คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 386 แย่งชิงลูกสาว เกิดการทะเลาะวิวาท
ตอนที่ 386 แย่งชิงลูกสาว เกิดการทะเลาะวิวาท
ลั่วหานขับรถเร็วแบบติดปีกเพิ่อรีบให้ถึงโรงพยาบาลหวาเซี่ย คนยังเดินไปไม่ถึงประตูใหญ่ของโรงพยาบาล ก็ได้ยินพยาบาลเสียงบางคนกำลังพูดแลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่
“พระเจ้า ผู้หญิงคนนั้นบ้าจริงๆ ยังพูดบอกว่าตัวเอง เป็นผู้หญิงของใครนะ? คนนั้นไม่ใช่ว่าล้มแล้วหรอ? หน้าด้านจริงๆ ไร้ยางอายจริงๆ!”
นางพยาบาลอีกคนคล้อยตามแล้วกล่าว “ถูกต้อง ฉันก็ยังไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไร้ยางอายขนาดนี้ ชั่งงามหน้าผู้หญิงของเราจริงๆ ตัวเองทิ้งลูกสาวกับสามีแล้วไปแต่งงานกับผู้ชายที่ทั้งแก่ทั้งอัปลักษณ์อีก ตอนนี้ดันกลับมาหาลูกสาว ไร้มโนธรรมจริงๆ”
“แต่ฉันได้อยากมาประมาณว่า สามีของเขากับหมอฉู่ของโรงพยาบาลพวกเรา เป็นเพื่อนกัน ฉันคิดว่าน่าจะหาประโยชน์อะไรจากผู้หญิง คนนี้ไม่ได้”
“ก็ใช่ไง ฉันได้ยินมาว่าตอนที่พวกเราหย่ากัน ลูกสาวตัดสินให้อยู่กับเธอ แต่ เพราะหลังจากนั้นลูกสาวป่วย เธอเลยเอาลูกสาวคืนให้กับสามี ตอนนี้ได้ยินมาว่าลูกสาวหายป่วยแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะเอาเด็กกลับไป เหตุผลแบบนี้ก็ได้ด้วยหรอ?”
ลั่วหานได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ ก็รู้ได้ว่าผู้ที่พวกเธอพูดถึงอยู่นั้นก็คือภรรยาเก่าของหวังเค่ย คิดอย่างละเอียด ตอนที่ได้ยินหวังเค่ยแจ้ง เมื่อแรกเริ่มสิทธิ์การเลี้ยงดูลูกสาวเป็นของภรรยาเก่าเขาจริงๆ
ลั่วหานไม่ฟังคำนินทาของนางพยาบาลแล้วรีบเดินอย่างเร็วไปที่บันได ก้าวเร็วเหมือนบิน กดลิฟท์ เมื่อประตูลิฟท์ถูกเปิดออก ผู้คนวุ่นวายเดินอย่างรวดเร็วอยู่ข้างหน้า ลั่วหานไม่ทันได้ไปห้องทำงาน วิ่งตรงไปที่แผนกผู้ป่วยในเลย
เดินทางถึงประตูหน้าห้องVIP ก็ได้เห็นพยาบาลและหมอกำลังพิพาทกับภรรยาเก่าของหวังเค่ย มีเสียงเด็กผู้หญิงกำลังร้องไห้ในกลุ่มนั้น ลั่วหานนวดหัวคิ้วอย่างเคร่งเครียด แล้วมองไปที่ข้างใน ในแวบนั้น เธอมองเห็นมีผู้หญิงที่ดูเย่อหยิ่งอยู่ในกลุ่มนั้น
ผู้หญิงที่แต่งตัวเซ็กซี่อยู่ด้านหน้า สวมเดรสชุดสีแดงกุหลาบ กระโปรงยาวทรงเอ กระโปรงผ่าสูง ในมือกำลังถือกระเป๋ารุ่นใหม่ล่าสุดของเฮอเมส บนคอได้ใส่สร้อยจิวเวลรี่ที่แวววาวระยิบระยับ ผมยาวเรียบตรงสลวย
เสิ่นเหลียวถึงแม้จะโดนจับ แต่พ่อของเสิ่นเหลียวก็ไม่ได้ถูกเชื่อมโยงกับเรื่องแต่อย่างใด
พ่อของเสิ่นเหลียวมีหน้ามีตาในสังคมเมืองเจียงเฉิง มีชื่อเสียงที่ถือว่าโด่งดัง ผู้หญิงคนนี้ยืมชื่อเสียงของเขา วางอำนาจไปทั่ว เกรงว่าเขาจะปิดหูปิดตาทำไม่รู้ไม่เห็น
“คุณไม่มีสิทธิ์พาเถียนเถียนไป!”
เสียงอันเยือกเย็นได้หยุดการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างไว้ ลั่วหานแหวกคนในกลุ่มออกอย่างเยือกเย็นแล้วเดินตรงไปที่ด้านหน้าของผู้หญิงคนนั้น สูงกว่าเธอไม่กี่เซนติเมตรแสดงออกถึงออร่าอย่างชัดเจน
ผู้หญิงกระพริบตา “เธอก็คือฉู่ลั่วหาน? เป็นผู้หญิงที่หลงเซียวบูชาไว้บนหิ้ง? เหอะ ทำไม อยากจะใช้สถานะของเธอมาบังคับฉัน? ฉันบอกเธอให้รู้ไว้นะ สามีฉันกับพ่อของหลงเซียวได้ตกลงกันภายในกันดีแล้ว ถ้าจะให้ดีเธออย่ามายั่วโมโหฉัน”
คำว่าดีมากสองคำนี้ ถูกเธอเน้นโดยเจตนา ในน้ำเสียงที่หยิ่งยโสโอหัง
“คุณผิดแล้ว ฉันไม่เพียงแค่เป็นภรรยาของหลงเซียว และยังเป็นหมอของที่นี่ ออกไปเดี๋ยวนี้!”
“เหอะ คุณฉู่ ฉันขอให้คุณอยู่ให้เป็นหน่อย หลงเซียวเขาจะเก่งกาจมาจากไหน สุดท้ายแล้วก็ต้องฟังคำพูดของพ่อเขาอยู่ดี เธอคิดว่าเพราะเธอผู้หญิงคนนี้แล้วเขาจะเป็นปฏิปักษ์กับพ่อของตัวเองหรอ? อย่ามาทำเก๊กต่อหน้าฉัน!”
ริมฝีปากของลั่วหานขยับ หัวเราะอย่างเย็นชา “คุณผู้หญิง ความสัมพันธ์ของสามีและพ่อตาฉันไม่ต้องให้คุณแสดงความคิดเห็น แต่ฉันสามารถพูดได้อย่างชัดเจนว่า ลูกชายของท่านปู่เลิ่น ยังอยู่ในคุกลิ้มลองอาหารกล่องสามมื้อ วันแบบนี้ ก็อยู่ห่างคุณไม่มากนักหรอก”
“เหอะเหอะ ฉู่ลั่วหาน เธอให้ความสำคัญตัวเองเกินไปแล้ว ดูๆแล้วมีหลายๆเรื่องที่แกยังไม่เข้าใจ ฉันล่ะรู้สึกเศร้าแทนแกจริงๆ!”
ตรงนี้กำลังทะเลาะกัน หลินซีเหวินได้รับโทรศัพท์จากหวังเค่ย หวังเค่ยเพิ่งจะเสร็จจากการค้นหาบัญชีต่างประเทศของโม่ล่างคุน เมื่อเปิดเครื่องเห็นสายที่ไม่ได้รับมากมาย แล้วรีบโทรกลับมาอย่างเร่งด่วน หลังจากที่ถามเหตุการณ์ที่นี่แล้ว หวังเค่ยไม่ได้หยุดแม้สักวินาทีเดียว ขับรถมาที่โรงพยาบาลหวาเซี่ยโดยเร็ว
“หมอหลิน ไม่ว่าจะยังไงห้ามให้เด็กไปกับผู้หญิงแบบนี้เด็ดขาด”
“คุณสบายใจได้ เด็กอยู่ที่นี่ยังไงก็ไม่มีทางไปกับใครได้ทั้งนั้น หมอฉู่มาแล้วกำลังแก้ไขปัญหาอยู่”
ส้งชิงเซวี๋ยนก็กลับมาถึงโรงพยาบาลแล้ว ได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งกันที่นี่ นิ้วของเขาจิ้มไปที่หัวคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น? พวกเธอเสียงดังกันบริเวณห้องพักฟื้นของเถียนเถียนทำไมกัน?”
พูดถึงคุณคำสุดท้ายนี้ ส้งชิงเซวี๋ยนชี้ตรงๆไปที่หน้าผากของผู้หญิง เขามองออกว่าระหว่างกลางคิ้วผู้หญิงคนนี้กับเถียนเถียนมีลักษณะคล้ายกัน นึกขึ้นได้ว่าน่าจะเป็นภรรยาเก่าของหวังเค่ยที่มารับลูกสาว
หึหึอย่างไม่พอใจ “คุณผู้หญิงคนนี้ทะเลาะอยู่หน้าห้องคนไข้ เป็นต้นแบบที่ไม่ดีให้กับเด็ก ทำให้เถียนเถียนของฉันเรียนแบบผิดๆ คุณรับผิดชอบไหวไหม?”
ในเวลานี้ส้งชิงเซวี๋ยนและลั่วหานในเวลาเดียวกันเหลือบไปเห็นผู้ชายหลายคนที่ยืนอยู่หลังผู้หญิง สูทสีดำร่างกายสูงใหญ่ มองดูแวบแรกคือการ์ดของเธอ มิน่าล่ะหมอและพยาบาลทำได้แค่ยืนตรงนี้ด่าเธอ กลับไม่กล้าให้เกิดความขัดแย้งง่ายๆ ที่แท้ก็เอาคนติดตามมาด้วย
ลั่วหานกับส้งชิงเซวี๋ยนใช้เวลาที่เงียบๆอยู่นั้นร่วมมือกันอีกครั้ง ไม่นาน ลั่วหานจะยิ้มก็ไม่ยิ้มแล้วกล่าว “คุณหญิง เถียนเถียนกำลังร้องไห้อยู่ข้างใน ถ้าหากคุณเป็นแม่ของเด็กจริงๆ ควรจะมีวิธีให้เด็กหยุดร้องนะ แม้กระทั่งความสามารถนี้ยังไม่มีล่ะก็ งั้นฉันก็คงพูดได้แค่ว่าไอ้พวกขโมยเด็กไสหัวไป”
ลั่วหานพูดแบบนี้ พยาบาลและหมอรอบๆข้างต่างเห็นพ้องต้องกัน “ถูกต้อง หากคุณคือแม่ของเด็ก ก็ต้องมีวิธีทำให้เด็กหยุดร้องสิ ถ้าแม้กระทั่งความสามารถนี้ยังไม่มีล่ะก็ กรุณาไสหัวออกไปจากตรงนี้ อย่ารบกวนพวกเราดูแลคนไข้!”
ผู้หญิงหัวเราะหึหึ หันหลังเดินเข้าไปในห้องพักฟื้น เธอนั่งอยู่หน้าเตียงผู้ป่วย ลูบหัวเถียนเถียนอย่างเบาๆ พูดอย่างนิ่มนวลว่า “ลูกรัก แม่มารับเธอแล้ว พวกเรากลับบ้านดีไหม? เชื่อฟังแม่นะ ไม่ร้องแล้ว แม่จะพาเธอไปกินอาหารอร่อยๆ ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เธอ แม่ยังพาเธอไปสวนสนุก ไม่ใช่ว่าเธอพูดมาตลอดหรอว่าอยากไปดิสนีย์แลนด์? วันนี้แม่พาเธอไปดีไหม?”
ความจริงก็เป็นเงื่อนไขที่ดึงดูดมาก แต่เถียนเถียนตรงหน้าไม่ได้รู้สึกใดๆเลย เธอเพ่งสายตาอันผวาหวาดกลัว มองไปที่ผู้หญิงแต่งหน้าจัดเซ็กซี่นั้น ราวกับว่าที่เห็นอยู่นั้นไม่ใช่แม่ของตนเอง แต่กลับเป็นปีศาจตัวหนึ่ง
เสียงที่นิ่มนวลของเธอ พร้อมเสียงสะอื้น จากนั้นค่อยๆหันหัวช้าๆไปเห็นหมอฉู่ที่อยู่ในกลุ่มคน มือน้อยนิ่มๆค่อยๆอ้าออก พร้อมเสียงร้องตะโกนว่า “น้าลั่วลั่ว ฉันไม่อยากไปกับเธอ ฉันอยากอยู่ที่นี่ ฉันอยากรอพ่อ”
ได้ยินเสียงของเถียนเถียน ลั่วลั่วเกินเข้าไปในห้องพักฟื้นอย่างเร็ว โอบกอดเถียนเถียนไว้ในอ้อมกอด เถียนเถียนเหมือนเด็กที่จมน้ำสุดท้ายก็หาไม้ลอยน้ำเจอ กอดลั่วหานไว้และไม่ผ่อนแรงอีกเลย
“เถียนเถียนไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว น้าลั่วลั่วอยู่ตรงนี้แล้ว พวกเราไม่ไปไหนทั้งนั้น รอพ่อกลับมาดีไหม?”
สุดท้ายเถียนเถียนก็หยุดร้อง สมองเล็กๆซบกับอกของลั่วหานแล้วพยักหน้า “อืม พวกเรารอพ่อกลับมา”
ในขณะนี้ นอกประตูมีเสียงของหวังเค่ยดังเข้ามา เสียงอันเกรี้ยวกราดสยบทุกการกระทำ กล่าวอย่างโมโหว่า “
จ้าวฟางฟาง คุณมาทำอะไร คุณอย่าคิดจะมาแย่งลูกไปจากผม!”
จ้าวฟางฟางหันกลับไปดูอย่างแปลกใจ สายตาทั้งสี่จ้องมองกัน เธอเห็นผู้ชายที่สวมชุดสูทอยู่ตรงหน้า เฉกเช่นตอนแรกเต็มไปด้วยพลังที่วอลสตรีทเส้นนั้น ในตอนนั้นเป็นช่วงรุ่งโรจน์ที่สุดของกิจการเขา
คนที่เธอรักไม่ใช่คนนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่เป็นเพราะกลิ่นอายความสำเร็จในธุรกิจของเขา จากนั้นธุรกิจของเขาเริ่มดรอปลง เธอก็ไม่รู้สึกถูกตาต้องใจเขาอีกเลย
จ้าวฟางฟางตรงไปตรงมามาก เธอยอมรับว่าเธอรักคนรวย
แต่หวังเค่ยได้เห็นภรรยาเก่าของตนเองอีกครั้ง เหมือนมีอะไรทิ่มแทงเข้ามาในใจ ช่วงเพิ่งหย่าร้าง เขามีความปรารถนาและจินตนาการมากมายในการพบหน้ากันของทั้งคู่ แต่เขาก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่า ภาพในการพบกันอีกครั้งจะเป็นเช่นนี้
หวังเค่ยต่อปากต่อคำอย่างท้อใจ แม้แต่รอยยิ้มอันเยือกเย็นก็ไม่มอบให้เธอ “จ้าวฟางฟาง ออกไปซะ!”
เสียงที่เร่าร้อนและเย็นชา ไร้ซึ่งการแสดงออกใดๆ ถึงขั้นเห็นแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน นี่คือผู้หญิงที่เขาเคยรักหมดหัวใจ กลับหันหลัง กลับเปลี่ยนไปเป็นคนที่ทำลายเขาหนักที่สุด เขารับความแตกต่างมากขนาดนี้ไม่ไหว และยิ่งรับไม่ได้กับตัวตนที่แท้จริงของเธอ
เถียนเถียนที่อยู่ในอ้อมกอดของลั่วหานนั้นเห็นผู้เป็นพ่อมาถึง รีบยื่นมือน้อยๆไปหาเขา กำลังตะโกนด้วยเสียงแจ้วๆของเด็ก “พ่อ พ่อ สุดท้ายพ่อจะมาแล้ว หญิงเลวจะเอาฉันไป พ่อรีบไล่ผู้หญิงนั่นออกไป”
จ้าวฟางฟางได้ยินลูกสาวพูดถึงตนเองอย่างนี้ สีหน้าเริ่มถอดสี เธอลูบผมยาวของตนเอง ใช้สายตาอันเฉียบคมมองไปยังลูกสาว แล้วมองไปที่หวังเค่ย “หวังเค่ย คุณอย่าลืมนะ ในสัญญาหย่าร้างเขียนชัดเจนว่าสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกสาวเป็นของฉัน!”
ลั่วลั่วกุมมืออย่างสงบแล้วกล่าวว่า “คุณจ้าวในสัญญาหย่าร้างหรือที่เขียนว่าสิทธิ์ในการเลี้ยงดูเถียนเถียนเป็นของคุณ แต่คุณอย่าลืมนะ ว่าในโลกนี้ยังมีสิ่งอยู่สิ่งหนึ่งเรียกว่าการร้องเรียน ยังมีเครื่องมืออีกหนึ่งเรียนกว่ากฎหมาย จากสถานการณ์ปัจจุบัน คุณวุฒิของคุณไม่มีความพร้อมที่จะเลี้ยงดูเด็กคนนี้”
หวังเค่ยกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “จ้าวฟางฟาง ผมจะร้องเรียนไปที่ศาล เรียกร้องสิทธิ์ดูแลเถียนเถียน คุณรอเอกสารจากทนายได้เลย”
จ้าวฟางฟางหัวเราะเยาะเย้ยอย่างบ้าบิ่น “หวังเค่ย สถานะและสถานะทางสัมคมของคุณในตอนนี้ คุณคิดว่าสู้คดีกับฉันแล้วจะชนะ? ตลก!
ลั่วหานขมวดคิ้วอย่างดูถูก “ไม่หรอ? ฉันจะสนับสนุนข้อร้องเรียนของคุณหวังจนสิ้นสุดคดี ฟ้องถึงขึ้นคุณสิ้นเนื้อประดาตัว คุณจ้าว จะสู้ด้วยเงินหรือสู้ด้วยคอนเน็คชั่น ฉันพร้อมจะสู้!”
ส้งชิงเซวี๋ยนกับหลินซีเหวินสบตากัน ทั้งคู่หัวเราะอย่างยินดีปรีดา หลินซีเหวินโบกแล้วโบกอีกไล่อากาศที่อยู่ตรงหน้า “คุณจ้าว รีบไปเถอะ อย่าทำลายบรรยากาศตรงนี้ของพวกเราเลย
ลั่วหานชี้ไปที่ประตูทางออกฉุกเฉิน กล่าวอย่างสงบ “ไม่ส่งนะ!”
จ้าวฟางฟางแลดูตัวเองเสียเปรียบ ส่งเสียงหึอย่างสงบหนึ่งครั้ง กระทืบเท้าแรงๆลงบนพื้น เสียงดังชัดเจน
เธอหันมองไปดูเถียนเถียน สายตาอันแหลมคมไม่มีถึงความรักที่แม่มีต่อลูกเลยสักนิด “เถียนเถียน สักวันหนึ่งแม่ต้องเอาเธอไปให้ได้ เธอลืมช่วงเวลาที่อยู่กับแม่ไปแล้วหรอ? เธอลืมไปแล้วหรอว่าแม่มอบความรักให้เธออย่างไรบ้าง? ต่อไปเธออยู่กับแม่ แม่จะดูแลเธอเป็นอย่างดี”
หวังเค่ยกำลังปกป้องลูกแล้วส่งสายตาเกลียดชังไปที่ผู้หญิงนั้น “ปล่อยมือ!”
“ไอ้สวะ! ทำไมแกไม่ตายที่วอลสตรีท!”
ลั่วหานขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด “หวาเทียน ติดต่อไปที่แผนกความปลอดภัย เรียกผู้รักษาความปลอดภัยทั้งหมดของโรงพยาบาลหวาเซี่ยมาที! มีหมาบ้ามาจากไหนไม่รู้ อย่าให้มากัดเด็กได้!”
จ้าวฟางฟางกัดฟันแล้วกัดฟันอีก “ฮู่ลั่วหาน ฝากไว้ก่อน ฉันจะทำให้แกเสียใจที่วันนี้แกทำให้ฉันอับอาย”
“ไป! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”