คุณหลง อย่าหยิ่งยโสเกินไป - ตอนที่ 1162 เกิดเรื่องใหญ่ก็อย่าได้เรียกหาฉัน
ตอนที่ 1162 เกิดเรื่องใหญ่ก็อย่าได้เรียกหาฉัน
ส้งชิงเซวี๋ยนเดินออกจากลิฟต์อย่างรวดเร็วเหมือนกับกำลังโผบิน แต่เมื่อถึงหน้าประตูห้องผู้ป่วยของถังจงรุ่ยกลับลดฝีเท้าช้าลง อีกอย่างยังเดินยิ่งช้าลงด้วย จนสุดท้ายหยุดฝีเท้าลง
"ศาสตราจารย์ส้ง"
เมื่อได้ยินเสียงของถังจิ้นเหยียนจากข้างหลัง ส้งชิงเซวี๋ยนที่ในหัวสมองกำลังปั่นป่วน ในที่สุดก็สงบนิ่งลง แล้วกลับมาสู่โลกแห่งความจริง
"อืม มาเยี่ยมคุณพ่อของคุณหรอ?"
ถึงแม้มีอคติต่อถังจงรุ่ยเป็นอย่างมาก แต่ถังจิ้นเหยียนเป็นเพียงแค่เด็กดีคนหนึ่ง นับตั้งแต่รู้จักกับเขามา ส้งชิงเซวี๋ยนเห็นอุปนิสัยที่หายากจากบนตัวเขาเยอะมาก และพฤติกรรมที่เขาแสดงต่อคนอื่นก็แทบไม่มีที่ติเตียนเลย
แต่ความเป็นจริงแล้ว เขาเป็นคนที่อยากเกลียดมาก แต่ก็เกลียดไม่ลง
ถังจิ้นเหยียนก้มหน้าเล็กน้อยด้วยความเคารพ "ครับ เขาเพิ่งย้ายมาอยู่โรงพยาบาลหวาเซี่ย ร่างกายคงยังปรับตัวไม่ค่อยได้ ผมเป็นกังวลว่าเขากินอาหารไม่ลง เลยมาเยี่ยมสักหน่อย"
ส้งชิงเซวี๋ยนแกล้งทำเป็นกระแอมสองที
"แบบนี้นี่เอง….ดีแล้ว เชิญเข้าไปเถอะ"
เขาช่างไม่ได้เรื่องจริงๆ คำพูดที่คิดอยากพูดก่อนเจอถังจิ้นเหยียนก่อนหน้านี้ ในตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะลืมหมดแล้ว และคิดอะไรไม่ออกเลยสักอย่างด้วย!
ควรทำให้ถังจงรุ่ยลำบากสักหน่อย ทำให้เขาได้รู้จักทบทวนความผิดของตัวเอง และจะไม่ช่วยเหลือเขาในตอนนี้ทันที!
แต่…..เมื่อเห็นถังจิ้นเหยียน ส้งชิงเซวี๋ยนกลับรู้สึกโกรธไม่ออก
ถังจิ้นเหยียนเพิ่งกลับมาจากแผนกหัวใจ หลังจากที่เขาได้ยินว่าถังซิงเซวี๋ยนมาโรงพยาบาลนี้ ก็รีบวางมือจากการทำงานทั้งหมดมาเยี่ยม แต่เมื่อมาถึงเพิ่งรู้ว่าส้งชิงเซวี๋ยนไปห้องผู้ป่วยแล้ว เลยรีบเดินตามมาคิดอยากกล่าวขอบคุณกับเขา
"ศาสตราจารย์ส้งครับ คุณยินยอมกลับประเทศเพื่อรักษาพ่อของผม ผมไม่รู้เลยว่าควรขอบคุณคุณยังไงดี ศาสตราจารย์ส้งเป็นคนมีเมตตามีคุณธรรม เป็นผู้อาวุโสที่ผมเคารพนับถือมาโดยตลอด และเป็นเพื่อนร่วมอาชีพที่ผมเลื่อมใสที่สุดด้วย คุณสามารถยืนอยู่ตรงนี้ถือเป็นเกียรติต่อผมมาก และเป็นเกียรติต่อพ่อของผมด้วย ผมอยากเป็นตัวแทนของพ่อขอบคุณคุณอีกครั้งนะครับ"
ถังจิ้นเหยียนพูดด้วยความจริงใจ ซึ่งสายตาที่ซื่อตรงและซาบซึ้งใจทำให้ส้งชิงเซวี๋ยนรู้สึกประทับใจไม่น้อยเลย
หากคำพูดเหล่านี้เป็นคนอื่นพูด บางทีส้งซิงเซวียนอาจจะรู้สึกว่าปลอมก็ได้ แต่เขารู้จักนิสัยของถังจิ้นเหยียนเป็นอย่างดี ดังนั้นหากเขากล้าพูดแบบนี้ก็เท่ากับยอมรับในตัวเขาอย่างไม่มีข้อคัดค้าน
ส้งชิงเซวี๋ยนไม่เพียงโกรธไม่ลง แต่ยังพูดปลอบโยนว่า "เอาล่ะ เอาล่ะ คำพูดไร้สาระแบบนี้ ฉันฟังมาเยอะแล้ว!"
ถังจงรุ่ยคนๆนี้ ทำไมถึงมีลูกชายดีขนาดนี้!
ช่างน่าแปลกใจจริงๆ
ถังจิ้นเหยียนพยักหน้าอย่างมีมารยาทเล็กน้อย แล้วผลักเปิดประตู จากนั้นตัวเองยืนอยู่ข้างประตู พร้อมยื่นมือทำท่าเชิญ "ศาสตราจารย์ส้งครับ เชิญครับ"
ส้งชิงเซวี๋ยนเอามือข้างหนึ่งไว้ข้างหลัง ส่วนอีกมือข้างหนึ่งลูบเครา แล้วเดินเข้าประตู
ถังจงรุ่ยนอนพิงอยู่บนเตียง หลังจากทรมานกับความเจ็บปวดของโรคเป็นเวลานาน ใบหน้าของเขามีสีหน้าอ่อนล้า ร่างกายผอมซูบ ริมฝีปากขาวซีดไม่มีรอยเลือด และหัวหงอกทั้งหัว
เมื่อเห็นถังจงรุ่ย ส้งชิงเซวี๋ยนก็รู้สึกเวทนาอย่างมาก แต่คนที่อยู่เบื้องหน้าของเขายังไม่สามารถพูดคุยได้ชั่วคราว และไม่สามารถนั่งหวนนึกถึงความทรงจำในอดีตในตอนนั้นด้วย ดังนั้นเรื่องราวมากมายมีเพียงเขาที่หวนนึกถึงคนเดียว
แทบไม่มีรสชาติของชีวิตเลย
เมื่อภรรยาของคุณถังเห็นส้งชิงเซวี๋ยนก็รีบลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้ามากล่าวทักทายอย่างอบอุ่น "ศาสตราจารย์ส้ง สวัสดีค่ะ……เมื่อก่อนเคยได้ยินจิ้นเหยียนพูดถึงคุณบ่อยๆ จิ้นเหยียนเขาเคารพคุณมาก ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบตัวจริงกันสักทีนะคะ"
เมื่อได้ยินภรรยาของเพื่อนสนิทเมื่อก่อนเรียกตัวเองว่า"คุณ" แถมพูดด้วยความเคารพ ส้งชิงเซวี๋ยนก็เกือบรู้สึกลำบากใจ
ดังนั้นเลยเผยสีหน้าเมินเฉยขึ้น "ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ––ผมขอตรวจอาการเขาหน่อยนะครับ"
แทบไม่รู้เลยว่าต้องทักทายกับภรรยาของถังจงรุ่ยอย่างไร และไม่อยากผูกมิตรไมตรีด้วย ดังนั้นส้งชิงเซวี๋ยนจึงเลือกเปลี่ยนเรื่องและรีบทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จ
ขณะที่ส้งชิงเซวี๋ยนช่วยตรวจชีพจรของถังจงรุ่ยอยู่นั้น ภรรยาของคุณถังก็จับมือของลูกชาย แล้วลากเขาถอยหลังไปสองก้าว
"จิ้นเหยียน ศาสตราจารย์ส้งกับพ่อของลูกมีความแค้นต่อกัน แม่…กังวลว่าเขาไม่ยอมให้อภัยพ่อ หรือ….แม่ควรขอโทษเรื่องในอดีตกับเขาดี?
ภรรยาคุณถังรู้เรื่องในตอนนั้นแล้ว ดังนั้นไม่ว่าส้งชิงเซวี๋ยนจะเกลียดสามีของเธอยังไง เธอก็เข้าใจ เพราะหากมองในมุมมองของส้งชิงเซวี๋ยนแล้ว หากเป็นเธอคงไม่เดินเข้าประตูมาช่วยเขาแน่
ส้งชิงเซวี๋ยนช่างมีเมตตาเหลือล้นจริงๆ
ถังจิ้นเหยียนตบลงบนหลังมือของเธอ แล้วพูดปลอบใจว่า "ศาสตราจารย์ส้งไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกครับ ให้เขารักษาเถอะครับ"
ส้งชิงเซวี๋ยนเป็นคนหูดีมาก เขาได้ยินบทสนทนาของพวกเขาหมดแล้ว "ผมคิดค่ารักษาสูงมากนะครับ ดังนั้นพวกคุณช่วยเตรียมเงินสดให้เรียบร้อยด้วย"
จู่ๆเขาก็พูดถึงเรื่องเงินขึ้น ทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดเมื่อกี้เริ่มผ่อนคลายลงมาก ภรรยาคุณถังจิ้นเหยียนออกปากตอบรับพร้อมกัน "ครับ/ค่ะ ศาสตราจารย์ส้ง!"
ส้งชิงเซวี๋ยนถอนหายใจเบาๆ เขาใจอ่อนอย่างที่คาดคิด ในชั่วชีวิตนี้คงไม่มีโอกาสเป็นคนเลวแล้ว
หลังจากถังจิ้นเหยียนตรวจเสร็จ ลั่วหานกับหลินซีเหวินก็ปรากฏตัวทันเวลา"พอดี" ภายในห้องผู้ป่วยมีคุณหมอเพิ่มขึ้นอีกไม่กี่คน และบรรยากาศก็ไม่เหมือนเมื่อกี้แล้ว
"ศาสตราจารย์ส้ง คนไข้เป็นไงบ้างคะ?" ลั่วหานเดินเข้ามาซักถาม
ขณะเดียวกันก็เห็นใบหน้าเขียวคล้ำของส้งชิงเซวี๋ยนที่เหมือนกับกำลังเก็บกดบางอย่างอยู่
ส้งชิงเซวี๋ยนยื่นแฟ้มประวัติที่เขียนเสร็จเรียบร้อยแล้วให้กับลั่วหาน "เออ ลั่วหาน ฉันรู้สึกเหนื่อย ฝากพวกเธอดูแลที่นี่ต่อด้วยนะ ฉันขอกลับไปนอนสักหน่อย และต่อให้มีเรื่องใหญ่ก็อย่าได้มาเรียกฉัน"
นับว่าลั่วลั่วมาช่วยเขาทันเวลาสำคัญ ไม่เช่นนั้นเขาคงอึดอัดใจมากไม่รู้ว่าจะพูดอธิบายต่อพวกเขายังไง
ลั่วหานจะไม่เข้าใจความรู้สึกของเขาได้ยังไง
เขาไม่อยากจัดการความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเท่านั้น เลยตั้งใจซักถามเขาว่า "ตอนกินข้าวก็ไม่ต้องเรียกคุณหรอ? หากตอนกินข้าวไม่ต้องเรียกละก็ อาหารเที่ยงก็ประหยัดกล่องหนึ่งแล้วสิ"
เมื่อได้ยินเธอซักถามแบบนี้ ภายในห้องก็มีเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้น
"หืมหืม! พูดแบบนี้ได้ยังไง คนนะไม่ใช่เครื่องจักร หากไม่กินข้าวมื้อหนึ่งคงหิวไม่เป็นสุขแน่ ดังนั้นตอนเวลากินข้าวต้องเรียก! อาหารเที่ยงขอปลา หรือไม่ก็ขอกุ้งมังกรสองตัวให้กับฉันด้วย"
ส้งชิงเซวี๋ยนเงยหน้าขึ้น หลังจากสั่งอาหารเสร็จก็เดินจากไปทันที
ลั่วหานกับหลินซีเหวินหัวเราะดังลั่น จนทำลายบรรยากาศน่าอึดอัดทั้งหมด ภรรยาของคุณถังที่เป็นกังวลก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น และรู้สึกประทับใจต่อคุณหมอสวยที่อยู่เบื้องหน้านี้มาก ด้วย
แน่นอนว่าเธอรู้จักคุณหมอฉู่คนนี้ นั่นคือผู้หญิงที่ทำให้ลูกชายของเขาหวั่นไหวในตอนนั้น
เวลาห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว การตรวจสอบของบริษัทหลันเทียนทำให้กลายเป็นหัวข้อข่าวประเด็นร้อนอีกครั้ง
ราคาตลาดทรัพย์ปิดห้าวันเต็ม ซึ่งส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจขาดทุนอย่างมหาศาลมาก แต่ตู้หลิงเซวียนกลับไม่ยอมเปิดเผยอย่างยุติธรรม
ณ ห้องทำงานตึกMBK
หลงเซียวมองดูราคาตลาดหุ้นบนม่านหน้าจออย่างนิ่งเงียบ
ตู้หลิงเซวียนไม่มีการเคลื่อนไหว ตกลงเขากำลังวางแผนอะไรอยู่?
หรือว่าเขาต้องการตัดเนื้อเน่าทิ้งหรอ?
"เจ้านายครับ เมื่อกี้ได้รับข่าวมาว่าตู้หลิงเซวียนอยู่ประเทศจีนครับ โดยขึ้นเครื่องบินตอนเก้าโมงเช้าของวันนี้ แล้วลงที่สนามบินไปเรือนจำทันที" หลังจากจี้ตงหมิงเดินเข้ามาก็รีบรายงานข่าวความเคลื่อนไหวของตู้หลิงเซวียนทันที
"ห่ะ? เรือนจำหรอ?"
หลงเซียวขมวดคิ้ว แล้วครุ่นคิดถึงสถานที่นี้สักพัก
"ใช่ครับ เป็นเรือนจำ ต้องการให้ผมติดต่อคุณตำรวจเจิ้งเพื่อสอบถามสถานการณ์ไหมครับ?"
เขาไปเรือนจำ มีเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นคือไปเยี่ยมเจิ้งซินกับเจิ้งเฉิงหลิน แต่ด้วยนิสัยเห็นแก่ตัวอย่างตู้หลิงเซวียนคงไม่ได้ไปเชื่อมสัมพันธ์มิตรหรอก แต่ไปรบกวนเจิ้งซินมากกว่า?
จี้ตงหมิงก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ปากถูกปิดไว้อย่างแน่น รอคำตอบจากเจ้านาย
หลงเซียวเคาะโต๊ะเบาๆตามจังหวะ "นับตั้งแต่เจิ้งซินเข้าคุก ตู้หลิงเซวียนไม่เคยไปเยี่ยมเลยสักครั้ง แต่มอบให้ทนายเป็นคนดำเนินการเรื่องทั้งหมด การกระทำของเขาเหมือนกับต้องการตัดขาดความสัมพันธ์กับเจิ้งซิน แถมต้องการหย่าด้วย แต่จู่ๆวันนี้กลับไปเยี่ยมเจิ้งซิน….."
พฤติกรรมของเขาทำให้หลงเซียวต้องคาดคะเน
"เจ้านาย หรือว่าเขาต้องการปิดปากเจิ้งซินครับ?"
จี้ตงหมิงครุ่นคิดอยู่ คนอย่างตู้หลิงเซวียนเป็นคนลงมืออย่างไร้ปรานี ดังนั้นการทิ้งเจิ้งซินไว้ในคุก เขาคงไม่วางใจแน่
หลงเซียวกลับส่ายหน้า "ไม่หรอก ถ้าหากตู้หลิงเซวียนอยากฆ่าปิดปากเจิ้งซินคงไม่ปล่อยเธอมีชีวิตถึงตอนนี้หรอก ฉันคิดว่าเจิ้งซินต้องกำความลับบางอย่างแน่"
หรือว่าจู่ๆเจิ้งซินป่วยหรอ?
เป็นไปได้หรอ?
ขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน แอนดี้ก็เคาะประตูสองที "คณะกรรมการผู้บริหารค่ะ คุณตำรวจเจิ้งมาแล้วค่ะ เขารออยู่ห้องรับแขกข้างล่าง"
จี้ตงหมิงสบตากับหลงเซียว โดยไม่ยิ้มและพูดอะไร
มาได้ทันเวลาจริงๆ
"ให้เธอขึ้นมา"
เจิ้งซิ่วหยาไม่ได้มาบริษัทMBKด้วยตัวเองนานมากแล้ว ดังนั้นเลยรู้สึกคิดถึงที่นี่บ้าง
หลังจากเดินเข้ามาก็ไม่เกรงใจวางกุญแจรถยนต์ แล้วเดินหาเก้าอี้ที่สบายนั่งลง "หลงเซียว ทำไมคุณถึงไม่ปรับปรุงห้องทำงานของคุณใหม่บ้าง ยังจัดตกแต่งห้องเหมือนเมื่อก่อนเลย ไม่มีความสดใหม่เลย!"
หลงเซียวถือแก้วกาแฟขึ้น "คุณตำรวจเจิ้งมีคำแนะนำอะไรไหมครับ?"
เจิ้งซิ่วหยายกขาข้างหนึ่งนั่งไขว้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย "ด้านการตกแต่งห้องฉันไม่ค่อยมีความรู้หรอก แต่ฉันรู้ในสิ่งที่คุณไม่รู้"
หลงเซียวแกล้งเผยสายตาตกใจขึ้น "ไหนลองพูดให้ฟังหน่อยสิ เรื่องอะไรที่คุณรู้ แต่ผมไม่รู้หรอ"
จี้ตงหมิงมองบนใส่ด้านข้างอย่างเงียบๆ ล้อเล่น เขารู้จักกับเจ้านายมาสิบกว่าปีกว่าแล้ว ยังไม่เคยเห็นเรื่องไหนที่เขาไม่รู้เลย แต่ต่อให้ไม่รู้ ด้วยปัญญาของเจ้านายเพียงแค่นาทีเดียวก็เรียนรู้ได้แล้ว!
เจิ้งซิ่วหยาหยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วโยนให้กับหลงเซียว "เส้นทางไกลมาก ทำเอาเรี่ยวแรงของตำรวจหมดไปเยอะเลย แถมยังทรมานเพื่อนร่วมงานให้ทำงานเพิ่มด้วย จนในที่สุดได้ข้อมูลมา!"
หลงเซียวพูดขึ้นว่า "ห่ะ?"
เมื่อเจิ้งซิ่วหยาเห็นท่าทางแกล้งโง่ของเขาก็ยังไม่เปิดโปง แต่เดินถือแก้วกาแฟ พร้อมดื่มช้าๆ "หลงเซียว เรารู้จักกันดี ไม่เห็นต้องแกล้งทำเป็นไร้เดียงสาเลย จริงไหม? เมื่อก่อนคุณทำธุรกิจกับกลุ่มมาเฟีย พวกเราก็สืบข้อมูลได้เลย นับว่าสนุกสนานมาก!"
จี้ตงหมิง : "……"
เป็นไปได้ยังไง!
ทั้งที่หลินเค่อเฟยช่วยเจ้านายล้างมลทินทั้งหมดแล้ว! ไม่มีทางมีร่องรอยทิ้งไว้!
เจิ้งซิ่วหยากำลังล้อเล่นเจ้านายอยู่หรอ!
หลงเซียวยิ้มจางๆ ใบหน้าอันหล่อเหลาแอบเผยสีหน้าตกใจแวบหนึ่งเล็กน้อย "ผมกับกลุ่มมาเฟียหรอ? ฮ่าฮ่า ไม่ทราบว่าคุณตำรวจเจิ้งสืบได้อะไรบ้างครับ? ผมอยากได้ยินจังเลย"