีที่เคยพบมาพอได้ยินว่าสามีจะหย่าก็จะตกใจเจียนตาย
ตู้ถิงขมวดคิ้วมองไปยังลู่เจียว คิดดูว่านางเสแสร้งทำนิ่งหรือไม่ แต่ดูท่าทางแล้วไม่เหมือนเช่นนั้น จึงรู้สึกได้ว่าหญิงผู้นี้คล้ายว่าเปลี่ยนไป ไม่ได้มีท่าทางอ่อนแอเหมือนเมื่อก่อน แต่มีรัศมีอำนาจบารมีขึ้นมาก
ตู้ถิงขมวดคิ้วกัดฟันเอ่ยว่า “เยี่ยม เยี่ยมมาก เจ้าเป็นบ้าอันใดกันแน่”
ลู่เจียวตอบกลับด้วยท่าทีไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย “อันใดเรียกว่าเยี่ยม เยี่ยมมาก บุตรอนุสองคนถึงกับมาหาเรื่องเยี่ยนเอ๋อร์ข้า ถือสิทธิ์อันใด พวกเขามันตัวอันใด คู่ควรหรือ”
ตู้ถิงมองลู่เจียวอย่างแปลกใจ เมื่อก่อนไม่เคยเห็นลู่เจียวโมโหเรื่องนี้ วันนี้กลับโมโหขึ้นมา
ตู้ถิงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย ขมวดคิ้วกล่าวว่า “เจ้าพูดกับพวกเขาดีๆ ก็ได้ ไยต้องโมโหรุนแรงเช่นนั้นด้วย”
ลู่เจียวกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องโถงกลาง ค่อยๆ กล่าวว่า “ข้าพูดกับพวกเขาดีๆ มีประโยชน์หรือ เมื่อก่อนข้าคิดอยากให้ครอบครัวสามัคคี จึงได้ก่อให้เกิดสภาพรุนแรงดังเช่นตอนนี้ คิดว่าข้าหลิ่วเสียนรังแกง่ายหรือ และวันนี้ข้าก็พบว่าข้าเป็นฮูหยินดูแลจวนป๋อ พูดจาถึงกับไม่มีคนฟัง เหอะๆ แม้แต่บ่าวรับใช้ยังไม่ฟังคำสั่งข้า หรือว่าข้ารังแกง่ายจริงๆ”
ตู้ถิงมองลู่เจียวอย่างไม่พอใจ กล่าวว่า “เจ้าพูดจาเหลวไหลอันใด พวกเขาจะกล้าไม่ฟังคำสั่งเจ้าได้อย่างไร”
ลู่เจียวมองตู้ถิงด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ท่านป๋อ อย่าได้มองเหมือนว่าข้าเป็นคนโง่เขลา ข้าพบแล้วว่าสถานะข้าในจวนว่างเปล่ามาก น้องสาวญาติผู้น้องท่านกลายเป็นนายหญิงดูแลจวนป๋อไปแล้ว น่าหัวเราะเสียจริง ข้าไม่เคยเห็นธรรมเนียมตระกูลใด อี๋เหนียงถึงกับตะกายขึ้นมาขี่คอฮูหยินปกครองจวน สั่งการแทนทุกอย่าง นี่เป็นธรรมเนียมตระกูลใดกัน”
ตู้ถิงได้ฟังก็สะดุ้งในใจ หญิงผู้นี้เกิดอันใดขึ้น เหตุใดเอาแต่เอ่ยคำว่าอี๋เหนียง
แต่พอคิดถึงว่าสถานะหลิ่วเสียน ก็ได้แต่สะกดอารมณ์เอาไว้ เอ่ยขึ้นว่า “เสียนเอ๋อร์ เจ้าก็รู้ว่าน้องสาวญาติผู้น้องข้าต้องตกลงไปเป็นอนุก็เพราะเจ้า เจ้าดีกับนางหน่อยไม่ได้หรือ”
ลู่เจียวหัวเราะ เมื่อก่อนตู้ถิงกล่าวเช่นนี้ เจ้าของร่างเดิมก็เชื่อวาจาพกลมพวกนี้จริงๆ แต่นางไม่เชื่อ
อันใดเรียกว่าเพราะนาง เห็นชัดว่าจวนป๋อตกต่ำลงแล้ว ตระกูลเฝิงเองก็ตกต่ำ ดังนั้นจึงได้จับจ้องเจ้าของร่างเดิม หลิ่วเสียนเป็นคุณหนูใหญ่จวนเหวินชางป๋อ แม้ว่ามารดาจากไปแล้ว แต่นางก็เป็นคุณหนูใหญ่ จวนเหวินชางโหว นางยังมีกิจการของมารดาตนเอง แต่งกับนางมีแต่ได้ประโยชน์ ไม่มีผลเสียแม้แต่น้อย
นี่เป็นหลุมกับดักที่พวกเขาตระกูลตู้กับตระกูลเฝิงวางดักเจ้าของร่างเดิม ปรากฏกลายเป็นนางผิดไปเสียอย่างนั้น
ลู่เจียวแค่นหัวเราะมองตู้ถิง “ท่านป๋ออย่าได้มองข้าเป็นหญิงโง่งมอีกเลย อันใดกล่าวว่าเพราะข้า ข้าให้นางมาเป็นอนุท่านป๋อหรือ เห็นชัดว่านางละโมบเงินทองวาสนา ยินยอมลดศักดิ์ศรีตนมาเป็นอนุจวนป๋อ เกี่ยวอันใดกับข้า”
ตู้ถิงกับเฝิงเจินเติบโตมาด้วยกันแต่เล็ก ความผูกพันลึกซึ้ง เขาไม่อาจทนฟังลู่เจียวด่าเฝิงเจินได้ อดโมโหตวาดดังไม่ได้ “หลิ่วเสียน เจ้าเคยได้รับการอบรมมาหรือไม่”
ลู่เจียวหัวเราะ “หึๆ ข้าไม่ได้รับการอบรม ตู้ถิงเจ้าได้รับการอบรมมาหรือ ต้องการให้ข้าออกไปหาคนมาถกเรื่องนี้ไหม แท้จริงผู้ใดไร้การอบรม อี๋เหนียงตะกายมาอยู่เหนือศีรษะฮูหยิน ปรากฏท่านโหวว่าข้าไร้การอบรม บุตรอนุรังแกคุณหนูฮูหยิน ยังไม่อาจลงโทษ ข้าอยากออกไปถกเหตุผลกับผู้คนสักหน่อยว่านี่มันเหตุผลอันใดกัน”
ตู้ถิงหุบปากทันที เดิมเพราะจวนจงอี้ป๋อเลือกข้างผิดจึงได้ตกต่ำ กลายเป็นที่หัวเราะเยาะในเมืองหลวง ตอนนี้เพิ่งจะดีขึ้น หากแพร่ออกไปเช่นนี้ คงได้เป็นที่หัวเราะเยาะอีกเป็นแน่
ตู้ถิงโมโหมองลู่เจียว ครั้งนี้หญิงผู้นี้พูดอย่างไรก็ไม่ยอม
“เจ้า…?”
“เอาละ หากท่านปวดใจกับอนุและบุตรอนุของท่าน ก็หย่ากับข้า ให้ข้าไปจากจวนป๋อ ส่วนข้าก็จะมอบตำแหน่งให้น้องสาวญาติผู้น้องที่รักของท่าน”
เดิมตอนตู้ถิงมา เขาคิดจะใช้เรื่องหย่ามาบีบหลิ่วเสียน ให้วันหน้าไม่กล้าทำเช่นนี้อีก แต่ตอนนี้ลู่เจียวต้องการหนังสือหย่า
ตู้ถิงกลับไม่กล้าหยิบยกเรื่องนี้มาพูดอีก ผู้อื่นไม่รู้ หรือว่าเขาเองก็ไม่รู้
จวนป๋อพวกเขาว่างเปล่า อาศัยกิจการหลิ่วเสียน งานของเขาก็เพราะบิดาหลิ่วเสียนหามาให้
แม้ว่าหลิ่วเสียนอยู่ตระกูลหลิ่วไม่เป็นที่รัก แต่อย่างไรก็เป็นบุตรีท่านโหว ท่านโหวคงไม่ทนนิ่งดูดาย
หากเขาหย่ากับหลิ่วเสียนจริง เขาก็คงสูญเสียตำแหน่งงานไป ทุกคนจะทำเช่นไร หรือยังหวังว่าจะเหลือกิจการให้จวนป๋อบ้าง
ตู้ถิงคิดสะระตะแล้วก็กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เอาละ เจ้าลงมือก็ลงมือไปแล้ว ลงโทษก็ลงโทษไปแล้ว วันหน้าก็อย่าได้ทำอีก”
ลู่เจียวแค่นหัวเราะ มองตู้ถิงกล่าวว่า “อันใดเรียกว่าวันหน้าอย่าได้ทำอีก ท่านไม่เข้าใจความหมายข้าหรือ หากข้ายังเป็นนายหญิงดูแลจวนป๋อนี้ วันหน้าจวนป๋อก็คือข้าดูแล เช่นนั้นน้องสาวท่านก็ให้นางอยู่อย่างสงบเสงี่ยมในเรือนตนเอง เป็นอี๋เหนียง ยังมาเรียกขานฮูหยินรอง จะไม่อวดเบ่งได้อย่างไร”