คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 37 นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเขา
ตอนที่ 37 นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเขา
“เฟยเฟย ที่เธอบอกว่าฉู่ลั่วหาน ก็คือฉู่ลั่วหานคนนี้ใช่ไหม?”
เกาหยิ่งจือส่งรูปของฉู่ลั่วหานไปให้โม่หรูเฟยดูหนึ่งรูป หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยแน่ใจเลยโทรศัพท์ไปถาม
ตอนที่เห็นรูปของฉู่ลั่วหานในโทรศัพท์ มือของโม่หรูเฟยก็กำกระเป๋าไว้แน่น แววตานั้นเต็มไปด้วยความเกลียดที่ล้นออกมา กัดฟันพูดว่า “ใช่! เป็นผู้หญิงต่ำตมคนนี้แหละ!”
เกาหยิ่งจือนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงาน หัวเราะเบาๆ “นางก็อยู่ในใต้บังคับบัญชาของฉันเอง อยากจะจัดการกับเธอ มันง่ายกว่าฆ่ามดตัวหนึ่งให้ตายสักอีก”
มุมปากของโม่หรูเฟยเผยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม “พี่ งั้นก็รบกวนพี่หน่อยนะคะ ฉันจะได้แต่งงานกับหลงเซียวหรือไม่ เกือบ50% มันก็อยู่ที่ตัวผู้หญิงคนนี้แหละค่ะ ส่วนเรื่องที่จะต้องทำยังไง พี่ ฉันเชื่อค่ะว่าพี่ฉลาดกว่าฉัน”
เกาหยิ่งจือดึงผ้าม่านให้ปิด เห็นเงาคนที่ใส่เสื้อสีขาวเดือนผ่านห้องทำงานของตัวเองไปเมื่อกี้นี้ “ทำไม? พูดจาดีเป็นก็เฉพาะตอนที่มีเรื่องจะขอให้ฉันช่วยงั้นหรอ?”
“สักเมื่อไหร่กันหล่ะ พี่นั้นฉลาดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว! ฉันก็แค่นึกไม่ถึงว่า ฟ้าก็จะเข้าข้างฉัน ฉันรู้แต่ว่าพี่กลับมาจากอเมริกา แต่คิดไม่ถึงว่าจะไปทำงานที่โรงพยาบาลกลาง แล้วยังบังเอิญเป็นแผนกหัวใจอีก”
“เธอยิ่งคิดไม่ถึงสินะว่า ฉันจะมาเป็นรองผู้อำนวยการ และก็สามารถจับเธอให้ตายได้ง่ายๆเลย คนท้องต้องพักผ่อน ไว้ถ้ามีอะไรคืบหน้าฉันค่อยบอกเธอแล้วกัน”
“ขอบคุณมากค่ะพี่ อ่อใช่ ซื้อกระเป๋าใบใหม่มาให้พี่ด้วย รับรองพี่จะต้องชอบแน่ๆ”
หลังวางสายไป โม่หรูเฟยยิ้มมุมปากดูสะใจมาก เล็บที่ฝังด้วยคริสทัลของเธอ ขยับเล่นอยู่บนกระเป๋าใบใหม่เอี่ยมอย่างเบาๆ พร้อมกับหัวเราะอยากเยือกเย็น
ฉู่ลั่วหาน เธอรอตายอย่างเดียวเถอะ!
เดินออกมาจากห้องรองผู้อำนวยการ ฉู่ลั่วหานก็หัวฟู ให้เธอไปหารองคณบดีคนใหม่ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นชายหรือหญิงก็ไม่รู้ เอ่ยปากครั้งแรกก็เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ มันเหมาะสมไหมเนี่ย?
โชคดีที่วันนี้งานไม่ยุ่ง คิดดูแล้ว ก็ลองไปดูสักตั้งก็ดีเหมือนกัน
ก้าวเท้าออกไป กดปุ่มที่ลิฟต์ มองดูเลขที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เธอหายใจเข้าลึกๆ หวังให้รองคณบดีคนนี้พูดง่ายๆหน่อย
ติ้ง เสียงดังขึ้น ลิฟต์ถึงแล้ว
ฉู่ลั่วหานหายใจเข้าลึกๆไปหลายที ปรับระดับการหายใจให้ปกติ ข้างหน้าก็เป็นห้องของรองคณบดีแล้ว เดินไปถึงหน้าประตู เธอยื่นหัวเข้าไปดูข้างใน มีรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน กำลังดูลักษณะของหัวใจอยู่
มือเคาะประตูไปทีสองที ร่างที่สูงใหญ่ก็หันหลังมาจากไร้เสียง—-
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”
คนที่อยู่ในห้องนั้นก็คือถังจิ้นเหยียน
ฉู่ลั่วหานสแกนมองรอบห้องของรองคณบดีอีกที บรรยากาศนั้นต่างกันกับตอนที่ท่านรองคณบดีนีอยู่ ห้องทำงานของตอนนี้สะอาดมาก และเป็นระเบียบ มีชั้นวางหนังสือเพิ่ม บนชั้นวางเต็มไปด้วยหนังสือแพทย์ ส่วนมากจะเกี่ยวกับเรื่องของกันผ่าตัดภายนอกของหัวใจ
บนโต๊ะตั้งโมเดลของหัวใจอยู่สองอัน อันหนึ่งใหญ่ มีทั้งตับไตไส้พุง ส่วนอีกอันเป็นอันเล็ก มีแต่หัวใจ
อันที่ถือไว้ในมือของเขา ก็คือหัวใจ
ถังจิ้นเหยียนยิ้มอ่อนๆ “ทำไมเหรอ?”
ความรู้สึกที่ฉู่ลั่วหานมีต่อถังจิ้นเหยียน ไม่รู้ว่าจะต้องป้องกันหรือห่างไว้ดี แต่สัญชาตญาณมันบอกให้ห่างไว้หน่อย “ดูเหมือนว่าท่านรองจะไม่อยู่ ฉันค่อยมาวันหลังแล้วกัน”
หืม?
เขาหลุดขำ “คุณมาหาเขามีเรื่องอะไร?”
ฉู่ลั่วหานรู้สึกว่าไม่จำเป็นที่ต้องบอกรายละเอียดให้เขารับรู้ ตอบกลับไปอย่างเย็นชาว่า “ไม่มีไร”
ถังจิ้นเหยียนวางหัวใจลง ร่างที่สูงใหญ่ก็เดินห่างออกมาจากโต๊ะทำงาน ป้ายตำแหน่งที่ถูกเขาบังไว้ในทีแรกก็โผล่ออกมา “พูดมาสิ สรุปมีธุระอะไร?”
ฉู่ลั่วหานกำลังจะอ้าปากเถียงกลับไป ทันใดนั้นก็เห็นป้ายชื่อที่ตั้งอยู่ข้างโต๊ะ—-
รองคณบดี : ถังจิ้นเหยียน!
เชี้ย! ไม่ใช่มั้ง! เขาเนี่ยนะที่เป็นท่านรอง!
เธอช็อคอยู่ไม่น้อยกว่า30วินาที เอาคำเล่าลือที่ได้ยินกันมาทีละนิดละหน่อยมาปะติดปะต่อกัน คุณหมอนอกแผนก หน้าตาดี ยังหนุ่มแล้วก็…
ที่แท้ข่าวลือนั้นไม่ได้หมายถึงท่านรองผู้อำนวยการ แต่เป็นท่านรองคณบดีของโรงพยาบาลกลาง
นี่ก็เด็กเกินไปหรือเปล่าเนี่ย!
เขาจ้องมองสีหน้าของเธอที่ค่อยๆเปลี่ยนไป ในที่สุดก็ขำอีกครั้ง “มีคำถามอะไรไหมครับ? คุณหมอฉู่?”
คำถาม คำถามใหญ่มากเลยหล่ะ
“รอง…รองคณบดี นี่คือใบสมัครเป็นศาสตราจารย์ที่ฉันเตรียมไว้ค่ะ คุณช่วยดูให้หน่อยค่ะว่าผ่านหรือเปล่า”
เธอทำใจให้นิ่ง ยื่นใบสมัครไป ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ฝืนธรรมชาติ เผยให้เห็นความวิตกกังวลของเธอ
ใหญ่กว่ายศเดียวก็ทับให้ตายได้ อีกอย่างเขาเองก็สูงกว่าตั้งหลายยศ
เขาบอกดูทีละหน้าอย่างละเอียด ในใบสมัคร เป็นลายมือที่เธอเขียนเอง ละเอียดอ่านง่าย ปลายปากกาลงได้อย่างหนักแน่น ไม่เขียนลากเลยสักนิด
ข้อมูลทุกช่องก็เติมครบหมด ยกเว้นแต่สถานะสมรส ว่างอยู่
เธอใช้หางตามองสแกนเขา อาจจะเป็นเพราะได้รู้สถานะของเขาอย่างกะทันหัน เลยมองดูเขาอีกที รู้สึกมีตรงไหนที่ไม่เหมือนเดิม เพราะถ้าเป็นแค่หมอธรรมดา ก็สามารถเข้าใจกับสิ่งที่เขาทำในก่อนหน้านี้ได้ว่าเป็นน้ำใจของเพื่อนร่วมงาน
แต่ พอเปลี่ยนมาเป็นบทบาทของท่านรอง รู้สึกแปลกๆ
เธอกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจ น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาก็ดังขึ้น “ใบสมัครนี้ไม่มีปัญหาอะไร เหลือก็แต่งานวิจัย แต่ว่างานวิจัยครั้งนี้เกณฑ์การให้คะแนนสูงมาก และต้องเขียนให้เสร็จภายในเดือนนี้ คุณไหวไหม?”
พอดูแล้ว ก็ไม่มีปัญหาอะไรจริงๆด้วย เธอโล่งอกไปทีหนึ่ง
“น่าจะไหวค่ะ”
มือข้างหนึ่งของถังจิ้นเหยียนล้วงอยู่ในกระเป๋า แววตาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “คุณหมอฉู่ คุณคือหมอมือหนึ่งของแผนกภายใน การสมัครครั้งนี้ไม่มีปัญหา และถ้าติดแล้ว คุณก็จะเป็นศาสตราจารย์ที่อายุน้อยที่สุดของโรงพยาบาลเรา ยินดีด้วยนะครับ”
เธอยิ้มเบาๆ “ยังไม่ติดเลยค่ะ ท่านรองก็ยินดีเร็วเกินไป”
ใบหน้าโหงวเฮ้งของเขาดีและดูหล่อ ยิ้มแล้วยิ่งมีเสน่ห์ น่าดึงดูดมาก “ถ้าติดขึ้นมา คุณกะว่าจะขอบคุณผมยังไงหล่ะ?”
ฉู่ลั่วหานยิ้มอ่อน “งั้นก็รอให้ติดก่อนแล้วค่อยว่ากันนะคะ!”
เธอเดินก้าวใหญ่ๆออกไปจากห้องของเขา เธอมองไม่เห็น ว่าผู้ชายที่อยู่ด้านหลังของเธอนั้นกำลังฝืนยิ้มตามสถานการณ์อย่างหนัก แน่นอน เธอก็ไม่เห็น เอกสารที่เขาทับไว้ข้างล่าง ข้อมูลส่วนตัวของฉู่ลั่วหาน
เธอแต่งงานแล้ว แต่กลับไปมีใครรู้
“คุณหมอฉู่ วันนี้เวรดึกของคุณหรือเปล่าคะ?”
เธอเพิ่งจะกลับเข้ามา จ้าวเหมียนเหมียนก็ถามขึ้น
“ไม่ใช่มั้ง อาทิตย์นี้ฉันไม่มีเวรดึก”
“แต่ว่า ตารางงานใหม่ล่าสุด คืนนี้เวรดึกเป็นของคุณนะ”
ฉู่ลั่วหานคิ้วขมวด สุดท้ายแล้ว เมล์ที่เพิ่งส่งเข้ามาใหม่ ตารางเวรดึกของวันนี้ ชื่อของเธอนั้นอยู่แถวหน้าเลย
จี้ซือหยู่บึนปาก “ตารางเวรนี้ท่านรองเป็นคนจัดเอง คุณจะไปถามเธอหน่อยไหม?”
ฉู่ลั่วหานคิ้วขมวดหัวเราะอย่างเยือกเย็น “ไม่ต้องหรอก ยังไงก็เวียนกัน วันนี้เข้าเวร พรุ่งนี้ก็พักผ่อน ไม่เป็นไรหรอก”
หลังเลิกงานตอนกลางวัน ฉู่ลั่วหานรีบกินข้าวแล้วก็กลับไปที่โรงพยาบาล เธอจะต้องไปเตรียมงานวิจัย แล้วยังต้องเข้าเวร เวลาก็จะกระชั้นชิดหน่อย
ถังจิ้นเหยียนก็เพิ่งจะได้ตำแหน่ง มีอยู่หลายเรื่องที่ยังไม่คุ้นชิน เพื่อจะรีบแก้ไขปัญหาในโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เขาทำงานล่วงเวลาตรวจเช็คห้องผู้ป่วยอยู่ ตรวจเอกสาร แต่คิดไม่ถึงว่ายุ่งไปแค่แป๊บเดียวก็ถึงสองทุ่มแล้ว
นวดคอที่เมื่อยไปหลายที ลุกขึ้นเตรียมตัวจะออกงาน เงยหน้าขึ้น ด้านนอกประตูก็มีเงาคนอยู่คนหนึ่ง
เกาหยิ่งจือกอดอกยืนไว้นอกประตู ริมฝีปากสีแดงที่อมยิ้ม หางตาที่โค้งขึ้น แสดงว่าเธอมีอะไรบางอย่าง
“ท่านรองคณบดีถัง พวกเราเจอกันอีกแล้วนะคะ”
ถังจิ้นเหยียนลุกขึ้น ร่างที่สูงใหญ่ของเขาบดบังการมองเห็นของเขาไปเกือบครึ่ง เธอสแกนมองดูเขาอย่างไม่รีบร้อน สังเกตทุกอนูและทุกรายละเอียดบนตัวเขา
ความรู้สึกที่พยายามอัดอั้นไว้ พอรวมๆกันแล้วก็บอกมาได้แค่ความหมายเดียวก็คือ—- ชอบ
เกาหยิ่งจือชอบถังจิ้นเหยียน นี่เป็นความลับที่ถูกเพื่อนๆเปิดเผยตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้ว มหาลัย ปอโท ดอกเตอร์…ตลอดเส้นทางนี้ เป้าหมายของเธอนั้นไม่เคยห่างไกลจากเขาเลย
เธอมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง การเรียนโดดเด่น มีชื่อเสียงอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอยู่ไม่ใช่น้อย คนที่ตามจีบ เริ่มจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิชาการไปจนถึงนักธุรกิจที่มีฐานะร่ำรวย มาแทบทุกสาขาอาชีพแล้ว
แต่ในสายตาของเธอ ก็มีแต่เขา
เธอหน้าเชิด ไม่ยอมแพ้ แต่นอกจากตอนที่ต่อหน้าเขา เธอไม่เป็นตัวเอง ถึงขนาดดูถูกตัวเอง
พอได้ข่าวว่าเขากลับประเทศมารับตำแหน่ง เธอก็ลาออกจากงานโรงพยาบาลชั้นนำที่นิวยอร์ก แล้วยื่นเรื่องมาเป็นรองผู้อำนวยการของที่เมืองหลวง
แต่ที่น่าผิดหวังก็คือ การแอบรักที่ไม่อาจเปิดเผยในมหาลัยนี้ คนที่ถูกแอบรักกลับไม่รู้ตัวเลย
ความทรงจำที่ถังจิ้นเหยียนมีต่อเธอนั้นก็เป็นแค่เพื่อนที่มหาลัยเดียวกัน และสาขาเดียวกัน เขายิ้มอ่อนๆ พูดน้ำเสียงเกรงใจว่า “คุณหมอเกา นึกไม่ถึงเลยนะว่าคุณก็อยู่ที่นี่”
ริมฝีปากของเกาหยิ่งจือยิ้มมุมปาก พยายามกลั้นความตื่นเต้นเร่าร้อนนัยน์ตาไว้ “ในเมื่อเจอกันแล้ว ก็ไปกินข้าวด้วยกันหน่อยไหม?”
กินข้าว?
ต่อหน้าคำเชิญของเธอ เขาก็ปฏิเสธไปอย่างมีมารยาท ปิดคอม “ไม่ต้องแล้วครับ กินข้าวดึกขนาดนี้ มันไม่ดีต่อกระเพาะ”
เกาหยิ่งจือยืนอยู่ในประตู รักษาระยะห่างที่เหมาะสมไว้ “ท่านรองกำลังจะออกเวรแล้วสินะคะ? ถ้ากลับด้วยกัน น่าจะได้ใช่ไหมคะ?”
คิ้วของเขากระตุกเบาๆ “แน่นอนครับ”
ถังจิ้นเหยียนเปลี่ยนเป็นชุดทั่วไป เป็นชุดสูทพอดีตัว ยิ่งเผยให้เห็นหุ่นที่เยี่ยมสุดๆ
“ขอโทษนะคะ ฉันยังไม่ได้เปลี่ยนชุด ฉันกลับไปเปลี่ยนชุดแป๊บหนึ่งค่ะ คุณรอแป๊บหนึ่งนะคะ”
“ลงไปด้วยกันเถอะครับ”
พูดตามมารยาท ถังจิ้นเหยียนก็ตามเธอไปที่ชั้น4ด้วยกัน แผนกหัวใจ
เกาหยิ่งจือรีบเร่งฝีเท้าเดินไปที่ห้องเปลี่ยนชุด ถังจิ้นเหยียนก็รออยู่ด้านนอก แววตาก็สำรวจมองไปรอบๆแผนกหัวใจ ไม่ตั้งใจมองเห็นร่างเงาของคนชุดขาว
ผอมบางสูงเรียว ท่าเดินทั้งรีบและเร็ว มือข้างหนึ่งของเธอถือหนังสือไว้ อีกข้างถือแก้วกาแฟ เดินแบบไม่เงยหน้า
ถังจิ้นเหยียนคิ้วขมวด อมยิ้มอย่างไร้เสียง
“ท่านรอง? มองอะไรหรอคะ?”
เกาหยิ่งจือเดินออกมา เห็นเขากำลังอมยิ้มอยู่พอดี แล้วก็มองตามทิศทางที่เขามอง แต่ก็ไม่มีเงาของฉู่ลั่วหานแล้ว
“เปล่าครับ ไปกันเถอะ”
ลงตึกไปด้วยกัน ตั้งแต่เข้าลิฟต์ไป เกาหยิ่งจือก็เอาแต่พูดย้อนไปเรื่องสนุกของสมัยก่อนตอนที่เรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แต่ในสมองของถังจิ้นเหยียนกลับคิดแต่เรื่องของเงาชุดขาวที่เดินเร่งรีบ
ยิ่งคิด ก็ยิ่งน่าขำ และแล้วก็หัวเราะออกมาจริงๆ
“ท่านรอง? คุณก็รู้สึกว่าตอนนี้ตลกมากเลยใช่ไหมคะ?”
เขาชะงักไป “อือ? ใช่ ตลกมากเลย”
เกาหยิ่งจือคิดว่าเรื่องที่ตัวเองพูดนั้นสามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้ จากนั้นก็เลยพูดต่อ “คุณยังจำได้ไหมในตอนที่อยู่ในห้องทดลอง? ในคาบของศาสตราจารย์ห้อหวาเดอ…”
ฝีเท้าของถังจิ้นเหยียนหยุดไป เขาหันหลังไปมองเธอ “คุณหมอเกา ผมยังมีงานที่ยังทำไม่เสร็จ จะต้องกลับไป ขอโทษด้วยนะครับ”
เกาหยิ่งจืออ้าปาก “ท่านรอง…”
“ขับรถระวังด้วยนะครับ”
เกาหยิ่งจือมองดูเงาของเขาที่เดินจากไป “ค่ะ…”
เดินไปถึงลานจอดรถ สตาร์ทรถ ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าคืนนี้เธอจัดเวรดึกให้ฉู่ลั่วหาน กระตุกมุมปากยิ้ม โอกาสดีๆอย่างนี้ เธอจะพลาดได้ไง?
ทางนี้ ถังจิ้นเหยียนเดินทางกลับไปโรงพยาบาล เข้าไปร้านสะดวกซื้อของโรงพยาบาลซื้ออาหารรองท้องไปนิดหน่อย ถือขึ้นไปชั้น4
ห้องที่เข้าเวรนั้นเงียบมาก มีแค่ฉู่ลั่วหานคนเดียว เหมือนว่าเธอกำลังเจอปัญหาอะไรยากๆอยู่ กำลังครุ่นคิด
“คุณหมอฉู่ บังเอิญจังเลยนะครับ คุณก็เข้าเวรดึก?”
ฉู่ลั่วหานเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือ “ท่านรอง? คุณก็เข้าเวร?”
ถังจิ้นเหยียนยักคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ “คุณคิดว่าเป็นท่านรองแล้วไม่ต้องเข้าเวรดึกหรือไง? ผมไม่ใช่เป็นแค่ท่านรอง ผมยังเป็นหมอแผนกภายนอกอีก”
เขาวางอาหารว่างไว้บนโต๊ะของเธอ “เติมพลังกันหน่อย โรงพยาบาลต้องใช้แรงงาน งั้นก็ให้ผมเป็นนายทุนที่ช่วยชดเชยผู้เคราะห์ร้ายหน่อยละกัน”
ฉู่ลั่วหานพลิกหนังสือและปิดลงไปบนโต๊ะ “ท่านรองทำอย่างนี้ ฉันตกใจนะเนี่ย ส่วนเรื่องชดเชย? ฉันรู้แค่ว่า พังพอนต้องมาไหว้ไก่”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” เขาหัวเราะอย่างหล่อ เสียงหัวเราะที่น่าฟัง มันยิ่งดูมีเสน่ห์มากไปอีก
“โชคดีที่คุณไม่บอกว่าของฟรีไม่มีในโลก”
เท้าของเกาหยิ่งจือราวกับว่าถูกไฟช็อต หยุดไว้ที่หน้าประตู!