หัตถ์เทวะธิดาพญายม - ตอนที่ 569 คือ...ปีศาจ
ตอนที่ 569 คือ…ปีศาจ
เหนือยอดเขาสลายวิญญาณ เกอซีกําลังส่งกระแสจิตสํารวจอาการบาดเจ็บทั่วร่าง มิรู้ว่าหนานกงยวี่ใช้เคล็ดวิชาใด จึงสามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายของนางให้คืนสู่ภาวะปกติได้ถึงเก้าส่วน
ขณะเถาวัลย์ม่วงอเวจีผู้ได้รับการประคบประหงมจากบัวหยกหยินหยางก็เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นทุกขณะ ยามนี้สายเถาวัลย์เส้นใหญ่เริ่มแตกกิ่งแตกใบอ่อนที่เขียวชอุ่มประหนึ่งไม่เคยผ่านการศึกที่โชกโชนกระทั่งแทบเที่ยวแห้งมาก่อน
หญิงสาวถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนตัดสินใจมุ่งหน้าเข้าสู่อาณาเขตสัตว์เวทขั้นส์ ไม่ว่าจะอย่างไร การรั้งอยู่ในเขตสัตว์เวทขั้นห้าย่อมเสมือนหนึ่งนอนรอวันเผชิญหน้ากับเฟงอวิ้นนิ่งทั้ง ในวันนี้ นางหาใช่คู่ฝีมือของคนผู้นี้ไม่
การข้ามเข้าสู่เขตสัตว์เวทขั้นสี่ จ่าต้องผ่านสถานที่ซึ่งเพิ่งเหลียนยิ่ง และเนียจินเฉินกําลังนัวเนียพันตูกันอยู่
เกอซีสั่งให้ต้านต้านเก็บงําขุมพลังของตนให้มิดชิด ขณะนางอาศัยเพียงแสงรําไร เพื่อนําทางสู่ปลายเขตอาคมระหว่างเขตสัตว์เวทขั้นห้าและขั้นที่สี่
ไกลออกไป ยังได้ยินเสียงครวญครางของเทพธิดาบัวเยือกแข็ง ระคนสุ่มเสียงที่แหบพร่าของกลุ่มบุรุษดังแทรกในราวป่า
มุมปากทั้งสองของนางขยับยกด้วยอาการเย้ยหยัน หากแต่มีหรือที่นางจะแยแสกับคนพวกนั้นหญิงสาวมุ่งหน้าตรงเข้าหาม่านอาคมสู่แดนสัตว์เวทขั้นสื่อย่างไม่รอช้า
เหล่ายอดฝีมือที่เข้าร่วมในการแข่งขันบนเทือกเขาสลายวิญญาณล้วนมาจากตระกูลใหญ่ ผู้ทรงอํานาจที่มักได้รับการดูแลรับรองภายในห้องส่วนตัวอย่างพิถีพิถัน ไหนเลยสามารถล่วงรู้ว่า ยามนี้ “หนังสด” ชุด “เทพธิดาบัวเยือกแข็งสาวร่านสวาทบุรุษ กําลังออกฉายตลอดทั้งยังเผยแพร่ไปทั่วทวีปหมีหลัวด้วยบรรยากาศที่คึกคักเร้าอารมณ์
หากแต่เชื่อแน่ว่า อีกแค่เพียงไม่นาน คนตระกูลเพิ่ง ตลอดถึงลูกหลานตระกูลใหญ่ทั้งหลายที่เข้าร่วมการแข่งขันบนเทือกเขาสลายวิญญาณจักได้เปิดหูเปิดตากันถ้วนทั่วอย่างแน่นอน และเมื่อถึงยามนั้น มิรู้จริง ๆ ว่าผู้คนตระกูลเพิ่งจะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ใด !
เพียงคิดว่าหนานกงยี่กระทําทุกสิ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้เพียงเพื่อนาง หญิงสาวกลับยิ่งวิตกกังวล
นางรู้ดีว่ายามนี้ เขาต้องกําลังวางแผนทําการใหญ่ แม้นว่านางจะไล่ถามซักไซ้เพียงไร เขากลับตอบเพียงไม่มีสิ่งใดสําคัญยิ่งไปกว่านาง
ยามนี้ร่างจําแลงของเขากลับคืนได้หรือยัง ร่างแท้จริงยังปลอดภัยดีหรือไม่หนอ ?
หากแต่สิ่งที่นางยังมิได้ล่วงรู้ก็คือ…
ในวันนี้ ชั่วขณะนี้ ฝ่าเท้าของหนานกงยี่กําลังเหยียบย่างอยู่บนผืนดินที่ชโลมไปด้วยกองโลหิต เบื้องหน้าคือซากศพที่นอนเกลื่อนกลาดกลางลานกว้างหน้าสํานักใหญ่ ดวงหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือกจับจิต
ทุกสายตาล้วนจับจ้องมาที่เขา แวบหนึ่งของความคิดที่แทรกผ่านในหัวทุกผู้คนในที่นั้นก็คือ : บุรุษผู้นี้คือปีศาจโดยแท้!
หากแต่ชิงหลงผู้ยืนรั้งข้างกายหนานกงยวกลับรับรู้ได้ถึงความอ่อนแอตลอดถึงใบหน้าที่เริ่ซีดจางของผู้เป็นนาย
ช่วงเวลาวิกฤติสําคัญเยี่ยงนี้ นายท่านกลับสร้างร่างจําแลง รวมพลังฝ่ามิติ เพื่อเร่งช่วยเหลือพระชายา ทุกสิ่ง…ทุกสิ่งล้วนเพียงเพื่อพระชายาทั้งสิ้น นี่ยังไม่รวมถึงการวางแผนล้างแค้นให้ พระชายา กระทั่งนายท่านไม่ใส่ใจความปลอดภัยในชีวิตของตนเอง !
ฝ่ามือข้างกายของชิงหลงกําแน่น เขาพยายามข่มห้ามจิตใจขณะสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนเอ่ยถาม
“นายท่านเป็นอย่างไรบ้าง ?”
ชายหนุ่มหาได้ตอบค่า หากแต่กลับถามสวนกลับ
“ทางโน้นเป็นอย่างไรบ้าง ?”
เพียงได้ยินผู้เป็นนายออกปากถามถึงภารกิจที่เขาได้รับมอบหมาย ชิงหลงจําต้องรีบตอบคํา
“ไม่ต้องห่วงขอรับ เพียงไม่เกินชั่วหนึ่งก้านธูป ขายอาคมเก้าแปรเปลี่ยนพลิกผืนปฐพีคลื่นมนตราค่าจักต้องถูกทําลายอย่างแน่นอน”
ถ้อยคําที่ทั้งคู่โต้ตอบล้วนก้องดังชัดเจนไร้การปกปิดซ่อนเร้น สุ่มเสียงทั้งสองดังกังวานก้องไปทั่วอาณาบริเวณ เพียงได้ยินเหล่ายอดฝีมือที่อยู่ในที่นั้นต่างหน้าถอดสี นัยน์ตาของพวกมันมีเพียงอาการตื่นผวาหวาดกลัว
ชั่วขณะนั้นเอง ชายชราผู้ไว้หนวดเคราสีขาวพลันปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้า พร้อมกับส่งเสียงร้องตะโกนใส่หนานงกยว
“หนานกงยว ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะบ้าระห่ถึงเพียงนี้ ตระกูลเฟิง สํานักหลิวหลีปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีเสมอมา ท่านปรมาจารย์คือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเจ้าไว้ ทว่าเจ้าไม่เพียงไม่สํานึกบุญคุณ ซ้ํายังกระทําชั่วช้า คิดล้มล้างสํานักหลิวหลีของพวกเรากระนั้นหรือ !”
“หนานกงยวี่ เจ้าไม่กลัวว่าสักวันสวรรค์จะลงทัณฑ์ สังหารเจ้าให้ดับดิ้นด้วยอัสนีบาตจากเบื้องบนกระนั้นหรือ ?”
“ผู้มีพระคุณ ?”
น้ําเสียงของเขาเย็นชา ราบเรียบ ไร้สิ้นอารมณ์ความรู้สึกใด สองตาจ้องนิ่งเบื้องหน้า ประหนึ่งกําลังแลมองร่างศพที่ไร้วิญญาณ
“อาวุโสเพิ่ง ท่านสมควรรู้เรื่องนี้มากกว่าผู้ใด ท่านสมควรชัดแจ้งแก่ใจว่าแท้จริงตระกูลเฟิงคือผู้มีพระคุณ หรือคือศัตรูตัวฉกาจของข้า”
***จบตอน คือ…ปีศาจ***