คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 405 ทำไมเขาจะไม่ชอบล่ะ
ตอนที่ 405 ทำไมเขาจะไม่ชอบล่ะ
เมื่อได้ยินหลงเซียวพูดว่าจะช่วยให้เขาชนะการฟ้องร้อง ในใจของหวังเค่ยก็รู้สึกตื้นตันใจจนอยากจะขอบคุณเป็นร้อยๆครั้ง “คุณหลงช่วยผมจริงงั้นก็ดีสิครับ ผมไม่รู้จะขอบคุณคุณหลงกับภรรยาคุณยังไงดี”
หลงเซียวเตรียมจะเข้าประชุม จึงไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเยอะ เพียงแค่เพิ่มความเชื่อมั่น “คุณหวังช่วยภรรยาผมก็เหมือนช่วยผม และคนที่ภรรยาของผมต้องการช่วยเหลือ ผมย่อมต้องยื่นมือเข้ามาช่วยอยู่แล้ว”
พูดจบ หลงเซียวก็วางสาย
หลงเซียวสาวเท้ายาวเดินเข้าห้องประชุม ทุกคนในห้องนั่งหลังตรง บรรยากาศจริงจังซีเรียส
ทันทีที่หลงเซียวเดินเข้ามาในห้อง ทุกคนต่างก็ยืนขึ้นทุกสายตาจับจ้องไปที่ชายหนุ่ม ทุกคนในที่ประชุมเกือบยี่สิบกว่าคนพากันตื่นตัวและเคร่งเครียดขึ้นมาทันใด การมาบริษัทสาขาลูกที่เจียงเฉิงของคุณชายทายาท เป็นที่รู้กันดำสำหรับคนภายในว่าเขามาเพื่อโครงการ แต่คนนอกอาจจะคิดว่าฝ่ายบริหารสูงสุดคงมาเพื่อเยี่ยมชมความเป็นไปของบริษัทและพนักงาน
แต่ไม่ว่าการมาของเขาจะมีเป้าหมายอะไร ก็ล้วนทำให้ทุกคนใจเต้นตุบตับได้ไม่น้อย
ทันทีที่มังกรยักษ์อย่างหลงเซียวเดินเข้าประตูมา สายตาเฉียบคมดุดันก็กวาดมองไปทั่ว ทุกคนในห้องต่างพากันทำความเคารพด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าหือแม้แต่คนเดียว
“นั่งลงเถอะ”
เมื่อเสียงนั้นสิ้นสุด ทุกคนในห้องจึงนั่งลงเริ่มการประชุม
หลงเซียวพยักหน้าให้หวังเจี้ยนนิดๆเป็นการส่งสัญญาณ อีกฝ่ายหยิบเอกสารปึกใหญ่ออกมาแล้วแจกให้กับทุกคนในห้อง เมื่อทุกคนได้รับเอกสารครบ หลงเซียวจึงยกข้อศอกสองข้างขึ้นเท้ากับโต๊ะ สายตากวาดมองไล่ทีละคน แล้วเอ่ยปาก
“เอกสารที่อยู่ในมือพวกคุณตอนนี้ คืองบประมาณครึ่งปีของบริษัท ผมให้เวลาพวกคุณสิบนาทีในการดูให้ละเอียด โดยเฉพาะส่วนของบัญชีกับแผนกจัดซื้อ พิจารณาดูให้ดีๆว่าจะแสดงความเห็นออกมายังไง”
การประชุมเริ่มต้นด้วยความตึงเครียด จนอากาศภายในห้องเหมือนจะไม่พอให้หายใจ ราวกับอีกไม่นานห้องนี้กำลังจะกลายเป็นแม่น้ำน้ำแข็งโดยมีหลงเซียวเป็นสูญกลาง
หวังเจี้ยนลอบปาดเหงื่อ แอบโล่งอกในใจ โชคดีที่เขารับผิดชอบส่วนการก่อสร้าง…
หลังผ่านไปสองชั่วโมง…
การประชุมสิ้นสุดลง หลงเซียวเดินออกจากห้องประชุมเป็นคนแรก
ทิ้งให้คนที่เหลือทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง
“ซีอีโอใช้เวลาแค่สองคืนก็พบปัญหามากมายขนาดนี้ ขืนอยู่ต่อสักครึ่งเดือน…พวกเรายังจะมีชีวิตรอดกันอยู่หรอ?”
“เป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่าซีอีโอทำงานเนี๊ยบขนาดไหน ฝีมือไม่ใช่แค่เทพธรรมดา ครั้งนี้ได้มาเห็นกับตาตัวเองสักที ข่าวลือที่ได้ยินมาไม่ใช่แค่ข่าวลือ เมื่อกี้ตกใจแทบแย่”
เสียงในห้องยังพูดคุยกันไม่หยุด ส่วนหลงเซียวก้าวขายาวๆลงมาถึงโถงรับแขกชั้นหนึ่งแล้ว พื้นหินอ่อนสะท้อนเงาสง่างามของชายหนุ่ม ดวงตาดำสนิทเยือกเย็นเหลือบไปมองด้านหลัง ก็เห็นเข้ากับหวังเจี้ยนที่กำลังทำท่าทางเก้ๆกังๆอยู่พอดี
“ใบอนุญาตประกอบกิจการน่าจะออกมาในสองวันนี้ ส่วนการก่อสร้าง คุณเป็นคนจัดการไปก็แล้วกัน”
หวังเจี้ยนอึ้งจนสีหน้าเปลี่ยน ปากของเขาสั่นนิดๆ “ใบอนุญาต? ซี ซีอีโอ แต่ว่า…ใบอนุญาตนี่ได้มายากมากเลยไม่ใช่หรอครับ? ทำไมถึงได้เร็วขนาดนี้?”
ดวงตาดุดันมองไปทั่วใบหน้าของชายหนุ่ม ก่อนจะหยุดสบตา “เร็ว? ผู้จัดการหวังคิดว่าเร็วหรอ?”
หวังเจี้ยนรีบส่ายหน้ารัวๆ เริ่มรู้สึกกลืนน้ำลายลำบาก “ไม่ครับ…ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผม…ผมหมายถึง ซีอีโอสุดยอดไปเลยครับ แหะๆๆ ถ้าท่านประธานรู้จะต้องดีใจมากๆ”
หึ!
ดีใจ?
หลงเซียวสอดมือข้างนึงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วหันศีรษะออกไปด้านนอก สีท้องฟ้านอกหน้าต่างดำสนิท
“ก่อนที่ใบอนุญาตจะออกมา ห้ามบอกเรื่องนี้กับท่านประธาน ทำงานของคุณให้เรียบร้อยก็พอ”
“ครับ ครับ ซีอีโอวางใจได้ ผมจะเรียกประชุมแผนกก่อนสร้างเดี๋ยวนี้”
หวังเจี้ยนเดินจากไป หลงเซียวยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา สิบเอ็ดโมง ยังมีอีกเรื่อง สงสัยคงต้องเริ่มลงมือซะแล้ว
ชายหนุ่มกลับมาที่รถ เขากดหมายเลขโทรหาใครบางคน ไม่นานปลายสายก็มีคนรับ เสียงนอบน้อมดังขึ้น “ลูกพี่มีอะไรจะสั่งครับ?”
นิ้วเรียวเคาะบนพวงมาลัย น้ำเสียงเย็นนิ่งสงบเฉกเช่นผู้ถือหมากเหนือกว่า “สะกดรอยตามใครคนนึงให้หน่อย ฉันต้องการหลักฐาน”
“ครับ! ใครครับ? ลูกพี่ว่ามาได้เลย”
ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มร้าย ดวงตาคมกริบฉายประกายสังหาร “ผู้หญิงของเสิ่นคั่ว ชื่อจ้าวฟางฟาง ฉันต้องการหลักฐานที่ว่าหล่อนนอกใจสามี ยิ่งละเอียดยิ่งดี แต่ดีที่สุดคือเอามาเป็นคลิป”
“ครับ ผมจะลงมือเดี๋ยวนี้”
“อืม”
ชายหนุ่มเก็บโทรศัพท์ รอยยิ้มเผยความเย็นชามากขึ้น เสิ่นคั่วกับเสิ่นเหลียว… สมกับที่เป็นพ่อลูกกันจริงๆ คนนึงจะแต่งเมียก็ดันได้เมียอย่างฉู่ซีหราน ส่วนอีกคนก็แต่งกับเมียชาวบ้าน แถมยังเป็นผู้หญิงพรรค์เดียวกันอีก
ญาติพี่น้องตระกูลเสิ่น ทั้งสถานะและอิทธิพลที่มีต่อเมืองเจียงเฉิง ทำจนคนสรรเสริญไม่ขึ้นจริงๆ
หลงเซียวหยิบโทรศัพท์ออก เปิดดูสภาพอากาศ อากาศในเมืองเจียงเฉิงในหลายวันนี้มีฝนตกติดต่อกัน ในขณะที่เมืองหลวงท้องฟ้าแจ่มใส
ท้องฟ้าแจ่มใสอากาศดีๆ ทำไมเขาจะไม่ชอบล่ะ?
วันที่สิบหก…อีกสามวันก็ถึงวันที่สิบหก
——
หลงจื๋อนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องผู้บริหารอย่างปวดหัว มือข้างนึงนวดขมับ เขาถามขึ้นด้วยเสียงเหนื่อยหน่าย “ต่อไปต้องทำอะไรต่อ?”
แอนดี้เปิดตารางงานออกมาแล้วอ่านให้ฟังด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ตอนเที่ยงตรงมีนัดกินข้าวกับผู้จัดการใหญ่บริษัทติ่งเชิ่ง บ่ายสองมีประชุมกับคุณเฉินจากบริษัทซีเฟิง บ่ายสามมีสรุปรายให้ให้ท่านประธานฟังที่ห้องทำงาน ห้าโมงเย็นนัดประชุมกับฝ่ายการตลาด คาดว่าหกโมงเป็นอันเสร็จภารกิจในวันนี้ครับ”
“แต่ถ้ารวมที่เมื่อเช้ามีตอบรับคำเชิญงานเลี้ยง วันนี้ทุ่มครึ่งคุณต้องรีบไปร่วมงานที่โรงแรมเชิ่งชื่อหาวถิง โดยคุณจะเข้าร่วมในฐานะตัวแทนของบริษัทMBK เสื้อผ้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
“ฟัค!!”
หลังฟังตารางงานที่แอนดี้รายจนจบ เขาก็อดสบถคำหยาบออกมาไม่ได้ สบถเสร็จก็รู้สึกได้ว่าที่พูดไปนั้นไม่เหมาะสมนัก จึงกระแอมแก้เขิน “แอนดี้ คุณเป็นเลขาชั้นสูงของพี่ชายผม ไหนคุณพูดซิ เมื่อก่อนพี่งานยุ่งขนาดนี้เลย? ผมเข้าบริษัทตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ ปากผมจะเปื่อยหมดแล้ว”
แอนดี้กลั้นหัวเราะ เขาก้มศีรษะนิดๆแล้วตอบกลับ “ปกติแล้วงานของซีอีโอเยอะกว่านี้อีกครับ เพียงแต่ซีอีโอจัดการงานของตัวเองได้ค่อนข้าง…เร็ว อีกอย่าง เวลาประชุมซีอีโอไม่ค่อยได้พูดอะไรเท่าไหร่”
หลงจื๋อแทบจะพ่นน้ำที่ตัวเองเพิ่งเอาเข้าปากไปเมื่อกี้ “ไม่ค่อยพูด? อย่างเหตุการณ์ในวันนี้ ถ้าพี่ไม่พูดงั้นจะจัดการยังไง?”
เขารู้สึกตันในคอ แต่สุดท้ายก็ตะเบ็งคำพูดออกมาจนได้
แอนดี้ว่า “อืม…ตามปกติแล้ว หลังจากที่ซีอีโอพูดความเห็นของตัวเองเสร็จ จะไม่แย้งแม้แต่คนเดียว แต่จะให้ความร่วมมือทันทีครับ”
“เข้! เมื่อกี้ผมพูดออกไปแค่ประโยคเดียว พวกนั้นก็สับผมจนเละ โมโหชะมัด! ตารางงานช่วงบ่ายเลื่อนออกไปอันนึงได้ไหม?”
แอนดี้ยื่นตารางงานให้เขาดู “คุณอยากเอาอันไหนออกครับ?”
หลงจื๋อเพ่ง ท่าทางเหมือนจะเลื่อนไม่ได้เลยสักอัน
เขาปัดตารางงานลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด “คือว่า…ถ้าเป็นพี่ พี่จะทำยังไง? คุณว่าเขาจะเลื่อนอันไหนออก?”
หลงจื๋อขมวดคิ้วด้วยความอึดอัดใจ นับตั้งแต่ที่ตัวเองโดนจับพลัดจับผลูให้มาเป็นซีอีโอ เขาก็ไม่ได้เจอยัยบ้านนอกตั้งหลายวัน ไม่รู้ว่าหลินซีเหวินยัยขี้เหร่นั่นหนีไปกับผู้ชายคนอื่นแล้วหรือเปล่า
“เรื่องนี้ ถ้าเป็นซีอีโอ หากเขาไม่อยากเจอใครก็จะเลื่อนงานนั้น อืม…หรือไม่ก็เลื่อนออกทั้งหมดครับ”
เลื่อนทั้งหมด?
“ผม…ขอเลื่อนงานเลี้ยงเย็นนี้ออกได้หรือเปล่า?”
แอนดี้พูด “เกรงว่าจะไม่ได้ครับ อย่างน้อยที่สุดคุณต้องไปเปิดงาน แต่นี่เป็นงานเลี้ยงที่ตระกูลหลินจัดขึ้นในเมืองหลวง อีกทั้งระดับตระกูลหลินไม่ใช่ว่าจะเชิญใครมาร่วมงานก็ได้”
“ตระกูลหลิน? ตระกูลหลินไหน? ทำไมผมไม่รู้มาก่อนว่าที่เมืองหลวงมีตระกูลหลินอะไรนี่?”
แอนดี้อธิบาย “ตระกูลหลินทำธุรกิจเกี่ยวกับอัญมณีมานาน อีกทั้งยังมีของสะสมหายากทั่วโลก แต่เพราะธุรกิจไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับสถาบันการเงินมากนัก แถมคุณหลินเองก็เป็นคนขี้อาย ไม่ชอบโอ้อวด งานเลี้ยงครั้งนี้จึงจัดขึ้นในธีมการกุศลและระดมทุน โดยมีคุณนายหลินเป็นเจ้าภาพครับ”
”อ้อ…เพราะฉะนั้น เลื่อนไม่ได้?”
“ครับ คุณต้องไปครับ”
โอ้วชิท! เป็นซีอีโอมันเหนื่อยอะไรขนาดนี้วะ
หลงจื๋อกระดกน้ำเปล่าลงท้อง แล้วฉีกยิ้มแหะๆ “แหะๆ…คุณออกไปก่อนเถอะ ผมขอสงบสติสักครู่”
“ครับ คุณชายรอง”
หลงจื๋อทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง ตำแหน่งซีอีโอนี่มัน…เขาไม่อยากนั่งบนตำแหน่งนี้อีกแม้แต่นาทีเดียว พี่อะ รีบกลับมาเถอะ รีบกลับมาเร็วๆ!
ตอนนี้เองประตูห้องทำงานก็มีเสียงเคาะขึ้นสองครั้งอย่างรู้งาน จากการคาดคะเนของเขา เดาว่าคนๆนี้ต้องเป็นจี้ตงหมิงผู้ช่วยของพี่แน่ๆ
จี้ตงหมิง…ผู้ช่วยของพี่นี่มันเทพชัดๆ
หลงจื๋อรีบนั่งหลังตรง แล้วคว้าเอกสารขึ้นมาเปิดทำท่าอ่าน “เข้ามา”
จี้ตงหมิงเดินเข้ามาในห้อง เขาโค้งศีรษะให้ “คุณชายรอง ถึงเวลานัดทานข้าวกับผู้จัดการใหญ่บริษัทติ่งเชิ่งแล้วครับ”
หลงจื๋อ “…”
แม่งเอ้ย!! ไปตายดีกว่ากรู
——
ลั่วหานหอบแฟ้มประวัติรักษาของคนไข้เดินกลับห้องทำงาน เธอดูนาฬิกานิดหน่อย แล้วกดเบอร์โทรหาส้งชิงเซวี๋ยน
ส้งชิงเซวี๋ยนหัวเราะคิกคัก “เสี่ยวลั่วลั่ว ฉันเพิ่งถึงอเมริกาได้ไม่ทันไร เธอก็คิดถึงฉันแล้วหรอ?”
พอรู้ว่าเขาถึงอเมริกาแล้ว ลั่วหานก็โล่งใจทันที “ฉันแค่จะโทรมาถาม ศาสตราจารย์ส้งนั่งเครื่องนานขนาดนั้นกระดูกกระเดิกเคลื่อนออกจากที่ไปหรือยัง”
“จะเคลื่อนได้ไง? กระดูกฉันแข็งแรงจะตาย เอาล่ะ ฉันยังเจ็ทแลคอยู่ ไปนอนก่อนล่ะ!”
แล้วโทรศัพท์ก็ถูกวางสายไปทั้งอย่างนั้น
ลั่วหานส่ายหัว มนุษย์ลุงคนนี้…เพิ่งจะไปถึงก็ทำเป็นเก่งซะขนาดนี้
ด้านส้งชิงเซวี๋ยนที่อยู่อเมริกา หลังจากวางสายโทรศัพท์ ก็ตึงเครียดขึ้นมาทันใด
ถ้าเอาของพวกนี้ให้ตำรวจ จะเกิดอะไรขึ้น?
เขาซ่อนตัวมายี่สิบกว่าปี จนวันนี้…เขาได้เดินมาจนถึงทางตันแล้วหรือเปล่า บางทีเขาอาจจะจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีใหม่?
ชายสูงวัยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วปิดกระดาษคราฟท์จนสนิท จากแปะที่อยู่ที่ปริ้นออกมาจากคอมพิวเตอร์ร์ก่อนจะหย่อนพัสดุลงในตู้ไปรษณีย์ข้างทาง สุดท้ายจึงถอดถุงมือออก
หวังว่าเขาจะตัดสินใจถูก หวังว่าหลังจากจบเรื่องนี้ เหตุการณ์นองเลือดเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนจะถูกเปิดเผยต่อโลกใบนี้อีกครั้ง
ลั่วหานวางโทรศัพท์ลง สายตาเหลือบไปเห็นปฏิทิน วินาทีนี้ความกดดันของเธอสูงยิ่งกว่าภูเขา
ถ่ายรายการโทรทัศน์งั้นหรอ…
“หมอฉู่ ฉันมาแล้วค่ะ!”
หลินซีเหวินโผล่หน้ามาด้วยท่าทางลับๆล่อๆ หญิงสาวถือแฟ้มประวัติของคนไข้อยู่ในมือด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง
ลั่วหานลากเก้าอี้มานั่ง “มีอะไรงั้นหรอ? อารมณ์ดีซะขนาดนี้”
“ฮี่ๆ ฉันตั้งใจมาขอบคุณคุณค่ะ! เพราะหมอฉู่ช่วยแก้ธีสิสให้ ฉันก็เลยสอบผ่านฉลุย! ดังนั้นฉันอยากจะเลี้ยงข้างคุณค่ะ! เลี้ยงมื้อใหญ่เลย! เดี๋ยวเลิกงานแล้วไปกับฉันนะ ฉันจะพาไปกินอาหารที่อร่อยที่สุดในเมืองหลวง! รับรองว่าคุณต้องชอบ!”
ลั่วหานลืมเรื่องธีสิสไปซะสนิท “ไม่ต้องถึงกับเลี้ยงข้าวหรอกมั้ง? ฉันก็แค่ช่วยนิดหน่อยเท่านั้น”
“ไม่ได้ๆค่ะ ต้องไปกินนะคะ จริงสิ เดี๋ยวตอนเย็นเราไปแต่งตัวกันสักหน่อยเถอะค่ะ” ยิ่งพูดก็ยิ่งมีลับลมคมใน ลั่วหานชักไม่อยากไปกับเธอมากขึ้นทุกที
“แค่กินข้าว ต้องแต่งตัวด้วยหรอ?”
“อันนี้มัน…เดี๋ยวตอนเย็นก็รู้เองค่ะ สรุปก็คือ คุณไม่ผิดหวังแน่ ฉันรับรอง”
ลั่วหานเสยผมที่ปรกอยู่บริเวณหน้าผากขึ้นอย่างมีชั้นเชิง หญิงเริ่มมีท่าทีอิดออด “บอกมาก่อน ถ้าไม่บอกฉันก็ไม่ไป”
หลินซีเหวินกุมขมับ “ไอดอล คุณไม่อยากได้เซอร์ไพรส์หรอ?”
ลั่วหานไม่รู้สึกตื่นเต้นกับเซอร์ไพรส์ของหลินซีเหวินเลยสักนิด ตรงกันข้าม กลัวอีกฝ่ายจะทำอะไรพิเรนท์ๆให้เธอตกใจเล่นซะมากกว่า
“จะพูดหรือไม่พูด?”
หลินซีเหวินยิ้มกว้าง สาวน้อยจับแขนเล็กของลั่วหานแกว่งไปมาอย่างน่าเอ็นดู “คือว่า…แม่ของฉันจัดงานเลี้ยง แล้วฉันก็…ต้องไป ไอดอล คุณเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ ขอร้องล่ะ ให้คุกเข่าเลยก็ได้! ขอแค่ให้คุณยอมไป ฉันรับรองว่าหนึ่งเดือนต่อจากนี้ฉันจะอยู่เวรทุกวันเลย งานหนักแค่ไหนก็จะไม่บ่นไม่พัก!”