ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 828 จ้วงหยวน
ตอนที่ 828 จ้วงหยวน
ลู่เจียวกล่าวจบ หูหลิงเสวี่ยกับจ้าวอวี้หลัวต่างไม่เห็นด้วย เอ่ยค้านว่า “น้าลู่ ท่านไม่แก่เลย คนเขาไม่รู้ยังคิดว่าน้าลู่เป็นพี่สาวพวกเราด้วยซ้ำไป”
“ใช่ ปีก่อนตอนพวกเราเรียนจบ น้าลู่ไปร่วมงานของพวกเรา คุณหนูหลายคนยังคิดว่าน้าลู่เป็นพี่สาวพวกเราเสียด้วย”
ในห้องรับรอง เนี่ยอวี้เหยากับเถียนฮวนยิ้มกล่าวว่า “วาจาเช่นนี้วันหน้าเจ้าอย่าได้เอ่ยอีกเด็ดขาด เจ้าเอ่ยเช่นนี้ทำให้คนคับแค้นใจได้ง่าย”
กล่าวตามตรง เนี่ยอวี้เหยากับเถียนฮวนเทียบกับคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแล้วแม้ว่าแลดูอ่อนเยาว์กว่า แต่ก็ไม่อาจเทียบกับลู่เจียวได้
ลู่เจียวผิวพรรณขาวผ่อง ใบหน้าไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ผิวพรรณยังราวกับไข่ปอก ผิวพรรณพวกนางแม้ว่าขาวผ่อง แต่หางตาก็ยังมีริ้วรอยกันแล้ว ผมก็เริ่มมีสีขาวแซม
เนี่ยอวี้เหยากับเถียนฮวนพากันยื่นมือไปคว้ามือลู่เจียวซ้ายขวา จากนั้นก็ลูบใบหน้านาง “ดูใบหน้านี้สิ ละมุนจนน่าคับแค้นใจ ถึงกับกล้าบอกว่าแก่ วันหน้าห้ามเจ้าเอ่ยวาจาเช่นนี้ต่อหน้าพวกเราอีกนะ”
ลู่เจียวถูกพวกนางหยอกจนขำ ตบสองมือข้างกายซ้ายขวาเอ่ยว่า “เอาละ เอาละ วันหน้าอย่าได้พูดอีก ดีไหม”
จู้เป่าจูสองแม่ลูกยิ้มตาหยีมองพวกนางหยอกกัน หลายปีมานี้พวกนางเข้าเมืองหลวง โชคดีมีพวกนางไม่เช่นนั้นพวกนางสองแม่ลูกก็ไม่รู้ว่าจะรับมือคนพวกนั้นอย่างไร
จู้เป่าจูครุ่นคิดเอ่ยขึ้นว่า “ต้าเป่าสอบได้แล้ว ก็ควรแต่งงานได้แล้วกระมัง”
วาจานี้เอ่ยออกมา ในห้องรับรองพลันเงียบกริบ หูหลิงเสวี่ยเอ่ยอย่างเขินอายว่า “น้าจู้”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ควรแต่งได้แล้ว ตระกูลเรามีมงคลคู่ ทั้งสอบได้และได้เข้าหอ”
พอนางเอ่ยว่าเข้าหอ หญิงสาวสองสามคนก็พลันหน้าแดง
เนี่ยอวี้เหยาบีบมือลู่เจียวเอ่ยว่า “เจ้านี่นะ อย่ากล่าววาจาเหลวไหล ที่นี่มีสาวน้อยอยู่ด้วยนะ”
“รู้แล้ว”
ลู่เจียวรับคำไปอย่างนั้นเสียงหนึ่ง มองไปยังจ้าวอวี้หลัวข้างหูหลิงเสวี่ย กล่าวว่า “ก็ไม่รู้ว่าเอ้อร์เป่าจะกลับมาได้หรือไม่ ตามความคิดของข้ากับอวิ๋นจิ่นก็คือจัดงานแต่งงานพร้อมกัน ก่อนหน้านี้ก็เขียนจดหมายไปหาเอ้อร์เป่าแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาทันหรือไม่ หากกลับมาทัน ก็จัดงานของพวกเขาสองคนพร้อมกัน”
“ก็ไม่เลว มงคลสองสู่ตระกูล ไม่สิ มงคลสามมาสู่ตระกูล ต้าเป่าต้องสอบจ้วงหยวนได้อย่างแน่นอน”
จู้เป่าจูเพิ่งกล่าวจบ ด้านนอกก็มีเสียงร้องยินดีดังขึ้น “รีบมาดูเร็ว สามอันดับแรกออกมาแล้ว ขี่ม้ารอบเมืองแล้ว”
“รีบมาดูเร็ว สามท่านไหนสอบได้สามอันดับแรก”
ในห้องรับรองด้านบน พวกลู่เจียวย่อมได้ยินเสียงเคลื่อนไหวด้านล่าง
เซี่ยหลิงหลงรีบวิ่งไปที่หน้าต่างมองออกไปพลางกล่าวว่า “วันนี้จ้วงหยวนต้องเป็นพี่ชายข้า พี่ชายข้าร้ายกาจมาก”
นางกล่าวจบ หันไปมองหูหลิงเสวี่ยเรียกขึ้นว่า “พี่หู พี่รีบมาดู คนขี่ม้ารอบเมืองมากันแล้ว”
หูหลิงเสวี่ยไม่ได้เป็นสาวน้อยขี้อายเหมือนเมื่อสามปีก่อนแล้ว ยามนี้ทำอันใดเปิดเผยไม่เกรงกลัว ได้ยินเซี่ยหลิงหลงเรียกก็ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างมองออกไป
จ้าวอวี้หลัวกับเหวินเมี่ยวเองก็เขยิบเข้ามาใกล้หน้าต่าง มองออกไปเห็นสามคนบนหลังม้า
เหวินเมี่ยวปีนี้สิบหก งานแต่งสูงไม่ได้ต่ำไม่เหมาะ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้หมั้นหมาย ผู้ตรวจการเหวินต้องการเลือกบัณฑิตที่สอบได้ปีนี้สักคน ก่อนหน้านี้ถูกใจคนหนึ่ง สองฝ่ายก็เจรจากันไว้แล้ว น่าจะกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว
ดังนั้นเหวินเมี่ยวอยากรู้มากว่าคนที่ตนเองถูกใจผู้นั้นจะสอบได้สามอันดับแรกหรือไม่
ยามนี้ขบวนขี่ม้ารอบเมืองก็เดินผ่านมา คนสองข้างทางก็พากันเขย่งยืดคอมอง บรรยากาศครึกครื้นอย่างมาก
ในห้องรับรอง ลู่เจียวกับเนี่ยอวี้เหยาเองก็นั่งไม่ติด พาลูกๆ เดินไปมองที่หน้าต่าง
ยามนี้ขบวนขี่ม้ารอบเมืองผ่าน สามคนนั่งสูงสง่าอยู่บนหลังม้าล้วนเป็นชายหนุ่ม คนที่นำมาก็คือเซี่ย เหวินเหยาบุตรชายคนโตในบรรดาแฝดสี่ เซี่ยเหวินเหยาอยู่ในชุดจ้วงหยวน สง่างามไม่อาจบรรยาย
คนสองข้างทางพากันเอ่ยชมรูปงามโดดเด่นของเขา เขาพยักหน้ายิ้มให้เล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้าแลดูอ่อนโยน ไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย จนกระทั่งเขาขี่ม้ามาถึงห้องรับรองของพวกลู่เจียว ก็เงยหน้ามองขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ ลู่เจียวบอกกับเขาไว้แล้วว่าวันนี้จะมารอชมเขาขี่ม้ารอบเมืองที่นี่
ดังนั้นเซี่ยเหวินเหยาขี่มาถึงตรงนี้ก็ย่อมเงยหน้ามองขึ้นด้วยสัญชาตญาณ
พอดีเห็นท่านแม่ตนและแฝดชายหญิง ยังมีคู่หมั้นตนเองยืนเบียดมองลงมาจากหน้าต่าง เซี่ยเหวินเหยาอมยิ้มโบกมือขึ้นไป เซี่ยหลิงหลงอดตะโกนเรียกไม่ได้ “พี่ใหญ่ พี่เก่งจริงๆ รูปก็งามจริงๆ”
เซี่ยเหวินเหยายิ้มโบกมือ คนไม่น้อยด้านล่างก็เงยมองเซี่ยหลิงหลงด้านบนด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็กระซิบกระซาบกัน
“นั่นแฝดชายหญิงบ้านใต้เท้าเซี่ยกระมัง หน้าตาดีจริง ได้ยินว่านางสอบเข้าสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อได้ แต่เล็ก ตระกูลเซี่ยไม่มีผู้ใดธรรมดาสักคนเลยจริง”
“คนเขาสอนลูกเป็น ใต้เท้าเซี่ยสอบจ้วงหยวนได้ ตอนนี้เป็นขุนนางมหาบัณฑิตในสำนักมนตรี”
เซี่ยหลิงหลงด้านบนมองไปยังหูหลิงเสวี่ย เอ่ยถามอย่างซุกซนว่า “พี่หู พี่ใหญ่ข้าสวมชุดจ้วงหยวนรูปงามมากใช่หรือไม่”
หูหลิงเสวี่ยถูกเซี่ยหลิงหลงหยอกจนหน้าแดงจัด ยกมือตีแขนสาวน้อยทีหนึ่ง กล่าวว่า “พี่ใหญ่เจ้าไม่ว่ายามใดก็รูปงาม”
เซี่ยหลิงหลงหัวเราะดังลั่น ลู่เจียวด้านหลังเอ่ยเตือนบุตรี “หลิงหลง เจ้าทำเช่นนี้เกิดอาจารย์สำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อเห็นเข้า จะอบรมเจ้าไหม”
เดือนแปดปีที่แล้วเซี่ยหลิงหลงสอบเข้าสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อได้ ตอนนี้นักเรียนในสำนักศึกษาสตรีซุ่ย เต๋อเคร่งครัดเรื่องธรรมเนียมจารีตมาก เซี่ยหลิงหลงเช่นนี้หากถูกอาจารย์เห็นย่อมต้องอบรมนาง พอลู่เจียวกล่าว เซี่ยหลิงหลงก็พลันหุบยิ้ม ยืนนิ่งสงบเสงี่ยม แต่แววตาทั้งสองกลับส่องประกายมองไปรอบทิศ คิดอยากดูว่าวันนี้ด้านล่างมีอาจารย์จากสำนักศึกษาสตรีซุ่ยเต๋อมาหรือไม่
ในห้องรับรอง เนี่ยอวี้เหยามองท่าทางเซี่ยหลิงหลงแล้วก็กล่าวอย่างนึกขำว่า “หลิงหลง เจ้าอย่าได้สนใจท่านแม่เจ้า นางแค่ขู่เจ้า”
กล่าวจบหันไปมองลู่เจียว “หลิงหลงเช่นนี้ดีมาก”
ลู่เจียวยิ้มกวักมือเซี่ยหลิงหลงมา “พวกเราควรกลับได้แล้ว ค่ำนี้พี่ชายเจ้าจะกลับมาแล้ว”
“อืม”
ทุกคนพูดไปก็พากันลุกขึ้นเดินลงไป คนบนท้องถนนสลายตัวกันไปแล้ว ทุกคนเอ่ยอำลากันหน้าร้านอาหาร จากนั้นก็ขึ้นรถม้าจากไป
ลู่เจียวพาเซี่ยหลิงหลงกลับถึงบ้านก็รีบสั่งการห้องครัวทำอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่าง วันนี้เป็นวันดี
อู่เป่าน้อยกลับมาเห็นท่านแม่ตนดีใจเพราะพี่ใหญ่สอบจ้วงหยวนได้ ในใจก็แอบสาบานไว้ว่า วันหน้าเขาเองก็ต้องสอบตำแหน่งจ้วงหยวนกลับมาให้ท่านแม่ดีใจเช่นกัน
“ท่านแม่ รอข้าโต ก็จะสอบจ้วงหยวนมาให้ท่านแม่ได้ดีใจ”
ลู่เจียวได้ยินก็ดีใจทันที มองอู่เป่า “ดีสิ ตระกูลเรามีจ้วงหยวนสามคน ไม่เพียงแต่จะกลายเป็นบัณฑิตแห่งแคว้นต้าโจว แต่ยังจะได้จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ วันหน้าคนเขาเอ่ยถึงตระกูลเรา ก็จะบอกว่าตระกูลเซี่ยเราเป็นตระกูลบัณฑิตทั้งตระกูล”
ลู่เจียวเพิ่งกล่าวจบ นอกประตูเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ก้าวเท้าเข้ามา ได้ยินวาจาลู่เจียวก็รับคำว่า “เป็นตระกูลบัณฑิตทั้งตระกูลอันใดกัน”
ลู่เจียวหันไปมองเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับต้าเป่าเดินตามกันเข้ามา จ้วงหยวนอายุสิบเจ็ดสูงกว่าบิดาเขาอีก สวมชุดจ้วงหยวนที่เอวคาดเข็มขัดหยก รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาจนไม่อาจบรรยาย ดุจดังคุณชายรูปงามเป็นหนึ่งไม่มีสอง