ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 541 อย่าได้ตำหนิที่ข้าแย่งชิง
ตอนที่ 541 อย่าได้ตำหนิที่ข้าแย่งชิง
องค์หญิงใหญ่อายุมาแล้ว สนทนากับทุกคนได้ครู่หนึ่งก็รู้สึกเหนื่อย นางมองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “เจียวเจียว เจ้าไปเดินเล่นในจวนได้ จวนองค์หญิงข้าทิวทัศน์ไม่เลว”
นางกล่าวจบก็เรียกสาวใช้มาพาลู่เจียวไปเดินชมจวน ก่อนที่ตนเองจะลุกขึ้นไปพักผ่อน
เรื่องท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ทำให้องค์หญิงใหญ่เหน็ดเหนื่อยมาก ตอนนี้อาการป่วยท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่ได้รับการรักษาจนอาการคงที่แล้ว องค์หญิงใหญ่ก็ผ่อนคลายลง ยามนี้จึงเพิ่งรู้สึกว่าเหนื่อยมาก
ลู่เจียวกับบรรดาฮูหยินพากันลุกส่งองค์หญิงใหญ่ไปพักผ่อน
พอองค์หญิงใหญ่ไปแล้ว ทุกคนก็จับกลุ่มกันสามคนห้าคนสนทนากันขึ้นมา
แม้ว่าก่อนหน้านี้ทุกคนแสดงทีท่าต่อหน้าองค์หญิงใหญ่ว่าจะไม่ทำให้ลู่เจียวลำบากใจ แต่ไม่ได้บอกว่าจะสนทนาด้วย
ลู่เจียวก็ไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ หันหน้าเดินตามสาวใช้จวนองค์หญิงใหญ่ออกไป ฮูหยินซิ่งอันโหวกับขุนพลหวังฮูหยินเองก็ตามนางออกไปเช่นกัน
ฮูหยินท่านอื่นก็พากันเดินออกไปชมสวนดอกไม้
ในใจท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ นางหน้าบึ้งตึงตามผู้อื่นเดินออกไปอย่างไม่พอใจ
ตลอดทางมาฮูหยินเหล่านั้นก็มิได้สนใจท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ นางก็ยิ่งอัดอั้นตันใจ
นางรู้สึกได้ได้ชัดเจนว่า ฮูหยินชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านี้ไม่ได้มีทีท่าสนิทสนมกับนางเหมือนก่อนหน้านี้
เรื่องนี้ทำให้ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่รู้สึกสูญเสียความมั่นใจ พอคิดถึงว่าองค์หญิงใหญ่ถึงกับแนะนำลู่เจียวให้บรรดาฮูหยินสูงศักดิ์ในเมืองหลวงรู้จัก ยังบอกให้ผู้อื่นอย่าทำให้นางลำบากใจ
ในใจท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่โมโหมาก พอคิดถึงว่าบุตรชายคนโตหลิวโส่วฝู่ นางก็ยิ่งโมโห เดิมคิดว่าตายไปแล้ว ถึงกับกลับมาเมืองหลวงได้อย่างปลอดภัย ทุกอย่างเป็นเพราะนังชั้นต่ำลู่เจียวก่อขึ้น หากไม่ใช่นางช่วยเจ้าขี้โรคหลิวจื่อเหยียนจะกลับเมืองมาขวางหูขวางตานางได้อย่างไรกัน
ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ยิ่งคิดก็อารมณ์ไม่ดี สุดท้ายก็ไปหาที่สงบเงียบนั่งสงบสติอารมณ์
ไม่คิดว่านางเพิ่งจะนั่งลงได้ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินคนด้านหลังตนเองคุยกัน
“ได้ยินว่าหญิงที่ก่อนหน้านี้องค์หญิงใหญ่แนะนำผู้นั้นเป็นเพียงแค่ภรรยาจวี่เหริน”
“ใช่ แค่ภรรยาจวี่เหรินถึงกับกล้าเสนอหน้ามาในแวดวงฮูหยินชนชั้นสูงศักดิ์เมืองหลวง ใจกล้าจริง”
“เชอะ นางไม่เคยเจอดีละสิ ให้นางเจอดีเสียก่อน ก็จะไม่กล้าปรากฏกายเหิมเกริมเช่นนี้อีก”
มีคนกระซิบว่า “วาจาเจ้านี้หมายความเช่นไร”
“หมายความเช่นไร หรือว่าเจ้าไม่เห็นภรรยาจวี่เหรินผู้นั้นหน้าตาไม่เลวอย่างยิ่งหรอกหรือ นางเป็นแค่ภรรยาจวี่เหรินเล็กๆ หากให้บรรดาคุณชายชนชั้นสูงศักดิ์เช่นพวกซื่อจื่อจวนอ๋องฉินนั่นได้เห็น เกรงว่าคงได้ตกเป็นของเล่น”
คนผู้นี้กล่าวจบ พลันหรี่เสียงให้เบาลงกระซิบเบาๆ ว่า “เจ้ารู้ไหม ก่อนหน้านี้ข้าเห็นซื่อจื่อจวนอ๋องฉินกับองค์ชายสี่มาจวนองค์หญิงใหญ่ หากให้พวกเขาพวกนั้นต้องตาต้องใจภรรยาจวี่เหรินผู้นี้ นางก็คงได้ตกเป็นของเล่น สามีจวี่เหรินนางจะช่วยนางได้หรือ”
คนผู้นี้กล่าวจบก็ไม่กล่าวต่อ เอ่ยว่า “เอาละ พวกเราไปกันเถอะ ไม่เกี่ยวกับพวกเรา”
สตรีสองนางคุยเรื่องอื่นต่อ ก่อนพากันก้าวเดินออกไป
แววตาท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ด้านหลังส่องประกายขึ้นมา ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว สตรีผู้นั้นกล้าทำให้นางไม่พอใจ นางจะต้องจัดการนางเสียหน่อย ก่อนหน้านี้คิดยืมมือองค์หญิงใหญ่จัดการนาง ปรากฏกลับถูกนางพลิกเหตุการณ์ทำให้องค์หญิงใหญ่พอใจได้ ตอนนี้นางจึงคิดอาศัยมือ ‘เซียวถิง’ ซื่อจื่อจวนอ๋องฉินมาจัดการนาง
พอท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่คิดถึงว่าลู่เจียวตกเป็นของเล่นของคุณชายชนชั้นสูงศักดิ์เช่นซื่อจื่อจวนอ๋องฉินแล้ว ก็อดเผยรอยยิ้มได้ใจออกมาไม่ได้
นางหันหน้าไปสั่งการสาวใช้ข้างกาย “ไปดูว่าหญิงผู้นั้นตอนนี้อยู่ที่ใด”
สาวใช้รีบก้าวออกไป ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ยังสั่งการสาวใช้อีกคน “ไปสืบว่าพวกซื่อจื่อจวนอ๋องฉิน ตอนนี้อยู่ที่ใด”
“เจ้าค่ะ จวิ้นจู่”
ท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จก็ก้าวเดินออกไป สีหน้าไม่พอใจก่อนหน้านี้พลันกลายเป็นสีหน้าเบิกบานยินดีอย่างยิ่ง
พวกนางจากไปแล้ว หลังพุ่มไม้ก็มีหลายคนเดินออกมา ผู้ที่เดินนำทุกคนมาก็คือหลินหรูเยว่ที่คลุมใบหน้าด้วยผ้าแพร
หลินหรูเยว่มองท่านหญิงหลันหยางจวิ้นจู่ที่จากไปด้วยแววตาลุ่มลึก สุดท้ายหันไปมองอยู่นานก่อนจะพึมพำขึ้นเบาๆ
ลู่เจียวงั้นหรือ อย่าได้ตำหนิที่ข้าแย่งผู้ชายเจ้า ข้าไร้หนทางจริงๆ
สองวันนี้นางสับสนมาก สติด้านเหตุผลก็รู้สึกว่าตนเองไม่ควรแย่งชิงผู้ชายผู้อื่น แต่นางคิดไปคิดมาแล้วก็ พบว่าตนเองแต่งได้เพียงแค่เซี่ยอวิ๋นจิ่นคนเดียว ไม่มีคนอื่นแต่งได้อีกแล้ว
เพราะนางถอนหมั้นซื่อจื่อจวนอ๋องฉิน และทำลายชื่อเสียงตนเอง บรรดาคุณชายชนชั้นสูงศักดิ์คงไม่ยอมแต่งกับนาง แม้ว่ามีคนคิดแต่งกับนาง แต่ก็คงไม่ดี อีกอย่าง คุณชายชนชั้นสูงศักดิ์เหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนมีอนุ
หลินหรูเยว่ไม่อยากแย่งชิงกับบรรดาอนุอีก ดังนั้นจึงไม่คิดแต่งกับคนเหล่านี้
ส่วนบัณฑิตที่เข้าเมืองหลวงมาสอบครั้งนี้ พวกที่หน้าตาดีและยังมีอนาคตขุนนางสูง ความจริงก็มีไม่กี่คน และส่วนใหญ่ก็ล้วนมีภรรยาแล้ว ในจำนวนคนเหล่านี้ก็มีหลิวจื่อเหยียน บุตรชายหลิวโส่วฝู่ เขาผู้นั้นก็เหนือความคาดหมายมาก หน้าตาดีและมีความสามารถ
แต่ในภพก่อนคุณชายตระกูลหลิวเองก็ตาย ดังนั้นหลินหรูเยว่ไม่รู้ว่าชาตินี้เขาจะก้าวขึ้นไปได้หรือไม่
นางเป็นถึงคุณหนูใหญ่จวนเฉิงเต๋อโหว คงไม่อาจแต่งกับชายไร้สามารถกระมัง ดังนั้นนางคิดไปคิดมาแล้วก็ตัดสินใจว่ายังคงต้องแต่งกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมีภรรยาแล้ว เช่นนั้นก็กำจัดนางทิ้งก่อน ก็แค่หญิงบ้านนอกเท่านั้น
หลินหรูเยว่ครุ่นคิดแล้วก็หัวเราะขึ้นเบาๆ พาสาวใช้เดินจากไป
ลู่เจียวไม่รู้แผนการหลินหรูเยว่ ยามนี้นางกำลังเดินเล่นในสวนอยู่กับฮูหยินซิ่งอันโหว ทั้งสองคนเดินไปคุยไป ส่วนขุนพลหวังฮูหยินถูกผู้อื่นดึงตัวไปคุยแล้ว
“ทิวทัศน์จวนองค์หญิงใหญ่ไม่เลวจริงๆ”
“อืม องค์หญิงใหญ่เป็นองค์หญิงที่อดีตฮ่องเต้ทรงโปรดปราน ตอนนางเติบโตได้วัยปักปิ่น อดีตฮ่องเต้ก็พระราชทานจวนองค์หญิงนี้ให้นาง ได้ยินว่าตอนนั้นองค์หญิงใหญ่ได้รับพระเมตตาอย่างมาก ทุกคนต่างยกย่องให้เกียรตินาง ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงเกินนางแม้แต่น้อย”
ฮูหยินซิ่งอันโหวกล่าวจบก็ถอนหายใจ “น่าเสียดายต่อมานางชะตาชีวิตไม่ค่อยดี แต่งราชบุตรเขยมาก็ไม่ได้มีใจให้นาง ราชบุตรเขยไม่รักองค์หญิงใหญ่ รักแต่น้องสาวลูกพี่ลูกน้องเขา อดีตฮ่องเต้ทรงรู้เรื่องนี้ก็โมโหสั่งให้คนตีราชบุตรเขยจนตาย ตอนนั้นองค์หญิงใหญ่ก็ตั้งครรภ์แล้ว เพราะเรื่องนี้ทำให้คลอดก่อนกำหนด ท่านหญิงเหวินอันเซี่ยนจู่คลอดออกมาตัวเท่าลูกแมว เหมือนว่าองค์หญิงใหญทุ่มเทดูแลจึงรักษาชีวิตทารกน้อยให้รอดมาได้”
“คิดไม่ถึงว่านางแต่งเข้าจวนอู่กั๋วกงแล้วยังเกิดเรื่องเช่นนี้ องค์หญิงใหญ่เป็นห่วงอย่างที่สุด”
ลู่เจียวได้ฟังฮูหยินซิ่งอันโหวก็อดทอดถอนใจไม่ได้ว่า “องค์หญิงใหญ่เป็นถึงเชื้อพระวงศ์สูงศักดิ์ องค์หญิงกลับเป็นมารดาที่รักและเมตตา”
ฮูหยินซิ่งอันโหวยิ้มกล่าวว่า “ใต้หล้านี้มีมารดาที่ใดไม่รักลูกตนเอง”
ลู่เจียวคิดถึงมารดาตนในภพก่อน นั่นก็เป็นแม่ที่ไม่รักลูก เพราะไม่ใช่ลูกจากคนที่นางรัก ต่อมานางแต่งกับคนที่รัก และมีลูกกับคนที่รัก ก็เป็นแม่ที่เมตตาอารีที่สุดในโลก สรุปคือเพียงเพราะนางไม่รักก็คือไม่รัก
ก็แค่นั้น ไม่คิดถึงนางแล้ว