คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 154 คนแรกที่อยากเจอเมื่อฟื้นขึ้นมา
ตอนที่ 154 คนแรกที่อยากเจอเมื่อฟื้นขึ้นมา
เธอส่ายศีรษะอย่างไร้เรี่ยวแรง ทั่วทั้งร่างกายสั่นสะท้าน
“ในปีนั้น เขาไม่ได้ทิ้งข้อมูลส่วนตัวใดๆเอาไว้ รอจนกระทั่งตอนที่ฉันถูกคนช่วยชีวิตจนฟื้นขึ้นมา เขาก็ได้จากไปแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็ไม่เคยปรากฏตัวออกมาอีก…”
เธอนึกว่าตัวเองกับชายหนุ่มคนนั้นจะเดินอย่างสง่างามไปจนสุดขอบฟ้านับตั้งแต่นั้น ไม่มีวาสนาได้พบกันอีก
ทว่าเธอตายก็คิดไม่ถึงว่า คนคนนั้นก็อยู่ที่ข้างกายของตนเอง ตลอดระยะเวลาสามปีกว่า วันเวลาที่ต่อปากต่อคำกัน วันเวลาที่ทำสงครามเย็น วันเวลาที่ถูกทิ้งอย่างกับภรรยาที่ถูกสามีทอดทิ้งก็ไม่ปาน วันเวลาที่นอนอยู่ด้วยกัน…
ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางคิดถึงได้เลยว่า ผู้ชายที่ตัวเองช่วยชีวิตเอาไว้จนนับแต่นั้นไม่สามารถหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมาได้อีก ผู้ชายที่เปลี่ยนแปลงชีวิตอาชีพของเธอ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนคนเดียวกับที่เปลี่ยนแปลงวิถีเส้นทางชีวิตของเธอ
โชคชะตาหมุนวนไปรอบๆ แทบจะเป็นวิธีการที่ประชดประชันนำพวกเขามัดรวมเข้าไว้ด้วยกัน
ฉู่ลั่วหานแหงนศีรษะขึ้น สิ่งที่เวียนวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าภายในจิตใจต่างก็กลายเป็นหยาดน้ำตา เธอพิจารณาตัวเองว่าเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง พิจารณาตัวเองว่ายืนได้ด้วยตัวคนเดียวมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่อยู่ต่อหน้าของหลงเซียว น้ำตาของเธอก็มักจะบางเบาขนาดนี้ ไม่ระวังก็ไหลทะลักลงมา
ถังจิ้นเหยียนกอดหญิงสาวที่อ่อนแอจนสุดที่จะทนเอาไว้แน่น นำศีรษะของเธอแนบลงบนอ้อมอกของตนเองด้วยความสงสารจับใจ คิดไม่ถึงว่าไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ
ปล่อยให้ร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของตนเอง รอเธอร้องจนสะใจ
“ลั่วหาน ผ่านไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะดีหรือจะร้าย ต่างก็ผ่านไปหมดแล้ว ลืมสิ่งเหล่านี้ เริ่มต้นใหม่ ให้โอกาสกับตัวเองสักครั้ง ปล่อยตัวเอง ผมไม่อยากเห็นคุณเหนื่อยขนาดนี้อีก ใช้ชีวิตดีๆ ได้ไหมครับ?”
ทุกประโยคของเขา เหมือนเป็นการอ้อนวอนขอร้อง
ดวงตาทั้งสองข้างของฉู่ลั่วหานบวมแดงอย่างสุดที่จะรับได้ ตอนนี้ได้รู้ความจริงๆ กลับยิ่งทำให้เธอใจสลายจริงๆเสียด้วยซ้ำ เธอแหงนใบหน้าที่ห่อเหี่ยวจนไม่เหลือเค้าเดิมขึ้น “ถังจิ้นเหยียน รอหลงเซียวฟื้นขึ้นมา ฉันค่อยดูเขาเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็จะไปจากที่นี่ ไปจากที่นี่ตลอดกาล”
พูดจบ เธอก็หลับตาลง ราวกับลูกโป่งที่ถูกล้วงเอาพลังงานสูบเอาอากาศออกจนหมด เหี่ยวเฉาอยู่ในอ้อมแขนของเขาโดยสมบูรณ์แบบ
รอบดวงตาของถังจิ้นเหยียนเจ็บปวดด้วยความแสบร้อน น้ำตาเอ่อล้นออกมา ฝ่ามือที่อบอุ่นแข็งแรงประคองแผ่นหลังของเธอเอาไว้ “ครับ ไปจากที่นี่ตลอดกาล ไปในที่ๆไม่มีใครทำร้ายได้อีก เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
นำหญิงสาวที่อ่อนปวกเปียกไปทั่วทั้งตัววางกลับลงบนเตียงใหม่อีกครั้ง ใส่สายน้ำเกลือให้กับเธอ กำชับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “ฉู่ลั่วหาน คุณเป็นผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่ง อย่าทำเรื่องโง่ๆอีก แล้วก็ไม่ต้องทรมานตัวเองอีกต่อไปแล้ว”
คุณทรมานตัวเอง ที่เจ็บไม่ใช่แค่ตัวเอง รู้หรือเปล่า?
ฉู่ลั่วหานหลับตาเอาไว้ ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เรี่ยวแรงทั้งหมดของเธอต่างก็ใช้ไปจนหมดแล้ว
ตอนนี้ปิดตาลง ภาพสโลว์โมชั่นและภาพการเคลื่อนไหวเร็วเปลี่ยนสลับกันไปมาภายในสมอง คิดย้อนถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องผ่าตัดเมื่อห้าปีก่อนอย่างบ้าคลั่ง
มีดผ่าตัดแทงลงบนฝ่ามือข้างขวาของเธอในแนวนอน…เลือดที่พรั่งพรูออกมา…ชีวิตที่กำลังจะตายของคนไข้…ความดันหัวใจที่ลดต่ำลงไม่หยุดบนมอนิเตอร์…ข้างใบหูมีคนพูดโน้มน้าวให้ยอมแพ้ไม่หยุด…มีคนตะโกนด่าเธอ พยายามต่อไปก็จะเสียมือไปแล้ว…
มีเพียงเธอแค่คนเดียวที่พยายามจะทำการผ่าตัดให้เสร็จ ถึงแม้ไม่มีคนสนับสนุน เธอก็ทุ่มสุดชีวิตที่จะพยายาม
ในเวลานั้น เป็นพลังอะไรกันแน่ที่ทำให้เธอไม่หยุดไม่สนใจอะไรทั้งนั้นจะต้องช่วยชีวิตคนขึ้นมาให้ได้? เป็นพลังอะไรกันแน่?
เพราะว่ายังเด็กเกินไปไม่อยากยอมแพ้งั้นหรอ?
เพราะว่าไม่อาจคนเห็นคนสูญเสียชีวิตไปงั้นหรอ?
เธอพูดไม่ออก แต่เธอไม่อยากให้คนคนนี้ตาย
ในความเคลิบเคลิ้ม ในที่สุดฉู่ลั่วหานก็ตกสู่นิทรา
เห็นเธอนอนหลับ ถังจิ้นเหยียนก็สูดหายใจเข้าเต็มปอด นิ้วมือที่เรียวยาวไล่ไปตามเส้นผมที่อยู่บนหน้าผากของเธอ ถึงได้พบว่าบนหน้าผากของเธอได้ซึมไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ละเอียด
เขาหยิบผ้าขนหนูที่สะอาดขึ้นมาผืนหนึ่งเช็ดเหงื่อให้กับเธอ นิ้วมือไล่ไปตามหน้าผากแก้มของเธอลงไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่บนหน้าผาก เหงื่อที่อยู่ในซอกคอก็กำลังลุกลามไปอย่างช้าๆ
เพียงแต่ นิ้วมือหยุดชะงักที่บนซอกคอของเธอ กลับไม่กล้าที่จะไปต่อ ได้แต่นำผ้าขนหนูรองไว้ที่ด้านล่างลำคอของเธอ ซับเอาไว้ จุดที่ปกคอเสื้อเปิดออกเล็กน้อย มองเห็นสายรัดสีขาวอย่างเลือนราง
ใจของถังจิ้นเหยียนสั่นเล็กน้อย ตอนที่เธอมาหาเขากลางดึกช่วงหน้าอกมีรอยเลือด จุดที่เป็นแผลก็อยู่ประมาณบริเวณหน้าอก
เพียงแต่เขาคิดไม่ออก ทำไมเธอถึงได้บาดเจ็บมาถึงตรงนี้?
หลับคราวนี้ เพราะว่าเหนื่อยมากเกินไป ดังนั้นเวลาในการนอนหลับยาวนานมาก หญิงสาวอยู่ในความฝันแทบจะไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีก เธออยากหลับต่อไปตลอดกาล
เพราะว่าในความฝัน มีหลงเซียว
ในความฝัน เธอกลับไปถึงตอนที่เจอกับหลงเซียวอย่างเป็นทางการครั้งแรกอีกครั้ง เธอโน้มตัวฟังเสียงการเต้นของหัวใจของเขา เขายิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย
เนิ่นนานขนาดนั้น สวยงามขนาดนั้น
ฝันมาถึงตรงนี้ ฉู่ลั่วหานที่อยู่ในการนอนหลับสนิทมีน้ำตาทะลักออกมาจากบริเวณหางตา
ห้องผู้ป่วยพิเศษ
หลังพระอาทิตย์ตกก่อนที่ฟ้าจะมืด ในที่สุดหลงเซียวก็ฟื้นขึ้นมาจากอาการหมดสติ
ในระหว่างที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น เขาร้องเรียก“ลั่วหาน”ออกมาคำหนึ่งอย่างเลือนราง แต่คนที่กุมมือเขาเอาไว้อยู่นั้น กลับเป็นโม่หรูเฟยและหยวนชูเฟิน
หยวนชูเฟินดีใจจนน้ำตาไหลออกมา “เซียวเอ๋อ ในที่สุดลูกก็ฟื้น ลูกทำแม่ตกใจจะแย่”
โม่หรูเฟยเช็ดน้ำตาที่อยู่บริเวณปลายหางตาออก “พี่เซียว พวกเราต่างก็เป็นห่วงพี่มาก พี่ฟื้นขึ้นมาช่างดีมากจริงๆ”
หลงเซียวพยายามหมุนคอมองไปรอบๆห้อง แต่เขาไม่เห็นเงาร่างของคนที่ตัวเองคิดถึง
“เซียวเอ๋อ ลูกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? แม่ให้หมอเข้ามา” หยวนชูเฟินเช็ดน้ำตาที่อยู่บนใบหน้า ลุกขึ้นจะไปสั่งคนให้ไปหาหมอ
นิ้วมือของหลงเซียวดึงเข้ามาเบาๆ หยุดยั้งการเคลื่อนไหวของเธอเอาไว้ “ลั่วหานล่ะครับ? ผมต้องการพบเธอ”
โม่หรูเฟยกัดฟันอย่างเงียบๆ แต่กลับไม่กล้าส่งเสียง
ลูกชายเพิ่งจะฟื้น หมอบอกว่าไม่อาจรับแรงกระตุ้นได้ หยวนชูเฟินก็ไม่ได้พูดจนไม่น่าฟังมากเกินไป แต่โทนเสียงไม่พอใจอย่างชัดเจน “แม่ก็หวังเหมือนกันว่าเธอจะสามารถเป็นเหมือนกับภรรยาคอยอยู่ที่ข้างกายของลูก แต่ลูกดูสิ ลูกต่างก็เป็นแบบนี้แล้ว เธอแม้แต่เงาก็มองไม่เห็น ยังคงเป็นหรูเฟยที่รู้เรื่องรู้ราว ตัวเองเป็นคนท้อง ยังได้รับบาดเจ็บ ยังจะยืนกรานเฝ้าลูกอยู่ที่นี่ทั้งวัน”
หลงเซียวไม่อยากได้ยินสิ่งเหล่านี้ ขมวดคิ้วขึ้น สะบัดมือของโม่หรูเฟยออก มองยังไม่มองเธอเลยแม้แต่น้อย “ออกไปเถอะ ผมอยากอยู่เงียบๆ”
หยวนชูเฟินกับโม่หรูเฟยอยู่ใกล้ที่สุด บนโซฟาที่อยู่ด้านหลังยังมีหลงจื๋อกับกู้เยนเซิน จี้ตงหมิงต่างๆนั่งอยู่
เขาบอกว่าเขาอยากอยู่เงียบๆ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากได้ยินเสียงของผู้หญิง
หยวนชูเฟินพยักหน้า “ได้จ้ะ แม่ออกไปก่อน ลูกมีอะไรต้องการบอกผู้ช่วยหลี่ เยนเซินก็อยู่”
เพียงคนเดียว ไม่เอ่ยถึงหลงจื๋อสักคำ
โม่หรูเฟยยังคงอาลัยอาวรณ์ที่จะจาก ยื่นมือออกไปจัดการเส้นผมที่อยู่บนหน้าผากให้กับหลงเซียว หลงเซียวเอียงศีรษะ หลีกเลี่ยงมือของเธอออกด้วยความรังเกียจ “ออกไป”
สองคำที่ไม่ได้โมโหแต่กลับแฝงไปด้วยความน่าเกรงขามพูดออกมาจากปากของหลงเซียว ความรังเกียจที่มีต่อโม่หรูเฟย ไม่ต้องมีคำบรรยายที่โอเวอร์อะไรอีกจริงๆ
ผู้หญิงสองคนต่างคนต่างความคิดออกไปจากห้องผู้ป่วย คนหนึ่งปีติยินดี ส่วนอีกคนกำลังวางแผนการร้าย
ภายในห้อง
หลงจื๋อและคนต่างๆเดินเข้าไป เห็นคนฟื้นขึ้นมาก็วางใจลง
กู้เยนเซินลูบจมูกของตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์ “ผมว่านะคุณท่านหลง คุณท่านมีอะไรที่คิดไม่ตกจนคิดไม่ถึงว่าจะไปชนต้นไม้ คำนึงถึงความรู้สึกของต้นไม้ใหญ่บ้างหรือเปล่าครับ?”
กู้เยนเซินกำลังเตรียมตัวบินกลับอเมริกา พอได้ยินข่าวของหลงเซียวก็แคนเซิลเที่ยวบิน จากนั้นถึงได้รีบร้อนเข้ามา
ใบหน้าทั้งสองข้างของหลงจื๋อถูกตบจนยังไม่หายบวม ท่าทางค่อนข้างน่าสังเวชใจ “พี่ใหญ่ พี่คราวนี้ก่อเรื่องไปไม่เบาจริงๆ ที่บ้านต่างก็อยู่กันไม่เป็นสุขแล้ว พี่ต้องรีบอาการดีขึ้นมาเก็บกวาด ผมไม่ช่วยพี่หรอกนะ”
หลงเซียวยื่นมือดึงหน้ากากออกซิเจนออก บนใบหน้าที่ซีดเผือดไม่มีสีเลือด ดวงตาที่ล้ำลึกหลังจากผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ดูเหมือนได้ฝังเข้าไปด้านในรอบดวงตา ยิ่งล้ำลึกจนไม่อาจจะคาดเดาได้ ยิ่งเป็นมิติมากขึ้นเรื่อยๆ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? หน้าแกไปโดนอะไรมา?”
หลงจื๋อแทบจะซาบซึ้งจนน้ำตาไหล พี่ใหญ่ต่างเป็นสภาพแบบนี้แล้วคิดไม่ถึงว่ายังมีอารมณ์เป็นห่วงใบหน้าของเขา “ผมไม่เป็นไร แต่พี่สะใภ้ใหญ่…”
จี้ตงหมิงกระทุ้งข้อศอกของเขา บอกเป็นนัยให้เขาอย่าพูดถึงเรื่องของฉู่ลั่วหานในเวลานี้
ดวงตาของหลงเซียวออกแรงหรี่ลงเล็กน้อย “เธอเป็นยังไงบ้าง? เธออยู่ที่ไหน?”
ก่อนหน้าที่จะหมดสติ เธอถูกเขากัดจนเป็นแผล ต่อมาฝนตกหนัก เธอจะไปที่ไหนได้?
หลงจื๋อกลืนน้ำลายลงไป ท่าทีไม่จริงจังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง “เธอจะมีเรื่องอะไรได้? พี่สะใภ้ใหญ่ของผมองอาจห้าวหาญขนาดนั้น ใครจะสามารถทำอะไรเธอได้? เธอมีธุระนิดหน่อย อีกสักครู่ก็มาแล้ว”
ได้ฟังมาถึงตรงนี้ หัวคิ้วของหลงเซียวก็ถือว่าผ่อนคลายลงไปเล็กน้อย
จากนั้นมองไปทางจี้ตงหมิง “บริษัททางนั้นล่ะ?”
จี้ตงหมิงรายงานตามความเป็นจริง “ตอนที่คุณไม่ได้สติ NCถือโอกาสตอนที่วุ่นวายก่อโจรกรรม วางแผนหวนกลับมามีอำนาจใหม่อีกครั้งโจมตีMBKอย่างรุนแรง ดีที่เมื่อก่อนคุณเสนอแผนการรับมือล่วงหน้าออกมา เพียงแต่ไม่ได้เซ็นชื่อ ตอนที่ผมมาหาคุณคุณกำลังไม่ได้สติอยู่ คุณหญิงเซ็นชื่อแทน ผมถึงมีสิทธิ์ในการดำเนินการ โชคดีเป็นอย่างมาก สงครามนี้พวกเราสู้ชนะแล้ว”
ความรู้สึกที่อยู่บนใบหน้าของจี้ตงหมิงผ่อนคลายลงไปไม่น้อย ข่าวดีนี้จะต้องทำให้บอสอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อยได้แน่ล่ะมั้ง?
แต่จุดสนใจของหลงเซียวกลับไม่ได้อยู่ที่สู้ชนะหรือไม่เลยแม้แต่น้อย แต่ย้อนริมฝีปากถามกลับไปโดยตรง “คุณบอกว่าลั่วหานเซ็นชื่อ?”
จี้ตงหมิงพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “คุณหญิงในเวลานั้นพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า เธอเซ็นชื่อ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเธอก็จะแบกรับความรับผิดชอบ คุณหญิงช่าง…เผด็จการจริงๆ!”
หลงจื๋อลูบปลายจมูก “คุณพูดว่าอะไรนะ!”
หลงเซียวเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “แกหุบปาก”
ก็ได้ หลงจื๋อหุบปากอย่างเชื่อฟัง
กู้เยนเซินเอ่ยขึ้นอย่างขำๆ “ตอนนี้แกฟื้นแล้ว ฉันก็วางใจบินกลับอเมริกาได้ หากไม่กลับไปอีก คุณท่านของตระกูลพวกฉันก็จะคลุ้มคลั่งแล้วเช่นเดียวกัน”
หลงเซียวกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด “เรื่องที่ฉันให้แกตรวจสอบ ตรวจสอบพบแล้วหรือยัง? ตรวจสอบไม่พบ ไม่อนุญาตให้กลับไป พ่อของแกทางนั้นฉันจะอธิบายด้วยตัวเอง แต่เรื่องของฉัน แกจำเป็นต้องตรวจสอบให้ชัดเจน”
WTF!มีที่เผด็จการขนาดนี้ด้วยหรอ?
ก็ได้ มีจริงๆ อีกทั้งเป็นคนที่เขาไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้
“สามปีกว่าแล้ว ไม่ง่ายเลย” กู้เยนเซินถอนหายใจยาวออกมา อารมณ์ไม่ค่อยจะสวยงามนัก
…
“พี่คะ หลงเซียวฟื้นขึ้นมาแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุด ฉันจะต้องรีบจัดการฉู่ลั่วหานนังผู้หญิงสารเลวคนนี้ให้ได้ก่อนที่เขาจะฟื้นตัวขึ้นมา”
ร้านกาแฟโอเซี่ยง ที่นั่งโซฟาบริเวณมุมทางเลี้ยว เกาหยิ่งจือกับโม่หรูเฟยนั่งหันหน้าเข้าหากัน
เกาหยิ่งจือพยักหน้า “ฉันจะเตรียมความพร้อม ลดอันตรายที่มีต่อเธอให้น้อยที่สุด แผนกสูติ-นรีเวชของโรงพยาบาลทางนี้เป็นสถานที่รวมตัวกันของหมอไพ่ใบเอกในเมืองหลวง รับประกันได้อย่างแน่ใจว่าเธอจะปลอดภัย”
โม่หรูเฟยจิบกาแฟเข้าไปคำหนึ่ง ดวงตาที่พรรณนาอย่างประณีตส่องสะท้อนประกายที่เหี้ยมโหดออกมา “ฉู่ลั่วหานนังผู้หญิงสารเลวคนนั้นอยู่ที่ไหนคะ?”
เกาหยิ่งจือบีบแก้วกาแฟแน่น ไฟโกรธที่อยู่ในใจพุ่งตรงมาถึงกะโหลก แทบจะพุ่งทะลุกระดูกบนจุดสูงสุดของศีรษะระเบิดออกเป็นหลุมดำใหญ่
“มันอยู่ที่โรงพยาบาล อยู่ในห้องพักผ่อนของถังจิ้นเหยียน!” ทีละคำทีละประโยค ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เธอตอนนี้แทบอยากจะกระชากฉู่ลั่วหานออกมาจากห้องของถังจิ้นเหยียน ผลักให้ตกตึก!
โม่หรูเฟยยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น “งั้นก็ช่างดีจริงๆเลยค่ะพี่ ตอนนี้ก็คือเวลาที่ดีที่สุด” เธอวางแก้วลง ยืดครึ่งตัวบนแล้วเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆว่า “ยังมีเรื่องอะไร ที่มีแรงจูงใจยิ่งไปกว่า…ถูกคนจับชู้บนเตียงได้ อับอายจนกลายเป็นความโกรธพยายามที่จะฆ่าคนล่ะคะ?”
ดวงตาของเกาหยิ่งจือหดตัวลงเล็กน้อย สุดท้ายแสงความน่ากลัวที่รวบรัดก็เอ่อล้นออกมา “เฟยเฟย เธอนับวันยิ่งฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆ”
โม่หรูเฟยอุทานเบาๆออกมา “ฉู่ลั่วหานหนึ่งวันไม่ไป ฉันก็หนึ่งวันไม่สงบสุข หยวนชูเฟินเพิ่งจะไปที่โรงพยาบาล คืนนี้เธอเห็นหลานของตัวเองถูกคนที่ตัวเองเกลียดมากที่สุดทำร้ายจนตายกับตา…หึ ฉันรอคอยมากว่าเธอจะมีการตอบสนองยังไง”