คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 404 เสียงจากข้างห้องมันชักจะร้อนระอุเกินไป
ตอนที่ 404 เสียงจากข้างห้องมันชักจะร้อนระอุเกินไป
เมืองเจียงเฉิง ในเวลากลางดึก
หลงเซียวอ่านเอกสารของบริษัทสาขาย่อยเสร็จ จึงอ่านเมลที่หลงจื๋อส่งมาให้ต่ออีกหลายสิบเมล จนเวลาล่วงเลยมาถึงตีหนึ่งครึ่งแบบงงๆ
ชายหนุ่มปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ หลงเซียวเดินเข้าห้องนอน ขายาวสอดเข้าผ้าห่มหนา ทันทีที่ทิ้งตัวลงนอน เสียงหอบหายใจก็ลอยเข้ามา
หลงเซียวขมวดคิ้ว ชายหนุ่มปิดไฟในห้องนอนไม่คิดอะไร
แต่หลังจากทั้งห้องเข้าสู่ความมืด เสียงหอบเมื่อครู่กลับยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือดังมาจากบนหัวเตียงของเขา เดาได้ไม่ยากเลยว่าเสียงที่ทำให้คนฟังสามารถจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนนี้ดังมาจากข้างห้อง
ให้ตายสิ!
ห้องของเขาเป็นห้องชุดซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนสุด ทั้งชั้นมีแค่หกห้อง แต่ละห้องมีระยะห่างกันพอสมควร แถมระดับการเก็บเสียงก็ค่อนข้างสูง แต่ชายหนุ่มกลับไปยินเสียงระเริงรักของแขกจากห้องข้างๆ
หลงเซียวขมวดคิ้ว ตั้งใจจะเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง แต่เสียงนั้นราวกับตั้งใจจะก่อกวนเขาไม่เลิก ยิ่งหลงเซียวตั้งใจจะนอน ข้างห้องก็ยิ่งฮึกเหิมขึ้นเป็นเท่าตัว
กระทั่งส่งเสียงครางหรือเสียงหอบรุนแรงเหมือนคนกำลังจะขาดใจ เล่นเอาฮอร์โมนในร่างกายพลุกพล่าน เสียงแหกปากร้องโอดครวญของผู้หญิงและผู้ชายดังสลับกันทำลายสติของชายหนุ่ม
ถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายทั้งแท่ง! ผู้ชายทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าจะรู้สึกอะไรบ้างย่อมเป็นเรื่องปกติ!
นิ้วเรียวกดหัวคิ้วไม่หยุด หลงเซียวพยายามข่มตาลง
เสียงข้างห้องไม่มีท่าทางจะหยุดเลยง่ายๆ มิหนำซ้ำยังรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ทั้งเสียงของผู้หญิง เสียงของผู้ชาย รวมไปถึงเสียงเคลื่อนไหวของเตียง
ไปตายซะ!
ผ่านไปหนึ่งนาที ชายหนุ่มมีความคิดจะโทรแจ้งนิติบุคคล แต่พอมาคิดดู ถ้าโทรแจ้งด้วยสาเหตุแบบนี้ คนอื่นจะมองว่าเขาเหงาเลยพาลอิจฉาชาวบ้านหรือเปล่า?
หลงเซียวขมวดคิ้วแน่น ค่ำคืนนี้ช่างผ่านไปได้อย่างยากลำบาก
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ในที่สุดหลงเซียวก็หลับไปด้วยความอ่อนล้า
เช้ารุ่งขึ้น หลงเซียวตื่นสายกว่าทุกวัน
ฝนที่ตกๆหยุดๆทั้งคืนก็หายไปในรุ่งสาย แต่ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้ม ไม่มีแสงตะวันโผล่ออกมาแต่อย่างใด
หลงเซียวอาบน้ำเสร็จเปลี่ยนมาใส่กางเกงไสตล์ฝรั่งสะอาดเรียบร้อยกับเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกรีดจนเนี้ยบ ชายหนุ่มในสภาพยับเยินกลับคืนสู่ร่างคุณชายผู้สูงศักดิ์ในทันใด
เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย หลงเซียวติดกระดุมเพชรลงบนปลายแขนเสื้ออย่างไม่รีบร้อน ตอนนี้เองเสียงกริ่งหน้าประตูดังขึ้น ชายหนุ่มหันหลังให้บานประตู เขามองดูท้องฟ้าสีเข้มนอกหน้าต่าง ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “เข้ามา”
ได้ยินเสียงตอบรับจากในห้อง พนักงานโรงแรมจึงเปิดประตูเข้ามา เธอโค้งตัวทำความเคารพแล้วเอ่ย “คุณหลง ดิฉันมาเปลี่ยนผ้าปูเตียงให้ค่ะ”
หลงเซียวตอบกลับเสียงเรียบ จากนั้นพนักงานจึงเดินเข้ามาในห้องนอน เธอดึงเครื่องนอนชุดเก่าออกด้วยความรวดเร็ว จนเกิดเสียงผ้าปูกระทบกับฟูก
พนักงานสาวเปลี่ยนชุดเครื่องนอนให้หลงเซียวอย่างชำนาญและรวดเร็ว จากนั้นจึงหยิบผ้าเก่าใส่ไว้บนรถเข็นก่อนจะโค้งตัวอีกรอบ “คุณหลงมีอะไรให้ดิฉันรับใช้อีกไหมคะ?”
หลงเซียวกำลังก้มหน้าอ่านเอกสาร เขาถามขึ้นเสียงเรียบโดยไม่ได้เงยหน้า “คนที่พักอยู่ตรงห้องข้างๆเป็นใคร?”
พนักงานหญิงมีสีหน้าลำบากใจ “อันนี้…คุณหลงคะ เราไม่อาจเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าได้ ขอประทานโทษด้วยค่ะ”
หลงเซียวหรี่ตา “คืนนี้เขาจะยังพักอยู่ที่นี่อีกหรือเปล่า?”
พนักงานสาวเริ่มรู้สึกแปลกใจ ทำไมคุณชายหลงเอาแต่ถามไถ่ถึงแขกห้องข้างๆนะ?
“เรื่องนี้…ดิฉันเองก็ไม่ทราบ คุณหลงลองโทรไปถามที่รีเซฟชั่นดูไหมคะ เจ้าหน้าที่อาจจะช่วยเช็คข้อมูลให้ได้”
“อืม” หลงเซียวรู้สึกไม่สบอารมณ์นิดหน่อย แน่นอนว่าโรงแรมต้องรักษาข้อมูลส่วนตัวของแขก เขาจะใช้เงินยัดก็เกรงจะเป็นขี้ปากคนอื่น หวังว่าคืนนี้จะไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นอีก ไม่งั้นคุณชายหลงจะซื้อมันทั้งโรงแรมนี่แหละ!
“คุณหลง อาหารเช้าเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว จะให้ส่งขึ้นมาไหมคะ? หรือคุณจะลงไปรับประทานข้างล่าง?”
เพราะเมื่อคืนหลับไม่ค่อยเต็มอิ่ม เช้านี้จึงไม่ค่อยอยากอาหาร “ไม่รีบ ออกไปได้แล้ว”
“ค่ะ คุณหลง”
พนักงานออกไป เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ตามคาด เป็นเจิ้งซินโทรเข้ามา
คนที่จะโทรหาเขาเช้าตรู่ขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เจิ้งซิน เขาก็นึกไม่ออกว่ายังมีใคร
เสียงสายเข้าดังอยู่ห้าถึงสิบนาที หลงเซียวถึงได้หยิบขึ้นมากดรับสายด้วยท่าทางขี้เกียจๆ “สวัสดี”
เป็นน้ำเสียงที่แสดงถึงความห่างเหิน ไม่ให้ความรู้สึกสนิทสนมแม้แต่นิดเดียว
แต่ปลายสายที่แค่ได้ยินเสียงของหลงเซียวเจิ้งซินก็เอามือขึ้นปิดปากอย่างดีใจ ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของชายหนุ่ม หัวใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้น ทั้งตื่นเต้นทั้งรอคอย เป็นช่วงเวลาที่เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
“หลงเซียว คุณตื่นหรือยังคะ? วันนี้ไม่มีงานใช่ไหมคะ? เราไปงานดนตรีกันไหมคะ?” เจิ้งซินม้วนบัตรในมือเล่น งานนี้เป็นงานดนตรีวงออเคสตร้าจากอิตาลี ถ้าได้ไปนั่งฟังกับเขา นั่นคงเป็นความสุขอันสูงสุด
หลงเซียวพลิกเอกสารไปมา “ขอโทษที วันนี้ผมมีประชุม ตราบใดที่โครงการยังไม่มีความคืบหน้า เกรงว่าผมคงไปไหนไม่ได้”
“ก็เพราะแบบนี้ไง! ฉันบอกคุณพ่อแล้วล่ะค่ะ ท่านจะช่วยคุณดูงานเอง คุณแค่รอดูผลลัพธ์ก็พอ อีกอย่างฉันได้ยินคุณพ่อบอกว่ารอบนี้คุณลุงเฉินไม่คัดค้านซะด้วย เพราะงั้นคิดว่าอีกไม่กี่วันก็คงเห็นผลลัพธ์แล้วล่ะค่ะ”
อ้อ?
ดูท่าฝั่งของเฉินว่านเหนียนจะไม่ได้ทำตัวเป็นตัวถ่วงอย่างที่คิด แต่จะว่าไปแล้ว ขอแค่ผู้อำนวยการเจิ้งยอมเปิดทางให้ โครงการนี้ก็สำเร็จไปแล้วครึ่งนึง
“ลำบากคุณแล้ว รอให้โครงการได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการ ผมจะขอบคุณคุณชุดใหญ่แน่นอน”
หลงเซียวเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ วันนี้เขามีนัดประชุมกับผู้บริหารของบริษัทสาขาเจียงเฉิงหลายคน อีกหนึ่งชั่วโมงก็จะถึงเวลานัด
เจิ้งซินเม้มปาก แล้วทำเสียงออดอ้อน “ไม่เอาอ่ะ ฉันไม่อยากรอ วันนี้เลยไม่ได้หรอคะ? ฉันอุตส่าห์ได้ที่นั่งVIPมา อยากไปดูกับคุณ”
แววตาของชายหนุ่มเย็นยะเยือก “วันนี้ผมมีประชุม รอมะรืนผมเหมาทั้งโรงละครให้คุณดูคนเดียวแบบนี้ไม่ดีกว่าหรอ?”
เหมาโรงละคร! ถึงฐานะเธอจะไม่ธรรมดา แต่การที่มีผู้ชายเหมาทั้งโรงละครเพื่อให้เธอดูการแสดงคนเดียวแบบนี้ ยังไงเธอก็อดตื่นเต้นไม่ได้!
“อือ…งั้นฉันจะรอ รอให้ได้ใบอนุญาตประกอบการมาแล้ว เราค่อยไปดูกัน แค่เราสองคน”
“แน่นอน”
หลังวางสาย หลงเซียวลุกขึ้นหยิบกุญแจรถแล้วลงลิฟต์ไป
เดินออกมาตรงที่จอดรถชั้นB2 หลงเซียวเงยหน้าขึ้นเห็นร่างของหญิงสาว เงาครึ่งตัวหายลับเข้าไปในเบนซ์สีดำคันหนึ่ง
หญิงสาวสวมแว่นตาดำใหญ่บดบังใบหน้าไปถึงครึ่ง เธอเดินเข้าไปในรถแล้วจูบกับผู้ชายซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งคนขับ จากนั้นเบนซ์คันนั้นก็สตาร์ทขับออกจากโรงจอดรถไป
เงาด้านข้างของผู้หญิงคนนั้น ทำไมถึงรู้สึกคุ้นขนาดนี้?
หลงเซียวขมวดคิ้ว แม้จะเห็นคนไม่ชัด แต่ป้ายทะเบียนรถคันนั้นเขาเห็นเต็มสองตา
เมื่อเข้ามานั่งในรถ หลงเซียวโทรหากู้เยนเซิน แต่รอสายอยู่นานก็ไม่มีคนรับ มีแต่เสียงข้อความอัตโนมัติที่ดังขึ้น หลงเซียวจึงจำต้องโทรหาหวังเค่ย
คราวนี้ปลายสายกดรับอย่างเร็ว หวังเค่ยเห็นคนที่โทรมาเป็นหลงเซียว เขาก็รับถามขึ้น “คุณหลง มีเรื่องอะไรหรอครับ?”
“เช็คป้ายทะเบียนรถให้ที ได้ข้อมูลแล้วรีบบอกฉัน”
“ครับ คุณหลงบอกเลขมา ผมจะรีบไปเช็คเดี๋ยวนี้”
เมื่อบอกเลขทะเบียนเสร็จ หลงเซียวก็เดินเกียร์สตาร์ทรถขับออกไป
——
หวังเค่ยจดเลขทะเบียนไว้ จากนั้นจึงหันไปจุ๊บแก้มของเถียนเถียน “ป๊ะป๊าไปส่งหนูที่เนอร์สเซอรี่”
เถียนเถียนกอดแขนหวังเค่ยแน่น เสียงเล็กถามคนเป็นพ่อกลัวๆ “ป๊ะป๊า หนูคงไม่เจอมะม๊าหรอกใช่ไหม? หนูไม่อยากเจอ”
หวังเค่ยอุ้มลูกสาวผู้เป็นที่รักไว้ในอ้อมกอด แขนแข็งแรงสะพายกระเป๋าใบเล็กสีชมพู “ไม่เจอหรอกจ้ะ มะม๊าไปแล้ว ไปที่ที่ห่างไกลมาก มะม๊าไม่กลับมาแล้วล่ะ”
เถียนเถียนโล่งอก เด็กน้อยเอนหัวซบลงบนไหล่หนา “ป๊ะป๊า หนูจะอยู่กับป๊ะป๊าตลอดไป หนูไม่อยากอยู่กับมะม๊า”
“ได้เลยจ้ะ ป๊ะป๊ารับปาก ต่อไปนี้จะไม่มีใครมาพรากหนูไปจากป๊ะป๊าได้อีก ป๊ะป๊าจะอยู่กับเถียนเถียนตลอดไป”
“อื้อ! เกี่ยวก้อยสัญญา ป๊ะป๊าห้ามโกหกหนูนะ!”
“ได้เลย! ป๊ะป๊าไม่โกหก!”
พูดมาถึงตรงนี้ หวังเค่ยก็นึกไปถึงคำร้องที่ส่งไปถึงศาล อีกไม่นานก็จะถึงเวลานัดขึ้นศาลแล้ว หวังว่าเขาจะชนะและได้สิทธิ์ในการรับเลี้ยงดูเอาลูกกลับคืนสู่อ้อมอกเขาได้ในที่สุด
หลังจากไปส่งลูกเสร็จ หวังเค่ยก็กลับบริษัทฉู่ซื่อ
รถบูอิคจอดอยู่หน้าบริษัท หวังเค่ยเปิดประตูออกทันใดนั้นก็เห็นกู้เยนเซินกำลังลงจากรถพอดี เขาจึงพยักหน้าทักทายตามมารยาท
เพิ่งพยักหน้ายังไม่ทันเสร็จ กู้เยนเซินเดินลงจากรถ เขาเดินอ้อมไปฝั่งที่นั่งข้างคนขับแล้วเปิดประตูออก คิดไม่ถึงว่าคนที่เดินออกมาจะเป็นไป๋เวย
หวังเค่ยอึ้งไป ใช้ความคิดไม่นานเขาก็เข้าใจได้ในเสี้ยววินาทีต่อมา เขาเอ่ยยิ้มๆทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “อรุณสวัสดิ์ครับซีอีโอ คุณกู้”
เมื่อกี้ไป๋เวยไม่ทันสังเกตว่าหวังเค่ยก็อยู่ที่นี่ พอได้ยินเสียงของเขา เธอก็ชะงักไป
แต่ยังคงจัดการสีหน้าและอารมณ์ให้มั่น เธอเอ่ยยิ้มๆ “อรุณสวัสดิ์ หวังเค่ย”
มือใหญ่ของกู้เยนเซินดึงมือของไป๋เวยมาจับ พร้อมกับหัวเราะเสียงดังโอเวอร์ “บังเอิญจังครับ!”
หวังเค่ยก็หัวเราะตาม “ครับ บังเอิญอยู่ คุณกู้กับซีอีโอ…กำลังคบกันอยู่หรอครับ?”
“สายตาหลักแหลมมาก! ถูกต้องครับ!” กู้เยนเซินยอมรับโดยไม่ขัดเขิน
ไป๋เวยหน้าซีดทันใด เธอออกแรงสะบัดมือเขาออก มือข้างนึงถือกระเป๋า รองเท้าส้นสูงก้าวฉับๆเดินนำไป ก่อนจะหันกลับไปพูดเสียงไม่สบอารมณ์นัก “สายแล้ว มัวแต่ยืนอึ้งอะไรกันอยู่”
”รู้แล้วน่ะ! ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ!”
กู้เยนเซินรีบใส่เกียร์เดินตามไป ในขณะที่หวังเค่ยส่ายหน้าเอือมๆ
เมื่อมาถึงห้องทำงาน เขาเปิดโปรแกรมนึงขึ้นแล้วก็พิมพ์หมายเลขทะเบียนรถเข้าไป ทันทีที่เขาใส่รหัสผ่านเข้าไป ข้อมูลของเจ้าของรถก็เด้งออกมา
ที่ทำให้เขาแปลกใจก็คือ เจ้าของรถคันนี้ดันเป็นเธอ!
จ้าวฟางฟาง!
เธอคือเจ้าของรถคันนั้น? เป็นไปได้ยังไง?
หลงเซียวสัมผัสได้ถึงอะไรหรือเปล่า? หรือว่าการไปเจียงเฉิงครั้งนี้ หลงเซียวกับเสิ่นคั่วจะเปิดศึกกัน?
หวังเค่ยไม่กล้าคิดเองเออเอง ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาหลงเซียว
หลงเซียวกำลังจะเดินเข้าห้องประชุม เมื่อเห็นเบอร์ของหวังเค่ยเขาจึงหยุดฝีเท้าแล้วหมุนตัวเดินไปที่ระเบียง “สืบได้แล้วใช่ไหม?”
หวังเค่ยพยายามเก็บความตกใจ “สืบได้แล้วครับ แต่…เจ้าของรถคันนั้น คือจ้าวฟางฟาง”
“จ้าวฟางฟาง?” หลงเซียวพึมพำชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นหู
หวังเค่ยกำหมัด “ครับ บัตรประชาชนเป็นบัตรของจ้าวฟางฟาง เธอ เป็นภรรยาเก่าของผม แต่ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของเสิ่นคั่วพ่อของเสิ่นเหลียว ไม่ทราบว่าคุณหลงได้เบาะแสอะไรมาครับ…หรือว่า…”
หึ!
ที่แท้ก็เป็นผู้หญิงของเสิ่นคั่ว
พอเป็นแบบนี้ ชักจะสนุกขึ้นมาแล้วสิ
หลงเซียวแค่นหัวเราะเบาๆ “ได้ข่าวว่าช่วงนี้นายกำลังแย่งสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกสาว? ขึ้นศาลหรือยัง?”
หวังเค่ยรีบตอบด้วยความรู้สึกขอบคุณยินดี “ยังครับ กำลังรอข่าวคราวอยู่ คาดว่าน่าจะวันสองวันนี้ครับ”
หลงเซียวแสยะยิ้มอย่างผู้กุมชัยชนะ “ไม่ต้องรีบ เรื่องสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก ฉันจะช่วยนายจัดการ”
“จริงหรอครับ? หมอฉู่ช่วยผมหาอาจารย์ผู้ชำนาญการมาร่วมทีมแล้วเหมือนกัน แต่เพื่อสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกในช่วงเริ่มแรกเป็นของภรรยาเก่าผม ก็เลยคิดว่าน่าจะไม่ง่าย”
หลงเซียวปรายตามองนาฬิกาข้อมูลเล็กน้อย ได้เวลาประชุมแล้ว “คุณหวังไม่เชื่อใจผมหรอ? ถ้าผมบอกว่าจะช่วย คุณก็ต้องชนะอย่างแน่นอน”