คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 363 วันนี้ เป็นวันระลึกครบรอบการตายของตระกูลไป๋
ตอนที่ 363 วันนี้ เป็นวันระลึกครบรอบการตายของตระกูลไป๋
เสียงหัวเราะของไป๋เวยราวกับผี ใบหน้าที่ซีดเซียวไม่มีเลือดฝาดแม้นิดเดียว มีแต่สองตาที่ลืมตาโตอยู่ และในดวงตาก็มีเส้นเลือดได้ผุดขึ้นมา ราวกับมีแรงอะไรผลักดันเธออยู่โดยเธอไม่สามารถต้านทานได้ และเธอไม่สามารถควบคุมตัวเอง
“ไป๋เวย วางมีดลงก่อน ! คุณวางมีดลงก่อน ! ”
กู้เยนเซินกางแขนสองข้างแล้วค่อยๆเดินเข้าใกล้เธอ ก้าวเท้าชาๆและเก้าเล็กมาก กลัวมากที่จะไปกระตุ้นอารมณ์ที่ตึงเครียดของเธอในตอนนี้
“ ไป๋เวย ไม่ต้องกลัวนะ คุณมองหน้าผม ไม่ต้องกลัว เราคุยกันดีๆ ได้มั้ย ? ”
กู้เยนเซินเกลี้ยกล่อมเธออย่างระมัดระวัง สายตาที่ที่หนักแน่นและแผดเผามองไปที่ผู้หญิงแต่งชุดขาว เธอในตอนนี้ เหมือนกับคนบ้าที่เสียสติอย่างสิ้นเชิง
จู่ๆในหัวของกู้เยนเซินก็มีคำพูดของหลงเซียวได้ผ่านเข้ามา โรคซึมเศร้า !
หลังจากที่ตระกูลไป๋ถูกฆ่าตายทั้งครอบครัว ไป๋เวยก็กลายเป็นโรคซึมเศร้าอย่างหนัก !
เพราะฉะนั้น ไป๋เวยในตอนนี้กำลังตกอยู่ในสภาวะโรคซึมเศร้ากำเริบ เธอเสียสติและสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้ยินเสียงใครห้ามทั้งนั้น
ตามใจเธอก่อน ต้องตามใจเธอเอาไว้ก่อน
แววตาที่ไร้วิญญาณของไป๋เวยมองอยู่ที่กู้เยนเซิน ริมฝีปากที่แห้งกร้านขยับทีนึง “ พ่อคะ ….. ”
เสียงเบามาก บวกกับความโศกเศร้าและไร้กำลัง เงาที่ปรากฏตรงหน้าเหมือนกับว่าทำให้เธอเห็นพ่อในตอนหนุ่ม
เธอนึกภาพกลับไปถึงตอนเด็กตอนที่ยังอายุห้าหกขวบ เธอมองหน้าเขาอย่างงุนงง ออดอ้อนและดีใจ “ พ่อมาหาฉันแล้วเหรอ ? ”
กู้เยนเซินถูกเธอเรียกแบบนี้ คิดได้ในทันทีว่าเธอกำลังเห็นภาพหลอน เห็นเขาเป็นพ่อของตัวเอง
มือสองข้างของกู้เยนเซินค่อยๆเข้าใกล้ ยิ้มให้เธอด้วยท่าทีที่อ่อนโยนและเอ็นดู “ เวยเวย ลูกพ่อ ฟังพ่อนะ วางมีดลง มา ….. ”
เขาค่อยๆชักนำเธอ แววตาที่กังวลขยับไปตามทุกความเคลื่อนไหวเล็กน้อยของเธอ เขาค่อยๆเก็บอาการตื่นตกใจที่เกือบจะทะลุออกมาจากอกอย่างอ่อนโยน พูดกับเธอเบาๆ แล้วค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ …..
ผมที่ยุ่งเหยิงของไป๋เวยที่ปล่อยไว้อยู่ เป็นเพราะเธออาละวาดบ้าคลั่งและพยายามทำร้ายตัวเอง เส้นผมดำยาวได้พันกันไปหมด และมีบางส่วนติดอยู่ที่หน้า เส้นผมที่เปียกเหงื่อดูน่าอนาถ
“ นาย …… ” ไป๋เวยหรี่ตา แววตาได้ปรากฏความเยือกเย็นที่ทำเอาทั้งสองคนต่างหวาดกลัวไปตามๆกัน เธอพูดว่านาย ต่อจากนั้นก็เงียบไปอยู่นาน แต่มีดในมือกลับกำไว้แน่กว่าเดิม แววตาที่กำลังตรวจตราอยู่กลับยิ่งเฉียบแหลม
กู้เยนเซินค่อยๆกลืนน้ำลาย ใช้สายตาที่นุ่มนวลเพื่อกล่อมเธอ “ เวยเวย ใจเย็นๆ ปล่อยตัวให้ผ่อนคลาย คุณฟังนะ วางของที่อยู่ในมือก่อน เดินมาหาผม ….. ”
ไป๋เวยหรี่ตาจ้องดูเขา จากนั้นริมฝีปากได้ปล่อยแสงเจิดจ้าที่น่าตกใจกว่าความตายออกมา “ นาย …….. ไม่ใช่ ! นายไม่ใช่ ! ! ”
การอาละวาดของเธอทำลายบรรยากาศที่สงบของเมื่อกี้ ในห้องน้ำถูกเสียงที่จู่ๆดันลั่นของเธอสะเทือนไปทั้งห้อง กู้เยนเซินก็ถูกความตื่นตกใจของเธอทำเอาแผ่นหลังเย็นวูบ ใจกล้ากล่อมเธอต่อด้วยความอ่อนโยน “ ผมคือ …….. เวยเวย ผมคือ คุณลงมาก่อน วางมีดที่อยู่ในมือลงก่อน ”
มือของไป๋เวยกำด้ามจับของมีดไว้แน่น ปลายมีดที่แหลมคมตั้งตรงอยู่ที่คอหอยของตัวเอง ถ้ามีดทิ่มลงไปเธอต้องตายแน่นอน !
ใบมีดที่คมเข้าใกล้คอหอยของเธอ วินาทีนั้น คอที่ขาวเนียนของเธอก็มีเลือดไหลตามใบมีดออกมา ค่อยๆไหลลงมาที่ด้ามจับ ทันใดนั้นก็ไหลมาถึงที่ฝ่ามือของเธอ เลือดในมือได้สะสมเรื่อยๆ หลังจากนั้นก็ได้ค่อยๆหยดลงที่พื้น !
“ ไป๋เวย ! อย่าทำอะไรโง่ๆเลยนะ ! คุณตื่นสิ ! คุณตื่นมามองหน้าผมได้มั้ย ? มองหน้าผมสิไป๋เวย ! ผมคือกู้เยนเซิน ผมคือ กู้เยนเซินไง ! ”
กู้เยนเซินเห็นเลือดที่คอเธอ จู่ๆก็เสียสติตะโกนชื่อเธอ หยดเลือดได้ไหลลงจากคอของเธอ ราวกับมีมีดกำลังกรีดอยู่ที่หัวใจของกู้เยนเซิน เธอเจ็บ เขาก็ยิ่งเจ็บ !
ไม่ หรือจะพูดว่า ไป๋เวยในตอนนี้ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดบนร่างกายแล้ว แววตาที่ไร้วิญญาณของเธอจ้องมองกู้เยนเซิน แล้วพูดอยู่คนเดียว รอยยิ้มน่ากลัวราวกับผีร้าย
“ ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก ฉันจะดื่มเลือดแก ฉีกเนื้อแกมากินชิ้นๆ………. ฮ่าๆๆ ฉันจะให้แกตาย แก ……ตาย ! ! ”
ทันใดนั้น สายตาที่ไป๋เวยมองหน้ากู้เยนเซินก็ยิ่งเย็นชาน่าขนลุกขึ้นทุกที “เป็นแก! แกฆ่าพวกเขา ! ฉันจะฆ่าแก ! ! ฉันจะฆ่าแก ! ! ”
กู้เยนเซินสีหน้าตกใจมาก ไป๋เวยคงคิดว่าเขาเป็นเสิ่นเหลียวแล้วซินะ ?
ทันใดนั้นเขาก็คิดได้ จู่ๆกู้เยนเซินก็หัวเราะบ้าคลั่งใส่เธอ “ ฮ่าๆๆๆ ! ไป๋เวย ถูกต้อง ฉันเอง ฉันเป็นคนฆ่าครอบครัวเธอเอง ! ฆ่าฉันสิ ! มาสิ ! มาฆ่าฉันสิ ! ! ”
ไป๋เวยมือข้างนึงกุมหัวที่จะระเบิดเอาไว้ เธอแยกแยะไม่ออกว่าใครคือใคร แม้กระทั่งลืมว่าตัวเองเป็นใครด้วย “ อ๊า ! ! ”
ในหัวของเธอกำลังสู้กันอย่างหนัก ไป๋เวยรู้สึกสับสนแทบจะพังทลาย เธอได้ยินเสียมากมายกำลังเรียกหาเธอ เธอไม่รู้ควรจะฟังใครดี ไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนปลอม ไม่รู้อะไรทั้งนั้น !
เธออยากได้ยินเสียงหัวใจของตัวเอง แต่เธอถูกกดทับเอาไว้ ร้อนไม่ออกมา
“ ไป๋เวย ! มานี่สิ ใช้มีดในมือของเธอฆ่าฉันตอนนี้เลย ! มาสิ ! ฆ่าฉันเลย ! ”
เวลานี้ ลั่วหานได้ขับรถออกจากโรงพยาบาล ระหว่างทางเธอเปิดวิทยุเพื่อจะฟังข่าวแล้วฆ่าเวลาไป
วิทยุเพิ่งจะเปิด ก็ได้ยินเสียงผู้ประกาศข่าวชายในช่องดังออกมา “ คุณพูดฟังครับ พวกคุณยังจำได้ไม่ครับว่าวันนี้เป็นอะไร ? ครั้งนึงที่สะเทือนใจคนทั้งเมือง คดีฆาตกรรมตระกูลไป๋ก็ได้เกิดขึ้นในวันนี้ …..”
“ เอี๊ยด ! ! ! ”
มือลั่วหานที่กำพวงมาลัยไว้จู่ๆก็ได้หยุดลง ! แรงอันทรงพลังได้ฉุดดึงแขนของเธอไว้จนรถที่ตกแต่งอย่างหรูอย่างRolls-Royceได้หยุดลงข้างทางอย่างกะทันหัน !
ลั่วหานจ้องตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าจอของรถ ใช่ คือวันนี้ !
วันที่ครอบครัวของไป๋เวยถูกฆ่ายกครัวก็คือวันนี้ ไม่เพียงแต่เป็นวันครบรอบวันตายของครอบครัว ยังเป็นวันที่เธอ ……
แย่แล้ว !
วันครบรอบของทุกปี ไป๋เวยก็จะต้องเสียสติทุกครั้ง !
นึกถึงนี่ ลั่วหานก็ได้กลับรถอย่างเร็ว รถได้ขับวิ่งไปยังฝั่งตรงข้ามของบ้านอย่างเร็ว !
ไป๋เวยจะเกิดเรื่องไม่ได้นะ !
เธอผ่านมรสุมมามากมาย ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาที่ได้เชิดหน้าชูตาสักที ทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นใหม่ เธอจะเกิดเรื่องไม่ได้นะ !
ยิ่งคิด ใจของลั่วหานก็ยิ่งไม่ดี รถRolls-Royceสีดำที่วิ่งอยู่บนถนนได้ปรากฏเป็นแสงไฟที่ลากยาวเหมือนภาพหลอน เส้นทางที่วิ่งผ่านต่างเป็นแสงไฟสีขาวที่เย็นชื่น !
ที่บ้านไป๋เวย ในห้องน้ำ การเผชิญหน้าและยืดเยื้อยังคงต่อเนื่อง
เลือดได้ไหลออกมาจากคอของไป๋เวยไม่หยุด ยิ่งอยู่ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆและหยดไหลลงที่หลังของเธอ กระโปรงสีขาวที่เปียกไปด้วยเลือด กลายเป็นจุดๆราวกับlสะพานดอกไม้ที่เชื่อมต่อความตาย
“ ไป๋เวย ! ฆ่าฉันสิ ! ฉันเป็นคนที่ทำให้ครอบครัวของเธอต้องฆ่า ! ฉันเอง ! ! ” กู้เยนเซินตบที่หน้าอกตัวเองอย่างแรง พยายามเบี่ยงเบนความอาฆาตของเธอมาที่ตัวเขา
หลังจากรองมาหลายครั้ง ในที่สุด สายตาของไป๋เวยก็เริ่มหันมามองที่กู้เยนเซิน เธอแยกแยะอย่างละเอียด “ แก ….. คือ แก ……คือเสิ่นเหลียว ! ใช่แกเอง ! ! ”
ระหว่างที่ไป๋เวยอาละวาดอยู่นั้น มีดก็ได้ออกจากคอของเธออย่างเร็ว เธอกำมีดไว้แน่นแล้วกระโดดเข้าใส่กู้เยนเซิน !
“ อ๊า !!แกตายซะ ! ! ไปตายซะ ! ! ! ”
มีดที่เปื้อนเลือดของไป๋เวยได้พุ่งตรงไปที่หน้าของกู้เยนเซินและตา ปลายมีดที่แหลมคมราวกับแสงสีขาวของฟ้าผ่าๆลง !
“ ผัวะ ! ”
กู้เยนเซินใช้สองมือของตัวเองกำมีดไว้แน่น เลือดสีแดงสดได้ไหลลงตามฝ่ามือของเขา รวมกันไปสายเลือด ……
“ เพียะ !!”
กู้เยนเซินแย่งมีดมาแล้วทิ้งไปที่พื้นอย่างแรง แล้วใช้เท้าถีบมีดไปไกล เร่งรีบใช้มือที่เลือดไหลเต็มกอดไป๋เวยไว้ !
ไป๋เวยเหมือนผีเสื้อที่ถูกหักปีกอย่างไรอย่างนั้น เธออ่อนแอไร้เรี่ยวแรงล้มอยู่คาอกของเขา เป็นเพราะตื่นตกใจกลัวและไร้ที่พึ่งจนตัวสั่นอย่างแรง
“ คุณ ……. คุณเป็นใคร ? ”
กู้เยนเซินถึงรู้สึกโล่งอก มือที่เลือดไหลกอดเธอไว้ ในดวงตามีทั้งน้ำตาและรอยยิ้ม “ ผมคือผู้ชายของคุณไง ”
ไป๋เวยรอยยิ้มอิดโรยยิ้มขึ้น เห็นชัดว่าเธอไม่รู้ว่าตัวเองได้ยินอะไร เธอรู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียมาก หลบอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้วหายใจอย่างแรง “ พาฉันกลับบ้าน ….. พาฉันกลับบ้านหน่อย ……. ”
ทนมาถึงเวลานี้ ดวงตาของไป๋เวยได้มีน้ำตาที่ร้อนๆไหลออกมาสักที น้ำตาของเธอได้หยดลงที่แขนของกู้เยนเซินรวมเข้ากับเลือด
“ ไป๋เวย ! ! ”
ลั่วหานเปิดประตูเข้าแล้วตะโกนดัง ทันใดนั้นก็เห็นขวดเหล้าที่วางกระจัดกระจายอยู่ในห้องรับแขก ให้ตายสิ ! เป็นแบบนี้อีกแล้ว !
“ ไป๋เวย ! ! ไป๋เวย ! ! ”
ลั่วหานใช้เท้าถีบขวดเหล้าออก เห็นมีเงาคนเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาจ้องไปในทันที เธอมองดูคนที่เดินออกมาจากด้านในอย่างประหลาดใจ “ คุณชายกู้ คุณ …… ”
กู้เยนเซินอุ้มไป๋เวยที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด เสื้อของทั้งสองคนเปื้อนเลือดจนกลายเป็นสีแดง โดยเฉพาะชุดกระโปรงสีขาวของไป๋เวย เดาไม่ยากว่าเมื่อกี้ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น
“ เธอหมดสติไป ” กู้เยนเซินพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า หลังจากนั้นก็ยิ้มให้ลั่วหาน
“ อุ้มเธอไปวางที่เตียง ฉันไปหยิบกล่องยามา ! ”
ลั่วหานเดินไปที่ห้องรับแขก หยิบกล่องยาออกมาจากตู้อย่างคล่องแคล่ว แล้ววิ่งกลับไปที่ห้องนอน
เธอฉีกซองเข็มฉีดยาที่ฉีดเข้าเส้นเลือดดำมาอัน แล้วใส่ยาระงับประสาทฉีดให้กับไป๋เวย หลังจากนั้นก็ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ล้างแผลที่คอให้เธอ ใช้ผ้าก๊อซช่วยเธอพันแผลให้เสร็จ
ลั่วหานท่าทางว่องไวมาก มีระเบียบและเป็นขั้นเป็นตอนไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่นิด
กู้เยนเซินเห็นเธอปฐมพยาบาลแล้วมองอึ้งไปเลย
ลั่วหานทำเสร็จพวกนี้ แล้วช่วยไป๋เวยเช็ดเหงื่อที่หน้าผากต่อ “ ฉันควรจะนึกขึ้นได้เร็วกว่านี้หน่อย ต้องโทษฉันเอง ”
ลั่วหานรู้สึกผิดและโทษตัวเอง ถ้าเป็นปีก่อนๆของวันนี้ ลั่วหานจะคอยเฝ้าอยู่ข้างกายไป๋เวยไว้ก่อนแล้ว และเตรียมยาระงับประสาทเพื่อป้องกันโรคของเธอกำเริบ
วันนี้ …… เธอคงอยู่สุขสบายเกินไป ถึงได้ลืมไป๋เวย ……
ฉันผิดเอง !
“ มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก ” กู้เยนเซินกำมือไว้ แต่เลือดก็ยังไหลออกมาไม่หยุด
ลั่วหานหันกลับมา “ คุณชายกู้ มือของคุณ ……. ”
“ ผมไม่เป็นไร เมื่อกี้แสดงเป็นฮีโร่ไปหน่อย ”
ลั่วหานกลอกตาขาวใส่เขาที “ ปล่อยมือซะ ฉันช่วยคุณทำแผล ”
คงเป็นเพราะสัญชาตญาณที่กลัวหมอ กู้เยนเซินแบมือออกโดยดี ฝ่ามือเป็นรอยกรีดที่น่ากลัวมาก เลือดได้กลบเส้นลายมือ เห็นแล้วน่ากลัวมาก
ลั่วหานคีบสำลีก้อนมาช่วยเขาหยุดเลือด จับมือของเขาไว้ ห้ามเลือดไปและพูดไปด้วย “ วันนี้เป็นวันครบรอบการตายของพ่อแม่ไป๋เวย ปีนั้นของวันนี้ คนของตระกูลไป๋ถูกเสิ่นเหลียวฆ่าจนหมด ”
“ อ๊ะ! ”
กู้เยนเซินสะดุ้งตกใจ มือได้หลุดออกจากมือของลั่วหาน แผลที่ถูกดึง รู้สึกปวดแสบมาก
“ อย่าขยับสิ ! ” ลั่วหานขมวดคิ้ว แล้วดึงมือของกู้เยนเซินกลับ “ คุณโกรธอะไร ? ขืนโกรธอีก มือคุณได้พิษการเอาแน่ ”
กู้เยนเซินมองผู้หญิงที่นอนราบอยู่เตียง “ มีวิธีไหนที่จะช่วยให้เธอดีขึ้นได้มั้ย ? ”
ลั่วหานช่วยเขาพันแผลด้วยผ้าก๊อซรอบแล้วรอบนึง “ ฉันเป็นหมอ รักษาได้แค่โรคทางร่างกายของเธอ แต่ฉันไม่สามารถรักษาแผลในใจของเธอ ชีวิตของตระกูลไป๋หลายสิบชีวิต เป็นแผลในใจของเธอ ตั้งแต่ที่ฉันรู้จักกับเธอ เห็นโรคเธอกำเริบมาสองครั้ง อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ แต่ฉันเองก็ไม่รู้จะช่วยเธอยังไง ….. ”
กู้เยนเซินถอนหายใจยาวที “ ผมอยากช่วยเธอ ผมอยากจะปกป้องเธอเอง ”
ลั่วหานทำแผลมือซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บหนักของเขาเสร็จแล้วทำแผลอีกข้างต่อ “ จิตใจของไป๋เวยถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก ฉันคิดว่า ถ้าหากจะมีอะไรที่จะช่วยเธอได้ ก็คงเป็นความรักแล้วมั่ง ความรักที่มากพอและความอดทนอย่างสูงและการรอคอย อาจจะช่วยให้เธอเดินผ่านออกมาได้ ”
กู้เยนเซินพยักหน้า “ ขอบคุณมากนะครับ ผมจะช่วยเธอให้ได้แน่นอนครับ ! ”