ชาวนาตัวน้อยดีเลิศ - ตอนที่ 252 ซื้อโทรศัพท์สิบเครื่อง
ลังเลอยู่สักพักใหญ่ ซุนหรานหรานพูดขึ้นอย่างเชื่องช้า “เรื่องนี้จ้าวเสี่ยวกังรู้หรือเปล่า? คุณเคยไปถามเขาหรือเปล่า?”
“แหะแหะ เขาไม่รู้ แต่วันนี้ผมเคยพูดกับเขาลอยๆ เขาน่าจะตอบตกลง คุณไม่รู้ว่าในหัวใจของเขาคุณอยู่ในสถานะอะไร เขาถึงขั้นยอมรับว่าเขาชอบคุณต่อหน้าผมโดยไม่ลังเลเลยสักนิด เขาพูดออกมาจากใจ ถึงแม้ผมจะรู้สึกหึงหวงเล็กน้อย แต่ที่มากไปกว่านั้นคือความภาคภูมิใจ ผมภาคภูมิใจที่มีภรรยาที่แสนดีแบบนี้ ”
ซุนหรานหรานได้ยินคำพูดของหลิวต้าจ้วงแล้วถามด้วยความประหม่าเล็กน้อย “เขายังพูดอะไรอีก? แค่บอกว่าชอบฉันเหรอ?”
“อืม เอาเป็นว่าเขาพูดชมคุณ แต่ว่าถ้าหากผมลองไปพูดคุยกับเขาดู ผมรู้สึกว่าหมอนั่นจะต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน ยังไงสายตาที่เขามองคุณมันก็เต็มไปด้วยความเร่าร้อนอยู่แล้ว”
“อืม งั้นคุณรอให้เขาตอบตกลงแล้วค่อยมาคุยกับฉันอีกที”
หลังจากที่พูดจบ ซุนหรานหรานพลิกตัวไปนอนลงบนเตียงแล้วเสแสร้งทำท่าเหมือนกับนอนหลับแล้ว แต่ภายในใจของเธอมันเต็มไปด้วยคลื่นลมที่ถาโถมเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง และถึงขั้นเกิดความรู้สึกที่คาดหวังเลยด้วยซ้ำ
หลิวต้าจ้วงได้ยินคำพูดของซุนหรานหราน บนใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความดีใจทันที เขาถามออกมาด้วยความดีใจ “ตกลงคุณเห็นด้วยแล้วใช่ไหม?”
“รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีก เห็นด้วยไม่เห็นด้วยก็ต้องขึ้นอยู่กับเขาด้วย ฉันแต่งงานกับคุณมาตั้งหลายปี เขายังหนุ่มยังแน่น ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่เคยแต่งงาน เรื่องนี้ฉันรู้สึกว่าเขาจะหาเรื่องใส่ตัวเองเสียเปล่า”
“แหะแหะ ไม่ต้องห่วง ขอแค่คุณยอมตกลง หมอนั่นไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน ยังไงคุณก็เป็นถึงผู้หญิงที่สวยที่สุดในใจของผม คุณไม่เคยสังเกตและทุกครั้งที่คุณไปทำไร่กับผม พวกผู้ชายในหมู่บ้านต่างมองผมด้วยความอิจฉาทั้งนั้น”
หลิวต้าจ้วงพูดพร้อมกับกอดซุนหรานหรานไว้ในอ้อมแขนแล้วจูบเธอ หลังจากนั้นทั้งสองคนพูดคุยอะไรกันอีกไม่กี่คำแล้วหลับไป
หลังจากที่ได้ยินเสียงหายใจที่นิ่งสงบของหลิวต้าจ้วง ซุนหรานหรานกลับยังนอนไม่หลับ เธอกำลังคิดถ้าหากมีลูกกับจ้าวเสี่ยวกังแล้วควรจะทำยังไงต่อ? ใจของเธอจะยังคงอยู่กับหลิวต้าจ้วงเหมือนในตอนนี้หรือเปล่า?
คิดไปคิดมา ซุนหรานหรานเริ่มรู้สึกกะวนกะวายขึ้นมา
จ้าวเสี่ยวกังที่โดนเสียงครางปลุกจนตื่นจนถึงตอนนี้ก็ยังนอนไม่หลับ นึกถึงการตายของพี่ใหญ่ หนทางในอนาคต เขาลุกขึ้นมานั่งแล้วหยิบตำราที่ได้จากหนิวเกิงซึงมาเปิดอ่าน
อ่านไปอ่านมา จ้าวเสี่ยวกังรู้สึกว่าภายในใจของตัวเองเริ่มสงบนิ่ง ในขณะเดียวกันก็อ่านจนรู้สึกเริ่มง่วงนอน จนกระทั่งถึงเวลาประมาณเที่ยงคืน จ้าวเสี่ยวกังจึงบังคับให้ตัวเองฝืนนอนลงไปอีกครั้ง
รุ่งเช้าของวันที่สอง หวังฟาฟาเอานกพิราบคู่หนึ่งมาให้จ้าวเสี่ยวกัง
“แหะแหะ พี่กัง เมื่อคืนผมอุตส่าห์เข้าป่าไปจับมาให้พี่โดยเฉพาะ ของพวกนี้กินแล้วมีประโยชน์ต่อบาดแผล”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา จ้าวเสี่ยวกังรู้สึกซาบซึ้งมาก เขาดึงหวังฟาฟาไปที่ด้านข้างแล้วพูด “นายอย่าพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าพ่อแม่ของฉันนะ ฉันไม่อยากให้พวกเขาต้องเป็นห่วง นกพิราบสองตัวนี้ฉันจะรับไว้ มีเวลาก็รีบไปลงทะเบียนซิมการ์ด ต่อไปพวกเราจะได้ติดต่อหากันง่ายขึ้น”
“แหะแหะ อีกเดี๋ยวหลังจากที่ผมช่วยพี่ส่งเห็ดสนเรียบร้อยแล้วผมก็จะไปลงทะเบียนเดี๋ยวนี้แหละ”
“อืม แบบนี้ก็ดี หลังจากที่กลับมานายไปรับซื้อไก่พื้นเมืองแถวระแวกหมู่บ้านของพวกเรา ถ้าหากมีแบบไซส์ใหญ่แล้วก็ขนสวยเพิ่มอีกสิบหยวนยี่สิบหยวนก็เอา”
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน หลิวต้าจ้วงก็เปิดประตูแล้วเดินเข้ามา
“พวกนายสองคนกำลังคุยอะไรกัน? หวังฟาฟาสังเกตเห็นหลิวต้าจ้วงรีบยิ้มแล้วพูดทันที “พี่ต้าจ้วง ผมกำลังเรียนรู้วิธีใช้โทรศัพท์จากพี่กัง อีกเดี๋ยวหลังจากที่ช่วยพี่กังส่งเห็ดสนเรียบร้อยแล้วผมจะแวะไปลงทะเบียนซิมการ์ดด้วย ต่อไปก็จะกลายเป็นคนเล่นมือถือเหมือนกับพี่กัง”
หลังจากที่พูดจบ หวังฟาฟาหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างระมัดระวังให้หลิวต้าจ้วงดู
หลิวต้าจ้วงพบว่าโทรศัพท์ของหวังฟาฟาเหมือนกับของซูนหรานหรานไม่มีผิดเพี้ยน เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูด “เสี่ยวกัง นายซื้อโทรศัพท์มากี่เครื่อง? แม้แต่ฟาฟาก็ให้ด้วย”
แค๊กแค๊ก……..
“ไม่เยอะ แค่สิบเครื่องเอง ฟาฟาช่วยผมรับซื้อไก่พื้นเมือง โทรศัพท์ถือว่าเป็นรางวัลของเขา ต่อไปเวลาอยู่ข้างนอกจะได้ติดต่อกันง่ายขึ้น พี่ต้าจ้วงจะโทษผมไม่ได้นะ ผมให้พี่แล้วแต่พี่ไม่เอาเอง ผมก็ทำอะไรไม่ได้”
สำหรับคำพูดของจ้าวเสี่ยวกัง หลิวต้าจ้วนไม่มีอะไรพูด โชคดีที่ซุนหรานหรานรับเอาไว้หนึ่งเครื่อง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะรู้สึกเสียใจแน่ เขาคิดไม่ถึงว่าจ้าวเสี่ยวกังจะซื้อโทรศัพท์เยอะขนาดนี้ในคราวเดียว
“นายพูดอะไรของนาย เห็นคนเป็นพี่อย่างฉันเห็นนายหาเงินได้แล้วจะเอาเปรียบนายเหรอ? ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมต้องซื้อเยอะขนาดนั้นด้วย?”
“แหะแหะ พี่ต้าจ้วง ถ้าหากพี่อยากรู้ ถึงเวลาก็เซ็นสัญญากับผมแล้วผมจะบอกพี่”
จ้าวเสี่ยวกังพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ลึกลับ ซึ่งมันยิ่งทำให้หลิวต้าจ้วงสงสัยเข้าไปอีก
“สัญญาอะไร?”
“แหะแหะ สัญญาจ้างแรงงาน ต่อไปถ้าพี่ทำงานกับผม ผมก็จะให้รางวัลพี่หนึ่งเครื่อง ผมจะทำให้คนที่ทำงานกับผมมีชีวิตอย่างที่คนอื่นไม่เคยคิดมาก่อน”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ หลิวต้าจ้วงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำพูดเมื่อคืนของจ้าวเสี่ยวกัง ตอนนี้ดูเหมือนจ้าวเสี่ยวกังจะไม่ได้โกหกเขา และกำลังพัฒนาไปในเส้นทางที่เขาเลือกเดินมาโดยตลอด
“นายไม่พูดยังดีเสียกว่า ที่บ้านของฉันยังมีไร่นาอีกตั้งมากมาย จะทำงานกับนายยังไง?”
“แหะแหะ พี่ต้าจ้วง ต่อไปพี่จะเข้าใจเอง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
หลังจากที่พูดจบ จ้าวเสี่ยวกังเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเองแล้วเดินออกมา เตรียมตัวให้หวังฟาฟาออกเดินทาง
“พี่ต้าจ้วง วันนี้ให้ฟาฟาช่วยผมไปก่อนก็พอ รอให้ถึงพรุ่งนี้พี่ค่อยมาเริ่มช่วยงานผม ตอนนี้พี่กลับไปทำงานในไร่ของพี่ก่อนก็แล้วกัน”
จ้าวเสี่ยวกกังอยากจะบอกกับหลิวต้าจ้วงว่าหลังจากที่ปลูกข้าวโพดของวันนี้เรียบร้อยแล้ว ต่อไปไม่ต้องปลุกอีกแล้ว แต่หลังจากที่เขาครุ่นคิดสุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดนั้นไป อย่างไรก็ตามเขาในตอนนี้ยังไม่มีความสามารถพอ พูดมากเกินไปหลิวต้าจ้วงก็ไม่มีทางเชื่อเขาอย่างแน่นอน
“ก็ได้ ฉันจะให้พี่หรานหรานของนายตามนายไปด้วยเป็นยังไง? จะได้ให้เธอไปลงทะเบียนซิมการ์ดในเมืองด้วย”
จ้าวเสี่ยวกังที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้รู้สึกลังเลเล็กน้อย ถ้าหากก่อนหน้านี้หลิวต้าจ้วงไม่เคยพูดคำพูดแบบนั้น เขาจะตอบตกลงอย่างไม่ลังเลแน่นอน แต่ช่วงนี้เขามักจะรู้สึกว่าเหมือนหลิวต้าจ้วงจะพบอะไรบางอย่างเข้า บวกกับถ้าให้ซุนหรานหรานอยู่กับเขาสองต่อสอง ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันมานานแล้ว มันจะต้องเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นแน่นอน
“พี่ต้าจ้วง หรือไม่พี่ให้พี่หรานหรานขี่มอเตอร์ไซค์ไปเองจะดีกว่า ยังไงรถมอเตอร์ไซค์ก็เร็วกว่าพวกเราอยู่แล้ว”
“นายนี่มัน มอเตอร์ไซค์ไม่ต้องเติมน้ำมันเหรอ นายรอก่อน ฉันจะกลับไปเรียกเธอ”
มองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของหลิวต้าจ้วง จ้าวเสี่ยวกังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ไม่นานซุนหรานหรานก็เดินตรงเข้ามา รองเท้าส้นสูงสีดำ กางเกงขาสั้นโปร่งแสงสีดำ เผยให้เห็นขาที่ขาวเรียวด้านในอย่างเลือนลาง ให้ความรู้สึกที่อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลุบ
ร่างกายส่วนบนของเธอสวมเสื้อสลิง ต้นคอสีชมพูและแขนที่ขาวเรียวปรากฏอยู่ตรงหน้าของจ้าวเสี่ยวกังและหวังฟาฟา
หวังฟาฟาลืมเรื่องออกเดินทางไปชั่วขนาด เขามองดูการแต่งตัวของซุนหรานหรานแล้วอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
รูปลักษณ์ของซุนหรานหรานช่างดึงดูดสายตาเหลือเกิน ดึงดูดจนทำเกิดให้ความรู้สึกที่ทนไม่ไหวจนอยากจะก่ออาชญากรรม