ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 542 จัดการเขาให้หนัก
ตอนที่ 542 จัดการเขาให้หนัก
ลู่เจียวครุ่นคิด พอจะเงยหน้าคุยกับฮูหยินซิ่งอันโหว ไม่คาดคิดว่าด้านหลังมีเสียงเรียกดัง “พี่สาม”
ฮูหยินซิ่งอันโหวหันไปมองเห็นคนที่มาก็ดีใจทันที “เยี่ยเหยา พวกเจ้ากลับมาเมืองหลวงแล้วหรือ”
นางกล่าวจบก็นึกถึงลู่เจียวขึ้นมา รีบแนะนำว่า “นี่คือน้องสาวลูกพี่ลูกน้องข้า เยี่ยเหยา ก่อนหน้านี้น้องเขยไปดำรงตำแหน่งนอกเมืองหลวง ครั้งนี้มีรับสั่งให้กลับเข้ามารับตำแหน่งในเมืองหลวงแล้ว”
ลู่เจียวหันไปยิ้มทักทายเยี่ยเหยาทันที “ยินดีที่ได้พบ”
หญิงสาวมองประเมินลู่เจียวแล้วก็ยิ้มพลางพยักหน้า “ยินดีที่ได้พบ”
ลู่เจียวมองดูสองพี่น้องมีเรื่องคุยกัน ก็กล่าวกับฮูหยินซิ่งอันโหวว่า “ฮูหยิน ข้าไปเดินเล่นที่อื่น”
ฮูหยินซิ่งอันโหวนึกเป็นห่วงนาง กำชับอ่อนโยนว่า “เจ้าระวังหน่อย ไปเดินรอบหนึ่งก็กลับมา จะเริ่มงานเลี้ยงแล้ว”
“ได้”
ลู่เจียวหันหลังเดินไป ได้ยินเสียงเยี่ยเหยาถามฮูหยินซิ่งอันโหวดังมาทางด้านหลัง “ท่านพี่ หญิงผู้นี้คือผู้ใด ข้าดูเหมือนท่านดีกับนางมาก”
ฮูหยินซิ่งอันโหวยิ้มกล่าวว่า “สาวน้อยที่น่าเอ็นดู วันหน้าเจ้าเห็นนางก็ให้การดูแลสักหน่อย ไม่เช่นนั้นข้าจะเอาเรื่องเจ้า”
“ทราบแล้ว”
ลู่เจียวยิ้มพาเฝิงจือกับหร่วนจู๋ไปเดินเล่นรอบจวนองค์หญิงใหญ่ ตลอดทางได้พบกับฮูหยินสูงศักดิ์หลายคน พวกนางก็ทักทายกับลู่เจียวอย่างมีมารยาท แต่มากกว่านั้นไม่มี
ลู่เจียวขี้เกียจจะสนใจคบหาคนเหล่านี้ ไปหาที่สงบเงียบอยู่ รอจนรอบกายไร้ผู้คนจึงได้ผ่อนคลายลงเดินชมรอบจวนองค์หญิงใหญ่
จวนองค์หญิงใหญ่มีพื้นที่กว้างขวาง ทิวทัศน์ในจวนก็งดงามอย่างที่สุด มีสายน้ำไหล มีภูเขาหินจำลอง ที่ควรมีล้วนมีครบ ลู่เจียวเดินไปก็ทอดถอนใจไปว่า “ดูท่าอดีตฮ่องเต้โปรดปรานองค์หญิงใหญ่ท่านนี้มากจริงๆ”
ลู่เจียวกล่าวจบ เฝิงจือกับหร่วนจู๋ไม่ทันได้พูดอะไรก็พลันได้ยินเสียงผู้ชายดังขึ้น
“อดีตฮ่องเต้โปรดปรานองค์หญิงใหญ่ท่านนี้มากจริงๆ”
ลู่เจียวได้ยินเสียงผู้ชายก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีอย่างไม่รู้ตัว นางหันไปมองเห็นชายร่างสูงใหญ่ยืนอยู่บนเส้นทางด้านหลัง ผู้ชายอยู่ในชุดแพรปักรัดผมด้วยหยก มองก็รู้ว่าเป็นคุณชายชนชั้นสูงศักดิ์
เพียงแต่แววตาที่เขามองนางในยามนี้ทำให้ลู่เจียวไม่พอใจอย่างมาก
ชายหนุ่มเห็นลู่เจียวมองมา ก็ยิ่งดำรงท่าทางแบบคุณชายสง่างาม
“ไม่ทราบว่า เสี่ยวเหนียงจื่อมีนามว่ากระไร”
ลู่เจียวสีหน้าเย็นเยียบกล่าวว่า “คุณชายโปรดระวังกิริยา”
นางกล่าวจบก็หันหลังคิดจากไป ไม่คิดว่าผู้ชายด้านหลังกลับแนะนำตนเองเสียงดังขึ้นว่า “ข้าน้อย เซียวถิง ซื่อจื่อจวนอ๋องฉิน”
ลู่เจียวตกใจหันไปมองผู้ชายด้านหลัง เซียวถิง ซื่อจื่อจวนอ๋องฉิน ไม่ใช่พี่น้องฝาแฝดกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นหรือ
ซื่อจื่อจวนอ๋องฉินเห็นลู่เจียวเหลียวมองเขา ไม่รู้ว่าลู่เจียวรู้สึกแปลกใจ ยังคิดว่าที่ลู่เจียวหันหน้ามองเขาเพราะสถานะเขาดึงดูดนาง รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งเผยแววเสเพล
เขาเผยรอยยิ้มมองลู่เจียวกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าน้อยขอทราบนามเสี่ยวเหนียงจื่อได้หรือไม่”
ลู่เจียวมองเซียวถิงตรงหน้า รู้สึกเพียงแค่รังเกียจ พร้อมกับรู้สึกเศร้าใจแทนเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่มีพี่ชายฝาแฝดเช่นนี้ ชายเจ้าชู้เสเพลผู้นี้ถึงกับเป็นซื่อจื่อจวนอ๋องฉิน ส่วนชายที่ฉลาดและมีมันสมองเช่นเซี่ยอวิ๋นจิ่นถึงกับตกไปเป็นชายบ้านนา สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม แต่นี่ก็คือชะตากรรมจวนอ๋องฉิน
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็มองเซียวถิงด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “ซื่อจื่อจวนอ๋องฉินโปรดระวังกิริยา”
ลู่เจียวกล่าวจบก็พาเฝิงจือกับหร่วนจู๋หันหลังจากไป ไม่คิดสนใจซื่อจื่อจวนอ๋องฉินด้านหลังอีก
ซื่อจื่อจวนอ๋องฉินเดิมคิดว่าตนเองเอ่ยสถานะตนออกไป ลู่เจียวคงต้องหวั่นไหว ถึงกับคิดสานสัมพันธ์กับเขา เขาก็จะได้มาครอบครอง
เขาคิดไม่ถึงว่าลู่เจียวจะไม่หลงกลเขา
ในฐานะซื่อจื่อจวนอ๋องฉิน แต่ไรมาไม่เคยเสียหน้าเช่นนี้
คนพวกนั้นแม้ไม่ยินดีก็ยังให้เกียรติเขาอยู่บ้าง การฉีกหน้าเขาเช่นนี้ทำให้เขายอมรับไม่ได้
เซียวถิงเดิมยังไม่ได้ปักใจต่อลู่เจียวมาก แม้ว่าเสี่ยวเหนียงจื่อผู้นี้หน้าตาไม่เลว แต่เขาพานพบสตรีมามากมาย ไม่จำเป็นต้องครอบครองสตรีที่แต่งงานมีบุตรแล้วผู้นี้ แต่ตอนนี้ลู่เจียวทำให้เขาโมโหแล้ว
เขาต้องได้นางมาครอบครอง เกิดความคิดว่าจะต้องจัดการลู่เจียวขึ้นมา
เซียวถิงครุ่นคิดแล้วสีหน้าก็เคร่งเครียด ตวาดว่า “หยุดนะ ข้าพูดจากับเจ้าดีๆ เพราะให้เกียรติเจ้า หญิงหยาบช้าบ้านนาถึงกับกล้าพูดจากับข้าเยี่ยงนี้ คิดว่าข้าพูดจาดีกับเจ้า เจ้าจึงเหิมเกริมหรือ”
ลู่เจียวหันไปมองเซียวถิง เห็นเพียงชายที่ก่อนหน้านี้มีใบหน้ายิ้มแย้ม ยามนี้ใบหน้าดุดัน ไม่เห็นนางอยู่ในสายตา
ลู่เจียวขมวดคิ้วมองเขา กล่าวน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ซื่อจื่อหมายความเช่นไร อะไรที่กล่าวว่าข้าเป็นหญิงหยาบช้าบ้านนาถึงกล้ากล่าวกับท่านเยี่ยงนี้ ข้าควรกล่าวกับท่านเยี่ยงไร ยกยอท่าน เคารพท่านหรือ คิดว่าตนเองมันเป็นตัวอันใด ก็แค่ซื่อจื่อจวนอ๋องฉิน!”
ลู่เจียวกล่าวจบ ก็ขี้เกียจจะจะสนทนากับบุรุษผู้นี้ต่อ หันไปสั่งหร่วนจู๋ด้านหลังว่า “จัดการเขา ให้เขารู้ว่าดอกไม้งามไม่ธรรมดา”
หร่วนจู๋รับคำสั่ง ทะยานเข้าไปยกมือฟาดทันที ไม่เพียงรุนแรงแต่ยังร้ายกาจ
ซื่อจื่อจวนอ๋องฉินเซียวถิงเป็นวิชายุทธ์ แต่ก็แค่งูๆ ปลาๆ มาเจอกับหร่วนจู๋ก็ได้แต่โดนฟาดเท่านั้น ครั้งนี้เขามาเพื่อลอบเด็ดบุปผา ดังนั้นไม่ได้พาลูกน้องมาด้วย ยามนี้ก็ได้แต่โดนจัดการแล้ว
เขาถูกหร่วนจู๋อัดจนหน้าตาปวมปูดอย่างรวดเร็วจนไม่อาจเอ่ยวาจาได้อีก
ลู่เจียวเห็นว่าลงมือได้พอสมควรแล้ว ก็เรียกหร่วนจู๋กลับมา “พวกเราไป”
“เจ้าค่ะ”
หร่วนจู๋รับคำตามลู่เจียวไป แต่สองนายบ่าวเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ต้องหยุดอีกครั้ง ลู่เจียวควักยาออกมาส่งให้หร่วนจู๋ กระซิบสองสามคำ
หร่วนจู๋หันหลังเดินไปทางเซียวถิง
ก่อนหน้านี้ผู้ชายวิชายุทธ์ย่ำแย่ พอเห็นหร่วนจู๋เดินมาก็ตกใจร้องเสียงหลงดังขึ้น “เจ้า เจ้าคิดจะทำอันใด เจ้าสังหารข้าไม่ได้นะ เจ้าสังหารข้า จวนอ๋องฉินไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่”
หร่วนจู๋ยกมือตบที่แผลของเซียวถิง ยาในมือก็สาดไปบนบาดแผลเซียวถิง
ยาที่ลู่เจียวให้หร่วนจู๋สาดใส่แผลเซียวถิงก็คือยากำจัดพลังหยาง วันหน้าคนผู้นี้แม้คิดจะมีสัมพันธ์ก็ไม่อาจมีเรี่ยวแรงแล้ว
“วันหน้ากล้าหาเรื่องเจ้านายข้าอีก ก็จะสังหารเจ้าทิ้งซะ”
เซียวถิงได้ฟังหร่วนจู๋ ก็รีบละล่ำละลักรับรอง “ข้าไม่ ไม่หาเรื่องนางแล้ว”
หร่วนจู๋หันหลังเดินไป เซียวถิงเห็นพวกนางไปแล้วจริงๆ จึงค่อยๆ ตะกายลุกขึ้น ยามนี้ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวอย่างที่สุด แววตาชั่วร้ายราวอสรพิษ
เขากัดฟันเดินกลับไป คิดในใจว่าจะต้องจับตัวหญิงผู้นี้ให้ได้ จากนั้นก็จะย่ำยีนางให้หนัก ก่อนหน้านี้เซียวถิงยังคิดครอบครองลู่เจียว ทว่าตอนนี้กลับไม่คิดเช่นนั้นแล้ว เขาต้องการจับตัวหญิงผู้นี้ไปโยนในดงขอทาน ไม่เช่นนั้นไม่อาจระบายแค้นในใจครั้งนี้ของเขาลงได้
เซียวถิงเดินจากไปรวดเร็ว เฝิงจืออดเป็นห่วงไม่ได้ กล่าวกับลู่เจียวว่า “เหนียงจื่อ ซื่อจื่อจวนอ๋องฉินน่าจะไม่ยอมเลิกรา ตอนนี้ควรทำเช่นไร”