คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 372 เรื่องสำคัญพูดในอ้อมกอดผม
ตอนที่ 372 เรื่องสำคัญพูดในอ้อมกอดผม
ลมพัดโชย ต้นไม้ในสวนโดนลมพัดไปมา หยวนชูเฟินนั่งคนเดียวบนเก้าอี้ยาว มองดูต้นไม้สูงตรงหน้า ใต้ต้นไม้ใหญ่มีต้นไม้เล็กอยู่มากมาย พยายามที่จะเติบโต แต่แสงแดดถูกต้นไม้ใหญ่บัง ไม่ได้รับแสงแดดที่พอเพียง
ต้นไม้แบบนี้ หรืออาจจะไม่ได้โตเลยก็ได้ ต้องอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ทั้งชีวิต ต้องอยู่และโตอย่างลำบาก
หยวนชูเฟินกำมือแน่นขึ้น กะพริบตามองต้นไม้ในสวน ผิวพรรณที่ดูแลได้อย่างดีมีความโหดขึ้นมาจากการครุ่นคิด
ฝั่งโน้นรู้สึกได้จึงพูดขึ้น “ลูกชายคุณ? เหอะๆ คุณหมายถึงหลงเซียว? เขาเป็นถึงประธานMBK ลูกชายหลงถิง ในอนาคตก็ต้องได้สืบทอดบริษัทMBK ยังมีคนคิดร้ายกับเขาได้? ถึงมี ก็ไม่ต้องให้คุณที่เป็นแม่มาให้ผมช่วยเหมือนตอนนี้ แต่คือเขาลงมือเอง”
หยวนชูเฟินยิ้มเย็นชา สายตาเย็นชากว่าเดิม การผ่านเรื่องราวมามากมายอยู่ในสายตา สิ่งที่ประสบการณ์ชีวิตให้เธอ ไม่มีใครทดแทนได้ “คนที่มือเปื้อนเลือดไม่ได้ที่แท้จริง คือเขา เรื่องพวกนี้ ฉันจัดการแทนเขาก็พอ ฉันหวังว่าลูกชายฉันจะสะอาดตลอด สักวันหนึ่ง เขาจะก้าวสู่ตำแหน่งที่เป็นของเขาอย่างอกผายไหล่ผึ่ง
หยวนชูเฟินพูดถึงตรงนี้ ก็ยิ้มออกมาด้วยรักของความเป็นแม่ รอยยิ้มของเธอมีความสุข เหน็ดเหนื่อย เอือมระอา จนสงบ จากนั้นเธอก็ยิ้มจางๆ “เงินฉันให้คุณแน่ คุณวางใจ”
วางสายแล้ว หยวนชูเฟินนั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้สักพัก หลายนาทีถึงลุกจากเก้าอี้ไป เดินออกจากสวนสาธารณะ —— หลินซีเหวินอุ้มเอกสารวิ่งเข้าออฟฟิศลั่วหาน เคาะประตูไปสองที ยื่นหน้าเข้าไปถาม “หมอฉู่ ขอเข้าไปได้ไหมคะ?”
ลั่วหานกำลังดูข่าวจากหน้าคอม ขมวดคิ้ว ขมวดแน่นขึ้น พูดโดยไม่เงยหน้า “เข้ามาได้”
หลินซีเหวินดึงเก้าอี้มานั่งหน้าโต๊ะทำงานเธอ ยื่นเอกสารไปหน้าลั่วหาน “นี่เป็นเอกสารสรุปงานประจำสัปดาห์ ไอดอลช่วยตรวจสอบหน่อยค่ะ”
ลั่วหานมือจับเมาส์ สายตามองที่หัวข้อข่าว เหล่ตามองใบหน้าอันรื่นเริงของหลินซีเหวิน “ดีใจขนาดนี้? มีข่าวดีอะไรจะแบ่งปันไหม?”
หลินซีเหวินมือวางใต้คาง มองตาลั่วหาน มองหน้าของหน้า ในใจรู้สึกอิจฉามากมาย “ไม่มีเรื่องดีอะไร นี่ก็วันหยุดสุดสัปดาห์แล้วไง ได้หยุดก็ดีใจซิ วันหยุดนี้หนูจะกลับโรงเรียน ทางอาจารย์มีโปรแกรมให้หนูกลับไปดูหน่อย อีกอย่าง……ที่จริงแล้วหนูโชคร้ายจะตาย วิทยานิพนธ์ของหนูโดนจับฉลากตรวจสอบ เห้อ”
ลั่วหานอ่านข่าวจบแล้ว ในใจพอรู้เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทโม่ซื่อกับซุนปิงเหวิน คิดว่าหลงเซียวน่าจะเตรียมตัวรับมือแล้ว
“อือ? ถูกจับไปตรวจสอบใหม่ยังดีใจขนาดนี้?” ลั่วหานหยอกเธอเล่น รู้สึกสนุกเมื่อเห็นหลินซีเหวินหน้าบูดหน้าเบี้ยว
หลินซีเหวินหน้าบูดได้ไม่นาน ก็หัวเราะร่าเริงพูดต่อ “ไอดอล ไม่เข้าใจความหมายของเหรอเหรอ? ตรวจสอบใหม่……เหอะๆ”
ลั่วหานเปิดดูเอกสาร ทำเครื่องหมายถูกไปเรื่อยๆ “ฉันเข้าใจความหมายเธอ เพราะฉะนั้น ตอนนี้เธอก็รอผลการตรวจสอบ ถ้าไม่ผ่าน ก็แก้ไขดีๆ ถ้าผ่านก็ยิ่งดีเลย เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าว”
หลินซีเหวินที่ตาใสเมื่อครู่หดหู่ไปอีก คิดไปสักพัก ค่อยเรียบเรียงคำพูดใหม่ “ไอดอล หนูไปสืบมาแล้ว อาจารย์ที่รับผิดชอบในการตรวจครั้งนี้ มีคนที่หมอรู้จัก และยังเป็นกรรมการหลักด้วย ฉะนั้น……ฉันคิดว่า ถ้าไอดอลช่วยหนูพูดสักหน่อย เดี๋ยวหนูเลี้ยงข้าวร้านที่อร่อยที่สุดในเมืองหลวงเลย ร้านอาหารหรงเหยียนเป็นไง?”
ลั่วหานเพิ่งเข้าใจ หลินซีเหวินพูดมาตั้งนาน ที่แท้จะให้เขาใช้เส้นสายนี่เอง
วางเอกสารในมือ ลั่วหานมองสายตาขอความช่วยเหลือของหลินซีเหวิน “ไม่ได้ วิทยานิพนธ์ปริญญาโทก็คือผลวิจัยในสิ่งที่เธอเรียนรู้มา สามารถรู้ถึงความรู้ความสามารถของเธอได้จากการตรวจสอบ เธอต้องคิดดีๆ ว่าจะแก้ไขยังไง เพิ่มเติมตรงไหน อยากใช้เส้นสาย ไม่ได้เด็ดขาด”
หลินซีเหวินร้องโอดโอย “ไอดอล หมออย่าใจแข็งแบบนี้ได้ไหม? กลุ่มที่ตรวจสอบล้วนเป็นเหมือนยมทูต ปีที่แล้วรุ่นพี่หนูที่โดนตรวจ ร้อยละเก้าสิบโดนตีกลับหมด ใช้เวลาแก้ไปเป็นเดือน ไอดอล เทพธิดา ช่วยหนูหน่อยนะ หนูไม่อยากสู้รบกับวิทยานิพนธ์แล้ว เขียนจนจะกระอักเลือด”
ลั่วหานส่ายหัว สายตาเอือมระอาเล็กน้อย สุดท้ายก็ยอมหลินซีเหวิน “ส่งวิทยานิพนธ์มาให้เมลฉัน เดี๋ยวฉันดูให้ว่าต้องแก้ตรงไหนไหม”
หลินซีเหวินลุกขึ้นทันที จับมือลั่วหานไว้เสมือนผู้ช่วยชีวิต “ไอดอล หมอนี่เป็นไอดอลของหนูจริงๆ รักหมอที่สุดเลย หนูรีบกลับไปส่งเมลให้หมอเดี๋ยวนี้เลย รบกวนหมอนะคะ”
ลั่วหานดึงมือออกไปเคาะหัวของหลินซีเหวิน เด็กคนนี้อ้อนขึ้นมา……พลังล้นเหลือ “เธอเป็นนักศึกษาดีเด่นของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์เมืองหลวง เธอยังกลัว คนอื่นจะทำยังไง”
หลินซีเหวินจับมือลั่วหานส่ายไปมา “ก็มันเป็นช่วงวิกฤตไม่ใช่เหรอ? ใจหนูก็กลัวๆ ใครให้หนูเป็นกลุ่มนักศึกษาขี้กลัวละ ไอดอล หนูขอแสดงความนับถือค่ะ”
ประจบสอพลอเสร็จ หลินซีเหวินก็ออกจากออฟฟิศลั่วหาน เดินออกไปอย่างร่าเริง ดีใจยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่อีก แน่นอน ถูกลอตเตอรี่สำหรับ หลินซีเหวินแล้ว สู้ไอดอลช่วยเธอตรวจวิทยานิพนธ์ด้วยตัวเองไม่ได้เลย
ส่วนลั่วหานยังมีผู้ป่วยที่ต้องไปตรวจ คุยกับหลินซีเหวินเสร็จก็หยิบเอกสารผู้ป่วยไปที่ศูนย์ผู้ป่วยโรคหัวใจ
เพิ่งเดินถึงหน้าลิฟต์ ถังจิ้นเหยียนกับหมอศัลยแพทย์หัวใจหลายคนก็เดินออกมาจากลิฟต์ ถังจิ้นเหยียนก้มหน้าคุยกับหมอคนอื่นอยู่ จึงไม่เห็นลั่วหาน
ลั่วหานมือหนึ่งถือแฟ้มเอกสาร อีกมือหนึ่งใส่ในกระเป๋าเสื้อคลุม เมื่อพวกถังจิ้นเหยียนเดินผ่านหน้าเธอ สายตาเธอก็สำรวจตัวถังจิ้นเหยียน ร่างสูงใหญ่ในเสื้อคลุมสีขาว ในตัวถังจิ้นเหยียนมีเสน่ห์ สง่า บุคลิกดูดี
ซึ่งเป็นบุคลิกที่พวกนักธุรกิจที่ห่อด้วยเงินทองไม่เหมือนกัน เขาดูสะอาดบริสุทธิ์ สะอาดจนทำให้คนอื่นไม่กล้าเชื่อมโยงเขากับเงินทอง
คิดในใจจนยิ้มออกมา ผู้ชายที่สูงส่งสง่าแบบนี้ คู่ควรที่จะมีความสุขตลอดชีวิต ไม่อย่างนั้นจะคุ้มค่ากับคุณสมบัติเขาได้อย่างไร?
ถังจิ้นเหยียนยุ่งกับงานในมือจนเสร็จ แพทย์ฝึกงานหลายคนชื่นชมกันคำสอนของเขา ผู้ชายห้าหกคนเสียงหัวเราะไม่ขาดสาย
รอจนเขายุ่งเสร็จแล้ว ถังจิ้นเหยียนก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงจากด้านหลัง เสียงเบาแต่เดินอย่างมั่นใจ เดินเร็วแต่ไม่วายความสง่า ยังไม่หันหลังเขาก็เดาออกว่าคือลั่วหาน
กั้นระหว่างแพทย์ฝึกงานหลายคน ถังจิ้นเหยียนหันกลับไปเดินไปหลายก้าว “ทำไมไม่เรียกผม?”
ลั่วหานเตี้ยกว่าเขา จึงต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา สายตาอันสดใสและฉลาดคู่นั้นดูแวววาว ยิ้มให้เขา “ดูคุณแสดงความมีเสน่ห์ต่อหน้าแพทย์ฝึกงาน ก็ดูเพลินดี ฉันจะทำลายความเพลิดเพลินนี้ได้ยังไง?”
ถังจิ้นเหยียนยิ้มอย่างสุภาพ เห็นฟันสวยของเขา “เริ่มล้อผมเล่นแล้ว”
“พูดความจริง ถ้าวันไหนเห็นคุณดูโทรม ฉันก็จะว่าให้คุณเหมือนกัน เตรียมใจไว้นะ”
“ได้ ไม่ว่าล้อเล่นหรือต่อว่า ผมยอมรับหมด”
พูดล้อเล่นไป ลั่วหานก็ชี้เบอร์ห้องผู้ป่วย “ผู้ป่วยคนอยู่ไหน?”
ถังจิ้นเหยียนชี้ไปที่ห้องเบอร์เดียวกัน “เพิ่งส่งเข้ามาเมื่อวาน ผลตรวจออกมา เกรงว่าจะกลายเป็นผู้ป่วยของคุณแล้ว”
ลั่วหานขมวดคิ้ว “ผู้ป่วยพิเศษอีกแล้ว? ช่วงนี้ทำไมมีผู้ป่วยโรคหัวใจพิเศษเยอะขนาดนี้?”
ถังจิ้นเหยียนถอนหายใจ “ตอนนี้ชีวิตคนในเมืองเครียด ไม่ค่อยมีวินัยในการใช้ชีวิต ไม่ดูแลเรื่องการกิน ผู้ป่วยคนนี้ก็หัวใจฟองโตแล้ว อายุแค่สามสิบห้า ไม่รู้จะอยู่ได้อีกกี่ปี”
“มันก็ใช่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ ให้ทุกคนรู้จักดูแลสุขภาพตัวเอง การนอน อาหาร ความเครียดต่างๆ ก็ทำการจัดการอย่างดี”
ถังจิ้นเหยียนพูดขึ้น “ผมมีเรื่องเสนอ ใช้นามของโรงพยาบาลหววาเซี่ย จัดงานสัมมนาหัวข้อเรื่องการป้องกันและรักษาโรคหัวใจ ให้คนทั่วไปได้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับด้านนี้ คุณคิดยังไง?”
ลั่วหานพยักหน้า “ได้แน่นอน”
“ได้ ผมรับผิดชอบรายงานกับคณบดี ถ้าอนุมัติแล้วคุณกับผมร่วมมือกันงานนี้”
“ไม่มีปัญหา ห่างไกลโรคดีกว่ารักษาโรค ฉันให้ความร่วมมือแน่นอน”
พูดว่าให้ความร่วมมือ ลั่วหานไม่รู้ว่าตัวเองตกหลุมพรางอันใหญ่โต —— หลังกินอาหารเย็น ลั่วหานคิดได้ว่าจะช่วยหลินซีเหวินดูวิทยานิพนธ์ กลับถึงห้องนอนไปหาแล็ปท็อปที่ไม่ได้ใช้นานแล้ว กดปุ่มเปิดเครื่องแต่เปิดไม่ได้
ทิ้งไว้นาน ก็เสียไปแบบนี้เฉยเลย
หลินซีเหวินก็ค่อนข้างเร่ง กลางวันลั่วหานไม่มีเวลา และวิทยานิพนธ์ปริญญาโทก็ยาวเหยียด เนื้อหาเชิงลึกมากมาย กลางวันไม่สามารถสงบลงดูได้ ก็ได้แต่กลับถึงบ้านแล้วถึงช่วยดู
ขมวดคิ้ว ลั่วหานอุ้มแล็ปท็อปใส่รองเท้าก็เข้าไปหาหลงเซียวที่ห้องหนังสือ
ประตูไม่ได้ล็อค ลั่วหานเดินไปถึงประตู มองจากช่องระหว่างประตูเห็นหลงเซียวก้มหน้าดูเอกสาร ไฟในห้องหนังสือส่องอยู่ที่ตัวเขา ร่างสูงใหญ่ล้อมด้วยแสงอบอุ่นจากไฟ
“คุณนายหลงขอบแอบดูเหรอ?”
ลั่วหานดูจนลืมตัว เมื่อเสียงอันเข้มขรึมของหลงเซียวดังขึ้น เสียงอันอ่อนโยนกับแสงไฟอันอบอุ่น ดังขึ้นจนทำให้ลั่วหานตกใจ
“ฉันไม่ได้แอบดู และไม่จำเป็นต้องแอบดู”
ลั่วหานผลักประตูออก แล้วเดินเข้าไป ชุดนอนกระโปรงยาวสวยสง่า ผิวอันนุ่มนวลภายใต้ชุดกระโปรงลูกไม้ยาว ผมยาวดกดำสลวยปล่อยอย่างธรรมชาติ เดินไปทีละก้าว กลิ่นหอมอบอวลเต็มห้องหนังสือ
หลงเซียววางปากกา สายตาอ่อนโยน ยื่นมือให้เธอ “คุณนายหลงมาหากลางดึกแบบนี้ ผมจะคิดยังไงดีเอ่ย?”
ลั่วหานไม่ได้ยื่นมือให้เขา “แปะ” ตบไปที่ฝ่ามือเขา ยังไม่ทันดึงมือกลับ มือเล็กๆ ของเธอก็ถูกมือใหญ่ของหลงเซียวดึงไว้
“คุณนายหลงอยากใช้ความรุนแรง ไม่กลัวผมใช้ความรุนแรงกลับเหรอ?” หลงเซียวหมุนข้อมือ ร่างลั่วหานถูกดึงเข้าอ้อมกอดเขาโดยมีโต๊ะกั้น “กลางดึกแบบนี้ คุณนายหลงเชื่อฟังหน่อยจะดีกว่านะ”
ลั่วหานจะผลักเขาออก แต่กลับโดนกอดแน่ มุมปากโค้งขึ้น เธอยื่นคอมไปตรงหน้าเขา “ฉันหาคุณเพราะมีธุระ คุณหลงกลางดึกแบบนี้อย่านักเลงนะคะ”
หลงเซียวไม่ได้เจอเธอมาทั้งวัน ตอนกินข้าวก็ไม่ได้กอดเธอ ตอนนี้ได้กอดเธอสักที จะปล่อยไปง่ายๆได้ยังไง จูบหน้าผากเธออย่างรักใคร่ เสียงน่าฟังพูดที่ข้างหูเธอ “เรื่องอะไร? พูดในอ้อมกอดผม”