ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 689 สุนัขกัดสุนัข
ตอนที่ 689 สุนัขกัดสุนัข
เจิ้งจื้อซิ่งแอบลอบสังเกต เขาเห็นอีกฝ่ายเงยหน้าดื่มสุราลงไป ในใจก็ร้องดีใจ รินสุราให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นต่อ
ยามนี้เขาส่งสายตาให้บ่าวชายที่รอรับใช้อยู่ในเรือนข้าง บ่าวชายรีบเดินออกไป จากนั้นก็มีหญิงสาวหน้าตางดงามสองคนเข้ามาในเรือนด้านข้าง สองสาวไม่เพียงแต่ใบหน้างามรูปไข่ ที่สำคัญก็คืออายุน้อย มากสุดก็สิบสามสิบสี่ ท่าทางมองอย่างประหวั่นพรั่นพรึงคล้ายกวางน้อยใสซื่อ ทำให้คนเห็นแล้วก็รู้สึกคึกคักอยากจะลงมือ
เจิ้งจื้อซิ่งกวักมือเรียกพวกนางเข้ามาเป็นเพื่อนดื่มสุรากับเซี่ยอวิ๋นจิ่น “มา ดื่มสุราเป็นเพื่อนใต้เท้าเซี่ย”
สาวใช้สองคนรีบเดินเข้ามาด้วยท่าทางระมัดระวัง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบโบกมือห้าม “ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้มีความชอบนี้”
เจิ้งจื้อซิ่งไม่ได้เอ่ยกล่อมเขา มุมปากมีรอยยิ้มอ่อนโยนยิ่ง ในใจครุ่นคิดได้ใจ เจ้าปากแข็งไปก็แล้วกัน อีกสักครู่ดูว่าเจ้ายังจะปากแข็งต่อไปได้หรือไม่
คิดถึงลู่เจียว หญิงผู้นั้นช่วยจู้เป่าจู เขาก็รู้สึกโมโหมาก เขาก็อยากดูนักว่าหากเซี่ยอวิ๋นจิ่นหลงแม่หนูสองคนนี้ พาพวกนางกลับไป หญิงผู้นั้นยังจะวางท่าทางสงบนิ่งได้อีกไหม ได้ยินว่านางตั้งครรภ์ หากโมโหจนแท้ง ระหว่างนางกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็คงเกิดช่องว่างระหว่างกัน
เจิ้งจื้อซิ่งยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ มองไปยังสองสาวด้วยแววตาร้อนแรง ถึงกับรู้สึกคึกคักขึ้นมา
สองสาวใช้นี้เขาเป็นคนให้ฟางซื่อหามา เพื่อไว้ต้อนรับแขกมีเกียรติ กล่าวตามตรง เห็นพวกนางเปราะบางอ่อนแอเช่นนี้ เขาก็รู้สึกลำคอแห้งผากขึ้นมา
เจิ้งจื้อซิ่งครุ่นคิดแล้วก็อดลอบถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองด้วยสีหน้าเย็นเยียบเขา จากนั้นก็ไม่รอให้เจิ้งจื้อซิ่งกล่าวอันใด ลุกขึ้นยืนเอ่ยว่า “พี่เจิ้ง ดึกแล้ว สุราก็ดื่มแล้ว ข้าจะรีบกลับเมืองหนิงโจวแล้ว”
กล่าวจบก็ไม่รอให้เจิ้งจื้อซิ่งตอบรับ เขาหันหลังก้าวออกไปทันที
เจิ้งจื้อซิ่งร้อนใจยืนขึ้นคิดจะรั้งไว้ น่าเสียดายที่เขารู้สึกมึนศีรษะ ร่างกายอ่อนยวบยืนไม่มั่น ไม่มีทางเข้าไปรั้งเซี่ยอวิ๋นจิ่นไว้ได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดินก้าวนำลูกน้องออกไปแล้ว สาวใช้สองคนในเรือนข้างเห็นสีหน้าเจิ้งจื้อซิ่งผิดปกติ ก็รีบเข้าไปประคองเจิ้งจื้อซิ่งไว้ “ใต้เท้า ท่านเป็นอันใดหรือ”
เจิ้งจื้อซิ่งมองสองสาวใช้อ่อนโยนราวกิ่งหลิ่ว ในใจก็พลันเกิดความพลุ่งพล่านโผเข้าไปโอบกอดสาวใช้ผู้หนึ่งอย่างไม่อาจระงับใจตนเอง โน้มกายลงไปจุมพิตทันที สองสาวใช้ได้แต่ยืนอึ้ง
จากนั้นในใจพวกนางก็นึกยินดี ใต้เท้าถูกใจพวกนางแล้วหรือ พวกนางยินดีติดตามใต้เท้า
สองสาวใช้เคลื่อนตัวเข้ารับใช้เจิ้งจื้อซิ่งทันที
บ่าวชายหลายคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเรือนด้านข้าง เห็นเหตุการณ์ในเรือนด้านข้างก็หน้าแดงก่ำ รีบปิดประตูลง ในห้องมีเสียงดังครางขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำเอาหน้าแดงหัวใจเต้นแรง
เรือนด้านหลัง ฟางซื่อให้คนจับตาความเคลื่อนไหวเรือนด้านหน้ามาตลอด หลายครั้งนางคิดเดินไปดูเอง แต่ก็กลัวเจิ้งจื้อซิ่งพบเข้า ดังนั้นจึงพยายามนิ่งสงบใจ จนกระทั่งสาวใช้มารายงาน “ฮูหยิน ใต้เท้าเซี่ยไปแล้ว”
ฟางซื่อได้ฟัง ในใจก็กลัดกลุ้มไม่อาจบรรยาย ถอนหายใจยาวลุกขึ้นเดินตรงไปเรือนด้านหน้า
มองไปไกลๆ ก็เห็นคนเฝ้านอกประตูเรือนด้านข้างพากันสุมหัวซุบซิบ สีหน้าอัปลักษณ์อย่างบอกไม่ถูก
ฟางซื่อโมโหเดินเข้าไปตวาดว่า “ทำอันใดน่ะ”
บ่าวชายพากันตกใจสะดุ้งก่อนจะรีบถอยหลัง
ฟางซื่อกำลังคิดด่าว่า พลันได้ยินเสียงดังมาจากในเรือน เสียงที่ทำเอาหน้าแดงหัวใจเต้นแรง นางพลันชะงักกึก จากนั้นก็หันไปมองเรือนด้านข้างอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อ สุดท้ายยกเท้าถีบประตูไปทีหนึ่ง เห็นเพียงภาพคลอเคลียด้านใน
ฟางซื่อมองภาพทุกอย่างตรงหน้าด้วยสายตาแทบไม่อยากจะเชื่อ นางแต่งกับเจิ้งจื้อซิ่ง เจิ้งจื้อซิ่งสาบานกับนางว่าไม่รับอนุ ไม่มีแตะต้องหญิงอื่น นางจึงได้แต่ง ตอนนี้ชายผู้นี้ถึงกับมีสัมพันธ์กับหญิงอื่น ยังเป็นแบบหนึ่งชายสองหญิง ฟางซื่อสติขาดผึง ตรงเข้าไปคว้าข้าวของขว้างใส่เจิ้งจื้อซิ่ง
เจิ้งจื้อซิ่งผ่านพายุคลั่งระลอกแรกมาได้ ประสิทธิภาพของยาในกายก็บรรเทาลงไปมาก ยามนี้ถูกฟางซื่อทุบก็รู้สึกเจ็บ ทำให้เขาได้สติขึ้นมาไม่น้อย
เขาหันหน้าไปมองฟางซื่อที่กำลังโมโหสุดขีด ก่อนจะก้มหน้าลงมองสภาพตนเอง พลันเข้าใจว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอันใด พร้อมกับแน่ใจว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเพราะเขาโดนอุบายเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นแน่
เจิ้งจื้อซิ่งคิดแล้วก็โมโห อยากจะด่าคน แต่เห็นฟางซื่อสีหน้าบิดเบี้ยวอยู่ตรงหน้า เขารู้สึกว่าต้องปลอบใจฟางซื่อก่อน
เจิ้งจื้อซิ่งคิดได้แล้วก็รีบหันหลังเดินไปคว้าเสื้อผ้ามาสวมทันที
ฟางซื่อเสียสติไปแล้ว พุ่งเข้าไปกระชากเสื้อผ้าเขา “เจิ้งจื้อซิ่ง เจ้าคนจอมปลอมไร้สัจจะ คนชั่ว เจ้าบอกว่าจะไม่รับอนุ จะไม่แตะต้องหญิงอื่น หากไม่ใช่เจ้าสัญญากับข้า ข้าจะแต่งกับเจ้าหรือ”
ตั้งแต่ฟางซื่อแต่งมา ก็มักเอ่ยถึงเรื่องนี้ ทำเอาเจิ้งจื้อซิ่งรำคาญใจอย่างมาก อยากจะเยาะเย้ยฟางซื่อสักคำ
เจ้าเป็นคุณหนูจวนหนานหยางป๋อ แต่เจ้าก็เป็นแค่คุณหนูบุตรีอนุในจวนหนานหยางป๋อ ไม่ได้รับความโปรดปรานไหม
หากไม่ใช่อ๋องจิ้นคิดดึงเขาเป็นพวก มีคำสั่งไปยังจวนหนานหยางป๋อ จวนหนานหยางป๋อย่อมไม่มีทางให้นางแต่งงานนี้
แต่เจิ้งจื้อซิ่งเองก็รู้ว่าด้วยสถานะตนเอง แต่งกับฟางซื่อก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ดังนั้นเขาต้องพยายามอดกลั้นอย่างเต็มที่ หันไปมองฟางซื่อเอ่ยว่า “ไม่ใช่ข้าผิดสัญญา แต่ข้าโดนอุบายเซี่ยอวิ๋นจิ่น เขาวางยาข้า”
แต่แม้เขาอธิบายเช่นนี้ ฟางซื่อยังคงไม่ยอมเลิกรา
“เจิ้งจื้อซิ่ง อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นิสัยเจ้าชู้ของเจ้า เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่เห็นแววตาที่เจ้ามองพวกนาง ราวกับมองเนื้อในชาม เพียงแต่ข้าไม่พูดเท่านั้น แต่ไรมาข้าคิดว่าเจ้าไม่กล้าแตะต้องพวกนาง คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ถึงกับหลับนอนด้วยเช่นนี้”
ฟางซื่อพูดจนสุดท้าย หันหน้าไปจ้องมองสาวใช้สองคนอย่างโกรธแค้น “นังชั้นต่ำ ดูว่าข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร”
นางกล่าวจบ ก็หันหน้าไปส่งเสียงเรียกคนด้านนอก “พวกเจ้า นำตัวนังชั้นต่ำสองคนนี้ไปขาย”
สองสาวใช้สีหน้าซีดเผือด ลนลานสวมเสื้อผ้า ลงมาคุกเข่าขอร้องฟางซื่อให้ปล่อยพวกนางไป
พอเห็นว่าไม่ได้ผลก็หันไปมองเจิ้งจื้อซิ่ง “ใต้เท้า ขอร้องท่านปล่อยพวกเราไปด้วย”
เจิ้งจื้อซิ่งหันไปมองสองสาวใช้สิบสามสิบสี่ ท่าทางอ่อนแอหวาดกลัวของพวกนางแสนน่าสงสารไร้ที่พึ่ง ก็อดสงสารไม่ได้ เขาหันไปมองฟางซื่อกล่าวว่า “ข้าโดนอุบายเอง ให้พวกนางอยู่ต่อเถอะ หากเจ้าไม่อยากเห็นพวกนาง ก็ให้เรือนพวกนางแยกไปต่างหากก็พอ”
ฟางซื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป เข้าไปข่วนหน้าเจิ้งจื้อซิ่งทันที เจิ้งจื้อซิ่งไม่ทันระวัง โดนนางอาละวาดข่วนหน้าจนเป็นรอยโลหิตสองเส้น
เจิ้งจื้อซิ่งเจ็บจนต้องยกมือขึ้นตบไปทีหนึ่ง ฟางซื่อไม่เคยคิดว่าตนเองจะถูกเจิ้งจื้อซิ่งตบ ดังนั้นพอถูกตบ ก็นิ่งอึ้งไปทันที
เจิ้งจื้อซิ่งเห็นว่าเรื่องไม่อาจจบลงด้วยดี ก็หันหลังออกไปทันที ฟางซื่อได้สติคืนมาก็มองเจิ้งจื้อซิ่งที่หนีไปอย่างรวดเร็ว นางหันหลังไปตบสาวใช้สองคนด้านหลังแทน
“นังชั้นต่ำ ใครให้พวกเจ้ามาล่อลวงเขา ใครให้พวกเจ้าล่อลวงเขา พวกเจ้าคิดว่าล่อลวงเขาได้แล้วก็จะได้เป็นอนุหรือ ฝันไปเถอะ วันนี้ข้าก็จะให้พวกเจ้าได้รู้ว่าล่อลวงเขามีจุดจบเช่นใด”