ดั่งรักบันดาล - ตอนที่ 48
ได้ยินคำพูดนี้ ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าของเฉิงลู่ก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด ถ้าหากว่าเธอลาออก งั้นสิ่งที่เธอพยายามมาตลอดหลายปีก็เสียแรงเปล่า ถ้าหากว่านำมะม่วงกล่องนี้ทานหมด เธอจะกินหมดได้ยังไง?”
อันหร่านที่อยู่ด้านข้างไม่รู้ว่าเฉิงลู่ทำเรื่องอะไรผิด มองดูอยู่ด้านข้าง แม้แต่หายใจแรงออกมาก็ยังไม่กล้า
“ประธานอวี้ ฉันผิดไปแล้ว ฉันแค่อยากจะสั่งสอนเธอแทนท่าน ฉันทำแบบนี้เพื่อท่าน!”
อวี้อี่มั่วสีหน้าไม่เปลี่ยน ทำเหมือนกับไม่ได้ยินคำพูดของเธอ ตู้เยี่ยที่อยู่ด้านข้างมองเห็นเฉิงลู่ ก็รีบพูดเตือน“เลขาเฉิง ประธานอวี้มีเวลาจำกัด”
เฉิงลู่ร้องให้โดยไม่มีน้ำตา มองดูมะม่วงทั้งกล่อง ลังเล แต่ในที่สุดก็ตัดใจปล่อยความพยายามในช่วงหลายปีนี้ไม่ได้ เธอจับมะม่วงขึ้นมา ร่างกายแข็งทื่อ
มองดูผู้ชายสีหน้ามืดครึ้ม แสดงให้รู้ชัดเจนว่าไม่มีการเจรจาต่อรอง เฉิงลู่ไม่มีวิธีอื่น จำเป็นต้องแกะเปลือกและเริ่มทาน น้ำของมะม่วงติดมือเธอ เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว เธอไม่สนภาพลักษณ์และศักดิ์ศรีอะไรอีกแล้ว นำมะม่วงแกะเปลือกทานเข้าไป
ทานไม่ถึงสามลูก น้ำตาของเธอก็ทะลักออกมา ทั้งมือทั้งปากก็เป็นมะม่วง ตกอยู่ในสภาพหน้าแตก
อวี้อี่มั่วกวาดสายตาเย็นชามองเธอ ความหมายก็คือไม่ให้เธอหยุดกิน เฉิงลู่ไม่รู้จะทำยังไงดี จำเป็นต้องหยิบมะม่วงยัดเข้าไปในปากของตัวเอง
อันหร่านที่อยู่ด้านข้างทนดูไม่ไหว เดินไปด้านหน้าอย่างระมัดระวัง เปิดปากพูดจูงใจ“ประธานอวี้ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?เลขาเฉิงเป็นพนักงานเก่าทำงานที่ห้องทำงานประธานมาหลายปี ทำไมถึงไม่สามารถ…”
อวี้อี่มั่วกวาดสายตามองเธอ พูดเฉยเมย“อยากจะขอร้องแทนเฉิงลู่ งั้นเธอก็ช่วยเฉิงลู่ทาน”
พูดคำพูดนี้ออกมา สีหน้าของอันหร่านชั่วพริบตาเดียวก็เปลี่ยนสีขึ้นมา รีบนำคำพูดที่ยังพูดไม่จบกลืนลงไปในท้อง
เฉิงลู่ได้ยินคำพูดของอวี้อี่มั่ว ตระหนักว่าเรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แล้ว ทำได้เพียงแข็งใจยัดมะม่วงลงไปในท้องของตัวเอง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ มะม่วงหนึ่งลังถูกเฉิงลู่ทานไปแล้วครึ่งหนึ่ง สถานการณ์ตอนนี้ยุ่งเหยิงไม่เป็นระเบียบ
อวี้อี่มั่วกวาดสายตามองกล่องที่ว่างอยู่ครึ่งหนึ่ง ในใจก็มีข้อมูลอยู่ในหัว สั่งอันหร่านที่อยู่ข้างๆด้วยเสียงเย็นชา“ดูจนเธอทานหมด”
พูดจบ เขาหมุนตัวกลับ ก้าวเท้าเดินตรงออกไปด้านนอก ตู้เยี่ยก็รีบเดินตามเขาไป
พวกเขาเพิ่งจะออกมาถึงประตูห้องทำงาน เสียงอาเจียนของเฉิงลู่ก็ดังออกมาจากในห้อง เหมือนกับอาเจียนตับไตไส้พุงออกมา
อันหร่านมองเห็นท่าทางของเฉิงลู่ ทั้งกลัวทั้งห่วงใย“เฉิงลู่ เธอไม่สามารถทานเข้าไปได้อีก ถ้ายังทานต่อไปเธออาจจะเป็นอันตราย!”
เฉิงลู่ยักไหล่ ดวงตาทั้งสองข้างมีน้ำตาเพราะว่าอาเจียนออกมา เธอกำหมัดแน่น กัดริมฝีปาก ทั้งเกลียดทั้งเสียใจภายหลัง
เป็นลูกน้องที่ทำงานกับอวี้อี่มั่วมานานขนาดนี้ เธอเข้าใจชัดเจน ถ้าหากว่าเธอไม่ทานมะม่วงให้หมดกล่องนี้ เขาพูดจริงทำจริงแน่นอน ว่าจะให้เธอลาออก แต่เธอไม่ยอม ทำงานที่อวี้กรุ๊ปมาหลายปีขนาดนี้ เงินเดือนที่สะสมและตำแหน่งตอนนี้ทำให้เธอไม่มีทางจะปล่อยมือ ดังนั้น เธอไม่สามารถละทิ้งได้
เธอกัดริมฝีปาก จับมะม่วงแกะเปลือก ยัดเข้าไปในปากของตัวเองอย่างโหดเหี้ยม
อันหร่านที่อยู่ด้านข้างดึงเธอเอาไว้“เฉิงลู่ เธอทานลงไปไม่ได้แล้ว!”
เฉิงลู่สลัดมือเธอทิ้ง“เธอไม่ต้องสนใจฉัน!”
ก็เป็นเวลานี้ ทันใดนั้นเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมาที่หน้าประตู เธอเงยหน้ามอง ก็มองเห็นว่าตู้เยี่ยยืนอยู่ตรงนั้น
“ผู้ช่วยตู้…”
ตู้เยี่ยนำข่าวบอกต่อตามลำดับระเบียบที่กำหนด“ประธานอวี้พูดแล้ว ไม่จำเป็นต้องทานที่เหลือ แต่บทเรียนนี้ ต้องจำเอาไว้”
เฉิงลู่ได้ฟัง พยักหน้าอย่างไม่ลังเล“ฉัน…ฉันจำได้แล้ว!ครั้งต่อไปฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว!”
บทสนทนาของตู้เยี่ยเปลี่ยนไปกะทันหัน“แต่ว่า ข่าวลือที่แพร่กระจาย เธอต้องรับผิดชอบที่ก่อความวุ่นวาย”
เฉิงลู่ยังไม่ทันได้เปิดปากพูด อันหร่านที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะออกหน้าช่วยเหลือคนที่ถูกรังแก“ผู้ช่วยตู้ เรื่องนี้ทำไมถึงตำหนิเฉิงลู่ได้ล่ะ?”
ตู้เยี่ยได้ฟัง ก็จ้องมองเฉิงลู่อย่างช้าๆ กระตุกมุมปากและพูด“เลขาเฉิงทำอะไรไว้ น่าจะไม่ต้องให้ผมเอ่ยเตือนสติหรอก?”
พูดคำนี้ออกไป เฉิงลู่ในใจจมดิ่ง มะม่วงที่อยู่ในกระเพาะก็เกิดอาการปั่นป่วนในท้อง ร่างกายเธอกระตุก ก็คืออยากอาเจียนออกมา
เดิมที เรื่องทั้งหมดก็ไม่สามารถปกปิดอวี้อี่มั่วได้ คนที่ผสมน้ำมะม่วงในแก้วผลไม้ของหร่วนซือซือก็เป็นเธอ ตั้งแต่แรกเริ่มคนที่แอบถ่ายรูปและส่งเข้าไปในกลุ่มก็เป็นเธอ และเรื่องเหล่านี้ อวี้อี่มั่วล้วนแจ่มแจ้งชัดเจนอยู่แล้ว รู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว!
หลังจากนั้นสิบนาที เฉิงลู่ก็ถูกส่งเข้าโรงพยาบาล อันหร่านมาเป็นเพื่อนเธอ เร็วมาก ข่าวดังกล่าวก็แพร่กระจายไปทั่วบริษัทอย่างรวดเร็ว
ทุกคนล้วนรู้ว่า เฉิงลู่ถูกอวี้อี่มั่วลงโทษเพราะว่าเผยแพร่ข่าวลือ นี้เป็นตัวอย่างเชือดไก่ให้ลิงดู จะได้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรตามอำเภอใจอีก และเกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นก็ยิ่งปิดปากเงียบ
ขณะนี้ หร่วนซือซือกำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย สิ่งที่คิดในสมองก็คือการนัดพบกับหม่าเฮ่อเฟิง
ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็สั่นสะเทือน ได้รับข้อความวีแชทของเสี่ยวหาน
“ซือซือ เธอรู้หรือยัง?เฉิงลู่ที่อยู่ห้องทำงานประธานถูกลงโทษแล้ว ก็คือเธอที่เป็นคนแพร่กระจายข่าวลือไปทุกหนทุกแห่ง เรื่องที่เธอเป็นภูมิแพ้เหมือนกับว่าเกี่ยวข้องกับเฉิงลู่ด้วย”
มองเห็นข้อความนี้ หร่วนซือซือตัวแข็งทื่อ เรื่องที่เธอเป็นภูมิแพ้ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับเฉิงลู่ล่ะ?และเฉิงลู่เป็นคนที่อยู่ในห้องทำงานประธาน ไม่ว่าคนแผนกไหน ก็ต้องเกรงใจเธอ คนที่สามารถลงโทษเธอได้ เกรงว่าจะมีเพียงแค่อวี้อี่มั่วสิ?
ถอนหายใจออกมา หร่วนซือซือรวบรวมเรื่องพวกนี้ทิ้งไว้เบื้องหลัง มองเห็นขวดน้ำเกลือหมดแล้ว ก็รีบเรียกพยาบาลให้ดึงเข็มออกทันที
หร่วนซือซือหยิบสำลีกดรูเข็มเอาไว้ และถามพยาบาล“ออกจากโรงพยาบาล ต้องทำขั้นตอนอะไรบ้าง?”
พยาบาลสาวพยักหน้า“ต้องทำ เพียงแต่ก่อนที่คุณชายอวี้จะไปก็สั่งไว้เป็นพิเศษ ให้คุณพักผ่อนให้สบายใจ ไม่ต้องรีบออกจากโรงพยาบาล”
ไม่ต้องรีบออกจากโรงพยาบาล?เธอยังต้องนัดพบกับหม่าเฮ่อเฟิง ถ้าหากว่าพลาดโอกาสครั้งนี้ ครั้งต่อไปไม่รู้ว่าจะสามารถนัดพบได้อีกไหม
หร่วนซือซือยืดตัวขึ้นลงจากเตียงเอื้อมมือออกไปเก็บของตัวเองขึ้นมา“ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้ก็ไม่คันแล้ว ฉันยังมีเรื่องด่วน ไม่สามารถรอได้แล้ว…”
เธอพูดพลาง โดยไม่สนใจถึงคำห้ามปรามของพยาบาล หยิบของและออกไปจากห้องพักผู้ป่วย
พยาบาลตัวน้อยไม่สามารถห้ามปรามได้ และไล่ตามก็ไม่ทัน ร้อนใจทันที รีบต่อสายโทรศัพท์“ฮัลโหล ผู้ช่วยตู้ คุณผู้หญิงหร่วนซือซือเตียงยี่สิบหกเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลไป ดึงไว้ไม่อยู่แล้วค่ะ!”
หร่วนซือซือออกมาจากในโรงพยาบาล ก็โบกรถ รีบตรงไปสถานที่นัดพบกับหม่าเฮ่อเฟิง
เธอเร่งรีบไปที่จุดหมายปลายทาง แต่ก็ยังสายไม่หลายนาที
หร่วนซือซือรีบวิ่งไปตามทาง เมื่อมองเห็นหม่าเฮ่อเฟิง ก็รีบขอโทษ“ประธานหม่า ขออภัยด้วย ฉันมาสายแล้ว”
หม่าเฮ่อเฟิงไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ โบกมือ“นั่งสิ”
ทั้งสองคนนั่งลง หลังจากที่ทักทายกัน ก็ไม่อ้อมค้อม พูดคุยกันเรื่องร่วมมือกันโดยตรง
ทั้งหมดพูดคุยกันลงตัว ตอนนี้ขาดอย่างเดียวคือทั้งสองฝ่ายลงชื่อ
หม่าเฮ่อเฟิงเงยหน้าขึ้นมา มองเห็นหร่วนซือซือยิ้ม“ผู้ช่วยหร่วน เย็นนี้ทานข้าวด้วยกันสิ ก็ถือว่าผมขอบคุณคุณ”
ครั้งที่แล้วโชคดีที่หร่วนซือซือเตือนสติ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะตกหลุมพลางคนเลวแล้วจริงๆ
หร่วนซือซือยิ้มปฏิเสธอย่างนุ่มนวล“ประธานหม่าสามารถรับโครงการพวกเราได้ ก็ถือว่าขอบคุณฉันมากแล้ว ไม่ต้องทานข้าวหรอก ถ้าหากว่าหลังจากนี้ต้องการอะไร ฉันจะนึกถึงท่านเป็นคนแรกแน่นอนค่ะ”
“งั้นก็ดี”หม่าเฮ่อเฟิงก็ตรงไปตรงมา หยิบปากกาลงชื่อของตัวเอง“ส่วนของขวัญ พวกเราจะจัดส่งตามวันที่กำหนด ผู้ช่วยหร่วนวางใจได้”
หร่วนซือซือพยักหน้า ยังอยากจะพูดอะไรอีกหลายประโยค ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้นมา
เธอหยิบขึ้นมาดู คาดไม่ถึงว่าจะเป็นอวี้อี่มั่วโทรเข้ามา!
หรือว่า เขารู้จะเรื่องที่เธอออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดแล้ว?