คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 355 คุณป้าลั่วลั่วหนูอยากให้คุณมาเป็นแม่ของหนู
ตอนที่ 355 คุณป้าลั่วลั่วหนูอยากให้คุณมาเป็นแม่ของหนู
ความพยายามดิ้นรนของไป๋เวยหยุดชะงักลง เมื่อเธอมองไปทางกู้เยนเซิน สายตาในตอนแรกดูตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นเฉยเมย จากนั้นสายตาก็เริ่มที่จะเย็นชาลงเรื่อยๆ ใช้แรงดึงมือออกมาจากกู้เยนเซิน หึหึ น้ำเสียงเยาะเย้ยเย็นชาดังออกมาจากริมฝีปากบางของเธอ
“คุณกู้ คุณชายกู้ การที่เราจะล้อเล่นกันอย่างนี้มันคงไม่เหมาะสม ฉันจะคิดว่าคุณไม่เคยพูดมันออกมา ส่วนคุณก็คิดซะว่าฉันไม่ได้ยินอะไรแล้วกันนะคะ ต่อไปคิดก็อย่าพูดเรื่องนี้อีก ฉันเองก็จะไม่คิดอะไรทั้งนั้น”
กู้เยนเซินอยากจะดึงมือเธอกลับมาอีกครั้ง ทว่ากลับถูกเธอหลบเลี่ยง พร้อมทั้งถอยหลังออกห่างไปอีกสองก้าว “ทำไม? คุณไม่ชอบผมเหรอ? หรือว่าคุณมีคนที่ชอบอยู่แล้ว? ”
ไป๋เวยดึงแฟ้มเอกสารออกมาเปิด ก้มหน้าลงไปมอง “คุณกู้ มีข่าวลือว่ามีสาวสวยอยู่ข้างกายคุณนับไม่ถ้วน แต่ละคนก็สวยๆ กันทั้งนั้น ทั้งสวยทั้งสดใส แล้วไหนจะอ้อมกอดจากพวกดาราอีก”
กู้เยนเซินได้ฟังน้ำเสียงของเธอก็ยิ่งรู้สึกเป็นกังวล ทว่าประวัติดำมืดนั้นมันก็เป็นเรื่องจริงของเขา เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนแปลงให้กลับมาขาวสะอาดได้ เขาเถียงอะไรไม่ออกอยู่นาน นี่นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาเลยที่เขานึกเสียใจไปกับเรื่องในอดีต เมื่อคิดไปถึงว่าเขาใช้ชีวิตเที่ยวเตร่มาตั้งหลายปี ไม่ว่าเป็นผู้หญิงแบบไหนเขาก็ล้วนเคยผ่านมาหมดแล้ว ช่วงเวลาธรรมดานั้นที่ต้องมีความสุขมาก
และกู้เยนเซินไม่เคยที่จะไตร่ตรองในเรื่องนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ เรื่องแบบนี้นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายด้วยซ้ำ
ทว่าในตอนนี้ เขาคิดอยากจะรักษาคนดีๆ เอาไว้
คนนั้นกับตัวเขาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เธออยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา และเธอก็พิเศษมาก แม้ว่าจะดูไม่ค่อยดี ทว่ากู้เยนเซินก็กล้าที่จะยอมรับว่าเขาตกหลุมรักเธอ
ความรู้สึกมันชัดเจนมาก จนเขาแน่ใจ
“ไป๋เวย ผมไม่ได้กำลังล้อคุณเล่นนะ โอเค ผมยอมรับเรื่องที่ผมเคยมีหลายใจ แต่คุณจะไม่ให้โอกาสผมหน่อยเหรอ? ผมก็เหนื่อยที่จะไปทำเรื่องแบบนั้นแล้ว โอเคไหม?”
“ไป๋เวย ดึงเอกสารเข้ามาเซ็นชื่อตัวเองโดยไม่สนใจเงยหน้าขึ้นไปมอง “คุณกู้ ออกไปอย่าลืมปิดประตูให้ฉันด้วย ขอบคุณค่ะ”
“เฮ้! ไป๋เวย คุณอย่าเป็นแบบนี้? ผมจริงจัง ผมกำลังสารภาพรักกับคุณนะ คุณจะมาไล่ส่งผมแบบนี้เหรอ? นี่คุณเป็นผู้หญิงยังไงกันแน่เนี่ย!”
ไป๋เวยเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ สบสายตากับเขา “ฉันรู้แล้ว แต่ฉันก็ปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ดังนั้นคุณกู้เชิญกลับไปได้แล้วค่ะ อีกครึ่งชั่วโมงมีประชุม เชิญไปเตรียมตัวให้พร้อมด้วยค่ะ”
“คุณ……” กู้เยนเซินขยี้ผมตัวเองอย่างโมโห เป็นเรื่องยากที่เขาจะใจเต้นกับผู้หญิงสักคน นึกไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอคนหักอก กู้เยนเซินอกหักซะแล้ว
“โอเค! คุณไม่เชื่อผมใช่ไหม? ไม่เป็นไร ผมจะพิสูจน์ให้คุณดูเอง รอเดี๋ยว”
ด้านกู้เยนเซินก็ลุกขึ้นมา หวังเค่ยเคาะประตูก่อนจะเดินเข้ามา
เมื่อทั้งคู่ได้พบกัน หลังจากเดินเฉียดกันไป กู้เยนเซินก็ได้พูดขึ้นมาว่า “หวังเค่ย เย็นนี้คุณมีธุระอะไรไหม? ถ้าไม่อะไรไปดื่มกับผมหน่อยสิ ใจผมกำลังเจ็บหนัก ต้องการการดูแล”
เมื่อหวังเค่ยได้ฟังอย่างนั้นก็ตกใจ “เย็นนี้ผมต้องไปดูลูกสาวที่โรงพยาบาลครับ ไปกับคุณไม่ได้หรอก”
กู้เยนเซินถอนหายใจออกมายาวเหยียด “ชีวิตช่างขื่นขมจริง! ทำไมชีวิตผมถึงได้ขื่นขมขนาดนี้!”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินปิดประตูออกไปเลย
ในมือของหวังเค่ยถือเอกสารไว้หลายฉบับ เขาค่อยๆ เปิดมันไปทีละหน้าเพื่ออธิบายให้ไป๋เวยเข้าใจ “ความสำเร็จของโครงการล่าสุดอยู่นี่ครับ คุณไป๋มีอะไรจะถามก็ถามผมมาได้เลยนะครับ”
ไป๋เวยพยักหน้า “คุณอธิบายชัดเจนมากค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร”
“โอเคครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปทำงานก่อน”
หวังเค่ยหมุนตัวกำลังจะเดินออก ไป๋เวยตะโกนเรียกชื่อของเขาเอาไว้ “คุณหวังคุณรอเดี๋ยวค่ะ”
หวังเค่ยหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “คุณไป๋ ยังมีอะไรอีกหรือเปล่าครับ?”
ในมือของไป๋เวยกำปากกาเอาไว้แน่น เธอกัดปากก่อนจะพูดออกมา “เอ่อ…. เรื่องอดีตภรรยาของคุณ ฉันไม่รู้ว่าควรจะบอกคุณดีไหม”
เมื่อพูดถึงอดีตภรรยา รอยยิ้มของหวังเค่ยที่ปรากฏอยู่ก่อนหน้าก็หายไปในทันที สายตาฉายแววเจ็บปวด “เธอ…. ทำไมเหรอครับ?”
ไป๋เวยครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดมันออกมา “หลังจากที่เธอแต่งงานกับพ่อของเสิ่นเหลียว ชีวิตเธอไม่ได้มีความสุขเลย เสิ่นเหลียวไม่ใช่คนดีอะไร ยิ่งพ่อของเขายิ่งแล้วใหญ่ ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงยอมแต่งงานกับคนแก่อย่างนั้น แต่ว่าตอนนี้ ฉันคิดว่าเธอคงนึกเสียใจแล้ว เสิ่นเหลียวกำลังพ่ายแพ้ ตระกูลเสิ่นเองก็กำลังแย่ลงกว่าเดิม ถ้าคุณอยากจะ…..”
“คุณไป๋ครับ” หวังเค่ยขัดจังหวะการพูดของเธอ พยายามสงบนิ่ง กำหมัดเอาไว้แน่นอย่างไม่พอใจจนเส้นเลือดที่ขมับปูดออกมา “ชะตาชีวิตระหว่างเรามันจบลงไปก่อนหน้านั้นแล้ว ผมไม่คิดจะกลับไปหาเธอ ไม่สนใจด้วยว่าเธอจะเป็นยังไงมันไม่เกี่ยวกับผม ตอนนี้ผมกับลูกสาวเรากำลังมีชีวิตที่ดี ไม่ต้องการให้เธอมารบกวน”
พูดจบหวังเค่ยก็เดินออกจากห้องทำงานไป
ไป๋เวยถอนหายใจออกมา จะผิดหวังและเสียใจหรือเปล่าที่พูดอย่างนั้นออกไป?
แต่จะเห็นได้ว่าหวังเค่ยเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว
——
โรงพยาบาลหวาเซี่ย
ลั่วหานอ่านเคสผู้ป่วยจำนวนหนึ่งเสร็จ ก่อนจะไปตรวจสุขภาพของผู้ป่วยที่อยู่ใกล้ที่สุด เมื่อกลับมาจากแผนกผู้ป่วย ก็เห็นหลินซีเหวินที่มือทั้งสองข้างถือทั้งน้ำชาและกาแฟ
ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ดวงตาทั้งสองข้างดูว่างเปล่า เล่นกับแก้วกาแฟในมือไปมาอยู่อย่างนั้น ไม่นานก็ถอนหายใจออกมา
ลั่วหานเดินไปที่ด้านหลังของเธอเบาๆ “หมอหลิน เวลาทำงานยังมาแอบขี้เกียจ ฉันควรจะจดความผิดไหมเนี่ย?”
หลินซีเหวินที่จู่ๆ ได้ยินเสียงก็ตกใจจนมือสั่น กาแฟในมือก็สาดกระเซ็นออกมาจนเธอได้รู้ว่าตอนนี้กาแฟเย็นหมดแล้ว
“หมอฉู่ คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่? ฉัน…..”
ลั่วหานหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือให้เธอ “เช็ดก่อนเถอะ….. คิดอะไรอยู่ถึงได้ตกใจขนาดนี้? ฉันเป็นเสือหรือไง?”
พูดไปพลางพาตัวเองนั่งลง ก่อนจะนวดข้อเท้าที่เหนื่อยล้าจากรองเท้าส้นสูง
หลินซีเหวินเช็ดกาแฟในมือของเธอก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เธอยกมือเท้าคางถาม “ฉันอยากจะรู้ว่า เอ่อ คุณเคยถูกคนมาสารภาพรักไหม….. เอ่อ ใช่สิ คุณต้องมีแน่ๆ เลย งั้นตอนที่คุณถูกสารภาพรักคุณรู้สึกยังไงเหรอ? อธิบายให้ฉันฟังหน่อยสิ”
ลั่วหานเคาะที่หน้าผากของเธอเบาๆ ก่อนจะฉายรอยยิ้มสดใสออกมา “หื้ม? นี่หมอหลินของพวกเราถูกคนสารภาพรักแล้วเหรอ ดังนั้นเลยสับสนอยู่อย่างนี้สินะ”
หลินซีเหวินถูกคำพูดของเธอทำให้เขินอาย เธอขยับแว่นตัวเองแก้อาการขัดเขิน “เอ่อ…. คุณที่ฉันชอบคือหมอถัง คนที่ฉันรู้สึกชอบต้องเป็นผู้ชายแบบหมอถัง…..” ขณะที่พูดเธอก็เอามือจับคางอย่างครุ่นคิด “หมอถัง สุขุมดูเป็นผู้ใหญ่ ทั้งยังสง่างาม คำพูดของเขาก็ดูอ่อนโยน ว้าย….. ผู้ชายแบบนี้เหมาะที่เลือกเป็นแฟนที่สุดเลย และหมอถังยังเป็นคนที่เก่งมากด้วยเชี่ยวชาญไปหมด คู่ของเราต้องเป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ…..”
ลั่วหานถูกท่าทางคลั่งไคล้ของเธอทำให้รู้สึกขำและตลก “เฮ้ สาวน้อย มีสติหน่อย ฉันจะบอกอะไรคุณให้นะ หมอถังเป็นคนดีมาก แต่ว่าหมอถัง เขาอายุมากกว่าคุณตั้งเท่าไหร่? คุณสมบัติยอดเยี่ยมที่คุณพึ่งกล่าวมานั้นมันเป็นเพราะกาลเวลา ผู้ชายคนหนึ่งเมื่อผ่านประสบการณ์มาแล้วความสามารถก็ต้องยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้ว ฉันถามคุณหน่อย ถ้าคุณอยากได้ชิ้นหยกมีค่าสักชิ้นที่ผ่านการเจียระไนมาแล้วหรือว่าอยากได้หยกที่ยังไม่เจียระไนเพื่อที่คุณจะเป็นคนขัดเกลามันด้วยตัวเอง เปลี่ยนให้มันเป็นไปตามอุดมคติของคุณกันล่ะ?”
หลินซีเหวินกระพริบตาปริบๆ เธอมองไปที่ลั่วหานด้วยสายตาชื่นชม ก่อนจะจับมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้แน่น “สุดยอด! สมกับที่เป็นไอดอลของฉันจริงๆ! คุณนี่เป็นผู้ชี้นำทางชีวิตให้ฉันได้เลย! ”
ลั่วหาน “…….”
หลินซีเหวินกัดฟัน “ฉันคิดว่าใช้วิธีนี้ก็ได้ แต่ว่าถ้าโม่ก้อนหินจนสุดแล้วพบว่าเขาเป็นเพียงหินก้อนหินก้อนหนึ่งล่ะ จะทำยังไงดีล่ะ?”
ถ้าเป็นคนอย่างหลงจื๋อ หลินซีเหวินกลัวว่าโม่ออกมาแล้วเขาจะไม่ได้เป็นหยกชิ้นงามน่ะสิ
“ถ้าคุณไม่ลองแล้วจะไปรู้ได้ยังไง? ความสุขของชีวิตคือการได้ทดลองทำสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ กล้าที่จะเผชิญหน้า ดังนั้น สู้ๆ นะหมอหลิน คุณจะต้องพบหยกชิ้นที่ดีกว่าหมอถังแน่นอน! ”
หลินซีเหวินหัวเราะออกมาอย่างซื่อๆ “เอ่อ…. ได้ค่ะ ฉันจะลองดู!”
หลงจื๋อ….. หมอถัง…..
โอ๊ย! ช่างแตกต่างอย่างชัดเจน! ชัดเจนเลยว่ายังห่างกันไกล! ช่างเป็นความแตกต่างที่น่าสะเทือนใจจริงๆ !
ผู้ชายอย่างหมอถังที่ดูราวกับเทพบุตร!
เจ้าเด็กหลงจื๋อที่ดูไร้ทักษะการเรียนรู้!
หลินซีเหวินมองไปที่โคมไฟระย้า แล้วก็เงียบไป….. เพื่อทำให้เขาเป็นคนระดับนั้นมันช่างดูยากเย็นจริงๆ
ในขณะที่ทั้งคู่พึ่งคุยเรื่องหินกับหยกเสร็จ โทรศัพท์จากหวาเทียนก็โทรเข้ามา
ลั่วหานกดรับสาย “มีอะไร? ”
หวาเทียนที่ไม่สามารถควบคุมน้ำเสียงตัวเองได้ ทำเสียงที่ฟังดูตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก เขาเกือบจะตะโกนใส่โทรศัพท์ “หมอฉู่! เถียนเถียนฟื้นแล้ว! ฟื้นแล้ว! ”
“อะไรนะ!! ฟื้นแล้ว?! ฉันจะรีบไป! ”
ลั่วหานและหลินซีเหวินวิ่งออกไปโดยไม่หยุดชะงัก วิ่งผ่านระเบียงทางเดินไปทางห้องผู้ป่วยหนัก!
ลั่วหานที่ยังปรับการหายใจไม่ได้ถึงกับกุมหน้าอกเอาไว้ กลืนน้ำลายเพื่อบรรเทาอาการลง เมื่อเห็นว่าเด็กสาวกำลังลืมตาคุยอยู่กับส้งชิงเซวี๋ยน รอยยิ้มที่ขาดหายไปนานก่อนหน้าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขาอย่างโล่งใจ
ฟื้นแล้ว ในที่สุดเด็กคนนี้ก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว
ส้งชิงเซวี๋ยนที่นั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย ใช้มือทำสัญลักษณ์เป็นรูปสัตว์ “เถียนเถียน นี่คือสัตว์อะไร? ”
เถียนเถียนเอียงศีรษะมองดู หลังจากนั้นดวงตาที่กำลังสั่นไหวก็เบิกตากว้าง “กระต่าย! ”
“ไอหยา! เก่งมากเลยเถียนเถียนทายถูกด้วย!”
ส้งชิงเซวี๋ยนเอ่ยชมเธออย่างโอ้อวด นั่นยิ่งทำให้เถียนเถียนหัวเราะคิกคักออกมา
“คุณปู่ นี่มันเป็นเรื่องง่ายมากเลย คุณดูหูกระต่ายข้างนี้สิ ใหญ่จัง” น้ำเสียงของเถียนเถียนนุ่มนวลมาก ฟังดูน่ารักน่าเอ็นดูเป็นพิเศษ
“งั้นเดี๋ยวปู่จะเปลี่ยนให้เถียนเถียน ดูดีๆ นะ….”
ส้งชิงเซวี๋ยนบิดนิ้วตัวเองอีกครั้ง คราวนี้รูปร่างของมันดูค่อนข้างแปลก ลั่วหานที่ยืนดูอยู่ด้านหลังก็ดูไม่ออก
เถียนเถียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นี่มัน…. สัตว์ประหลาด”
ส้งชิงเซวี๋ยนมุ่ยปาก “ทำไมถึงบอกว่าเป็นสัตว์ประหลาดล่ะ? ”
“เพราะว่ามันดูประหลาดมาก! ”
ลั่วหานและหลินซีเหวินสบสายตากันและกัน หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน
“เถียนเถียน รู้จักอาไหมคะ?”
ลั่วหานเดินด้านหน้าเตียงของเถียนเถียน พลางโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหน้าเล็กของเถียนเถียน สัมผัสอุ่นๆ จากมือจับลงที่ปลายจมูกเล็กของเธอ ก่อนจะยิ้มให้เธออย่างรักใคร่
เถียนเถียนมองไปที่ลั่วหานด้วยความอ่อนน้อมและสายตาไร้เดียงสา ครุ่นคิดอยู่สักพัก หลังจากนั้นเธอก็สูดลมหายใจพลางยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ “หนูจับคุณได้! คุณป้าคนสวย หนูจำคุณได้”
ลั่วหานตกใจ จำได้? ช่วงเวลาที่มาดูแลเธอ เถียนเถียนอยู่ในอาการโคม่า เธอจะไปจำได้อย่างไร?
“เถียนเถียนพูดโกหกไม่ได้นะคะ? ต้องพูดความจริงนะคะ” นิ้วเล็กของลั่วหานช่วยเกลี่ยปอยผมออกจากใบหน้าเล็ก สัมผัสตรงไหนก็นุ่มนิ่มไปหมด ยิ่งทำให้สายตาคนมองแทบละลาย
เถียนเถียนพยักอย่างแน่วแน่ “หนูพูดจริงนะคะ หนูจำกลิ่นบนตัวคุณได้ เป็นกลิ่นหอมจากดอกพุด ต้องเป็นคุณแน่ๆ ”
ส้งชิงเซวี๋ยนเอ่ยออกมา “เป็นอย่างนี้เองเหรอ?”
เถียนเถียนเงยหน้ามองไปที่ลั่วหาน ส่งยิ้มทางสายตา “คุณป้าคนสวย ในที่สุดหนูก็ได้เจอคุณ หนูยังจำเสียงของคุณได้ด้วย เสียงของคุณฟังดูน่าฟังจริงๆ ค่ะ”
ลั่วหานเมื่อได้ยินเสียงของเธอก็ตะลึง อดที่จะดึงเธอมากอดไม่ได้ “ เถียนเถียนเป็นเด็กดีจริงๆ! เห็นหนูฟื้นแล้วคุณป้าดีใจมากเลยค่ะ อีกเดี๋ยวคุณพ่อของหนูก็จะมาแล้ว พวกเรามาทำเซอร์ไพรส์คุณพ่อกันดีไหมคะ? ”
เถียนเถียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “โอเคค่ะ หนูจะทำตามที่คุณป้าคนสวยบอก”
ลั่วหานบีบจมูกของเธอเบาๆ “เรียกว่าคุณป้าฉู่ก็ได้ค่ะ เรียกคุณป้าคนสวยเดี๋ยวคุณป้าได้ลอยพอดี”
ส้งชิงเซวี๋ยนพูดออกมายิ้มๆ “เสี่ยวลั่วลั่ว เด็กคนนี้ชอบเธอมากเลยอ่า! ”
เมื่อเถียนเถียนได้ยินคุณปู่เรียกลั่วหานอย่างนั้น ดวงตาเฉลียวฉลาดของเธอก็กระพริบปริบๆ “หนูไม่เรียกคุณป้าคนสวยแล้วค่ะ หนูจะเรียกคุณป้าลั่วลั่ว!”
ลั่วหานถูกน้ำเสียงของเธอดึงดูดจนใจเต้น “โอเคคะ ตามใจเถียนเถียน ตอนนี้เดี๋ยวคุณป้าลั่วลั่วจะช่วยติดต่อคุณพ่อให้นะคะ”
เถียนเถียนมองไปที่นิ้วนางบนมือของลั่วหานก็ใบหน้าบูดบึ้งขึ้นมา เธอครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดออกมา “คุณป้าลั่วลั่ว คุณแต่งงานแล้ว….”
ลั่วหานลูบไปที่หัวของเด็กสาว “ใช่ค่ะ คุณป้าแต่งงานแล้ว”
เถียนเถียนถอนหายใจออกมา “งั้นก็โอเคค่ะ…. หนูอุตส่าห์คาดหวังว่าคุณป้าลั่วลั่วจะยังไม่แต่งงาน…. อยากให้คุณป้าลั่วลั่วแต่งงานกับพ่อของหนู หลังจากนั้นก็มาเป็นแม่ของเถียนเถียน! ”
“ฮ่าๆๆๆ! เด็กคนนี้!! ”
“คิดจะแย่งคนของคุณชายใหญ่หลงเหรอ! กล้ามากนะ! ”