ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 449 ทดสอบ (ฮองเฮาแคว้นเซี่ยหยั่งเชิงหยุนชาง)
- Home
- ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
- ตอนที่ 449 ทดสอบ (ฮองเฮาแคว้นเซี่ยหยั่งเชิงหยุนชาง)
สาวใช้ผู้นั้นพลางส่ายหัวไปมา “นู๋ปี๋เรียกสาวใช้ที่ปักผ้าในพระราชวังมาสอบถามดูแล้วเพคะ ทว่าพวกเขาล้วนแต่ไม่รู้ว่าเป็นฝีปักของใคร”
“รวมถึงสาวใช้ที่วังไท่อัน นี่เป็นครั้งที่ห้าแล้ว ” ฮองเฮาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่พลางถอนหายใจออกมา “เนื้อผ้าเล่า ?”
“เนื้อผ้าล้วนแต่เป็นผ้าที่ข้ารับใช้นำมาทำเป็นเสื้อผ้าอาภรณ์เพคะ จึงเป็นการยากที่จะตามหา เพราะข้ารับใช้ในวังทุกวังมักจะมี อีกทั้งยังมีเป็นจำนวนมากอีกด้วย ” สาวใช้คนนั้นพลันรีบร้อนตอบคำถาม
ฮองเฮานิ่งเงียบไปชั่วครู่ พลางโบกมือให้ข้ารับใช้ถอยออกไป พร้อมหันมามองหยุนชางว่า “พระชายารุ่ยอ๋องรู้สึกเช่นไร. เจ้าว่าเรื่องนี้เป็นผู้ใดทำกัน? ”
“หม่อมฉันมิรู้เช่นกันเพคะ. หากเนื้อผ้าล้วนแต่เป็นของที่พระราชวังมีอยู่แล้ว คงจะต้องเป็นคนในพระราชวังที่เป็นผู้ลงมือ คนภายนอกจะมาหยิบใช้ล้วนแต่ยากมากที่จะทำได้. หากแต่ พวกหม่อมฉันเพิ่งมาถึงแคว้นเซี่ยได้ไม่นาน เข้าวังมาก็น้อยครั้ง อีกทั้งยังมิเคยมีความคับข้องหมองใจต่อคนในวังอีกด้วย ใครที่ทำเรื่องนี้ล้วนแต่มีจิตใจที่ชั่วร้ายเป็นอย่างมาก ” หยุนชางพลางคลายคิ้วที่ขมวดเป็นปมอยู่ออก พร้อมทั้งถอนหายใจออกมาเบา ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหนื่อยใจเล็กน้อย
ฮองเฮาได้ยินดังนั้นราวกลับสำลักกลางอากาศ ฝ่ามือกำผ้าเช็ดหน้าแน่นมาก เพียงชั่วครู่ จึงลุกขึ้นยืนว่า “ดอกเหมยในยามวสันฤดูนั้นดูงดงามเป็นอย่างมาก อีกทั้งพระชายารุ่ยอ๋องยังต้องรอคงไต้ซือเข้าวังมาอีก ไปไปมามาเช่นนี้เกรงว่าจะเสียเวลา มิเช่นนั้นช่วยพาเปิ่นกงเดินชมสวนดอกไม้เสียหน่อยเป็นเช่นไร”
ในอุทยานดอกไม้นั้น ดอกเหมยล้วนแต่เบ่งบานสวยงามเป็นอย่างมาก ในตำหนักล้วนแต่เต็มไปด้วยดอกไม้ ทุกที่เต็มไปด้วยสีชมพูสดใส หยุนชางเดินอยู่ด้านหลังฮองเฮานั้น มิรู้ว่าจุดประสงค์ของนางคืออันใดกันแน่
เมื่อเดินครบครึ่งค่อนสวนอุทยานแล้วท ฮองเฮาพลันโบกมือให้ข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหลังถอยไป พลางก้มลงหยิบกลีบดอกไม้ที่แห้งเหี่ยวจากพื้นดินขึ้นมา พร้อมกระซิบเบา ๆว่า “สนมในวังหลังล้วนแต่เหมือนกับกลีบดอกเหมยพวกนี้ เมื่อครั้งที่ยังเบ่งบานอยู่นั้น นางก็สามารถเบ่งบานบนกิ่งก้านได้อย่างสวยงาม หากเมื่อกาลเวลาผ่านไป ก็จะล่วงโรยลงมายังพื้นดินและถูกผู้คนเหยีบย้ำ”
หยุนชางนิ่งเงียบมิได้พูดอันใดออกมา หากแต่ฮองเฮากลับยิ้มบาง ๆ ว่า “หากอยากจะอยู่บนกิ่งไม่ให้นานขึ้นนั้น ก็ต้องทำให้ตนเองมีสีสันที่สวยงามอยู่เสมอ เพื่อดึงดูดผีเสื้อให้มาดอมดม หลังจากนั้นก็ต้องออกผลเป็นลูกพีช แต่เดิมเปิ่นกงล้วนแต่ชอบลูกพีชในวังมากที่สุด มิคาดคิดว่า เมื่อหล่นกระแทกกับพื้นแล้ว มันก็หายไป”
หยุนชางพลันเข้าใจในการเปรียบเทียบอันแปลกประหลาดของฮองเฮาแล้ว สมองพลันมีปฏิกิริยาแต่เพียงเปรียบเทียบฝ่าบาทเป็นผีเสื้อ ฝ่าบาทถูกเปรียบเปรยเช่นนี้เขาจักรู้หรือไม่ ?
ทว่าคำพูดเช่นนี้ ทำอย่างไรก็ไม่สามารถป่าวประกาศออกไปได้ หยุนชางพลันนิ่งเงียบไปชั่วครู่ พร้อมพูดออกมาว่า “สภาพอากาศแคว้นหนิงมิได้เหมาะสมต่อการปลูกลูกพีชมากนัก ทว่าหม่อมฉันรู้ว่า หากเป็นผลไม้แล้ว เมื่อเป็นอย่างที่ฮองเฮาเหนียงเหนียงพูดนั้น หากรสชาติ ที่ดี ลูกที่สวย ส่วนใหญ่ก็จะถูกชาวนาเก็บมาขาย ตรงกันข้ามหากเป็นลูกที่คดโค้งดั่งลุกพุทราแล้วละก็ ก็จะสามารถอยู่บนต้นได้นานกว่าเดิม ”
เสียงในสวนอุทยานพลันเงียบลงไปชั่วครู่ ฉับพลันดันมีเสียงหัวเราะดังออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า. เจ้าพูดได้ดี !”
ฮองเฮาพลันหันกลับมามองดูหยุนชางที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างหน้านางนั้นด้วยความปิติยินดี ดวงตาเต็มไปด้วยความแวววาว “ใช่แล้ว. ผลลัพธ์กลับเป็นผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างนอกมองออกเสียได้. เปิ่นกงครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหานี้อยู่นาน ทว่าเป็นเจ้าที่ตีแตกเสียได้ ความผิดของเปิ่นกง คงผิดที่ตลอดมา เปิ่นกงล้วนแต่เพิกเฉยต่อคนที่เปิ่นกงคิดว่าไม่มีพิษไม่มีภัย ทว่าท้ายที่สุดกลับเป็นนางที่ร้ายกว่าใครเขา”
หยุนชางเงียบไปชั่วครู่ แม้ว่าท้ายที่สุดเซี่ยหวนอวี่จะละเว้นโทษต่อการฆ่าพี่น้องของอ๋องเจ็ดไว้แล้ว แต่ว่าฮองเฮาที่ยืนหยันอยู่ในวังหลวงมานานหลายปีนั้น แต่เดิมนางก็พอมีเส้นสายที่อยู่ไกลอย่างแคว้นหนิงอยู่บ้าง
“เจ้าไม่กี่วันก่อนหน้านั้นล้วนแต่ใกล้ชิดเซียงกุ้ยผิน. เนื่องจากเป็นเพราะรุ่ยอ๋องเพิ่งกลับมาแคว้นเซี่ยได้ไม่นาน จึงยังไม่มีผู้ใดคอยสนับสนุน เพราะฉะนั้นจึงต้องรีบหาพันธมิตรในวังให้เร็ว หากจุดประสงค์เจ้าจะเข้าหาเซียงกุ้ยผินแล้ว เกรงว่าเจ้าคงจะช้าไปก้าวนึง เซียงกุ้ยผินไม่มีทั้งบุตรชายและบุตรสาว อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดสนับสนุนอีก เป็นเพียงแค่แหนที่อยู่ในวังแห่งนี้ ไม่มีราก ไม่มีโคน สามารถหยิบออกไปได้อย่างง่ายดาย หากหาพันธมิตรแล้วนั้น เปิ่งกงคิดว่า ในวังหลวงแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดดีไปกว่าเปิ่งกงอีกแล้ว ตอนนี้เปิ่งกงไม่มีลูก ทั้งเสด็จพ่อและพี่ชายล้วนแต่รับใช้ให้ราชสำนัก ศัตรูของพวกเจ้าล้วนเป็นศัตรูของเปิ่นกงด้วย หากเจ้าร่วมมือกับเปิ่นกง ” ฮองเฮาพลันหัวเราะออกมาเบา ๆ พร้อมมองไปยังบนยอดของต้นเหมย
“นั้นเป็นตำแหน่งที่สูงที่สุด ในปลายนิ้วของเจ้า ” เมื่อพูดจบพลันหันมามองหยุนชาง “คำขอของเปิ่งกงมิมีอันใดมาก เพียงแค่คาดหวังว่าวังหลังจะสงบสุขมากกว่านี้ เมื่อจักรพรรดิองค์ใหม่คลองบัลลังค์เมื่อใดนั้น ตำแหน่งไทเฮา จะเป็นของเปิ่นกง”
หยุนชางก้มหัวลงเล็กน้อย สายตาพลันจ้องมองไปยังพื้นดินที่เต็มไปด้วยดอกไม้ พลางฟังสิ่งที่ฮองเฮาพูดนั้น พร้อมแอบลอบกระตุกยิ้มที่มุมปากโดยไม่ให้นางเห็น “เรื่องนี้หม่อมฉันไม่สามารถตัดสินใจได้ “ถ้าเช่นนั้นเปิ่นกงจะรอฟังข่าวดีจากพวกเจ้า ” เมื่อพูดจบพลางเดินไปข้างหน้า
หยุนชางเดิมชมสวนอุทยานเป็นเพื่อนฮองเฮาราวครึ่งค่อนวัน จึงกลับมารับสำรับที่ตำหนักเว่ยยาง จึงมีข้ารับใช้มาเชิญว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียง. เลี่ยวคงไต้ซือมาเข้าเฝ้าแล้วเพคะ. ตอนนี้กำลังอยู่ที่หอประชุม จักรพรรดิเชิญฮองเฮาให้ไปที่หอประชุมด้วย”
ฮองเฮาพยักหน้ารับ พลางหันหน้ามาหาหยุนชางว่า “เช่นนั้นไปกันเถอะ”
เมื่อมาถึงหอประชุมแล้ว หยุนชางพลันเห็นผู้คนที่อยู่ในตำหนักเว่ยยางในตอนเช้า ล้วนแต่อยู่ที่นี่จนหมดแล้ว เพิ่มมาเพียงเสนาบดีไม่กี่ท่านเท่านั้นและรวมถึงฮวากั๋วกงด้วย ภายในหอประชุมผู้ที่นั่งกับเซี่ยหวนอวี่ก็คือไต้ซือผู้นั้นกระมัง
เคราของไต้ซือล้วนเป็นสีขาว พลางหลับตานั่งอยู่เงียบ ๆ ราวกลับกำลังนั่งสมาธิอยู่นั้น เบื้องหน้ามีทั้งกระดาษ หินหมึก พู่กัน และกระดาษสีขาวที่ว่างเปล่า
สายตาผู้คนในตำหนักล้วนแต่จับจ้องมาที่เขา เมื่อผ่านไปสักพัก ไต้ซือผู้นั้นจึงลืมตาขึ้นมา “ตามที่ฝ่าบาทกล่าวมานั้น คนผู้นั้นจักต้องลงอาคม หากแต่กระหม่อมไม่เข้าใจแผนผังในเมืองจิ่นมากนัก เกรงว่าคงจะต้องมีผู้ใดคอยวาดภาพให้กระหม่อมเสียแล้ว”
เซี่ยหวนอวี่ได้ยินดังนั้น พลันกวาดสายตาไปทั่ว จึงพูดขึ้นมาอย่างเฉยเมยว่า “เจ้าเจ็ด. ไป ”
อ๋องเจ็ดได้ยินดังนั้น พลันรีบร้อนตอบรับ พลางเดินไปยังเบื้องหน้าของไต้ซือ พร้อมนั่งคุกเข่าลง “ไต้ซือเชิญท่านกล่าว”
“ฝ่าบาทเมื่อครู่ที่ท่านพูดถึง วังรุ่ยอ๋อง วังอ๋องเจ็ด วังองค์หญิงไท่อัน ตำหนักเซียงกุ้ยผินและเสิ่นซู่เฟยที่พบเจอของสิ่งนี้ เชิญท่านอ๋องวาดตำแหน่งที่เจอสิ่งของบนกระดาษแผ่นนี้ด้วยพะยะค่ะ” เลี่ยวคงไต้ซือพลันกระซิบบอก
อ๋องเจ็ดได้ยินดังนั้น พลันนิ่งเงียบไปชั่วครู่ พร้อมค่อย ๆ วาดแผนผังเมืองจิ่นลงบนกระดาษ จากนั้นก็วาดวงกลมสองสามวง พร้อมหยุดมือลง และพลิกกระดาษเป็นครึ่งวงกลม วางไว้ต่อหน้าเลี่ยวคงไต้ซือ
เลี่ยวคงไต้ซือจ้องมองไปยังรูปภาพนั้นอยู่นาน พร้อมทั้งขีดเขียนอยู่บนกระดาษสองจุด จึงเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มตรงหน้า “ขอถามท่านอ๋องเจ็ด สถานที่สองแห่งนี้ท่านอ๋องรู้หรือไม่ว่าอยู่ที่ใด ?”
สายตาของผู้คนล้วนแต่จับจ้องไปยังกระดาษตรงหน้า อ๋องเจ็ดที่ยังมิได้ตอบคำถามออกมานั้น พลันได้ยินเสียงคนพูดขึ้นมาว่า “โอ้ นี่มิใช่ตำแหน่งของจวนซูซื่อหล่างหรอกหรือ ?”
กลับมีคนพูดขึ้นมาอีกว่า “ตรงนี้ข้ารู้. เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดจวนหวังฉงเหวิน”
เซี่ยหวนอวี่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จึงเงยหน้าขึ้นมองมายังเลี่ยวคงไต้ซือ” ไต้ซือตำแหน่งบนกระดาษนี้คือะไรงั้นหรือ ?”
“อาตมาเห็นท่านอ๋องวาดรูปออกมานั้น พบว่าห้าตำแหน่งเป็นไปตามปกติ ทว่ายังเหลืออีกสองแห่ง ถึงจะรวมเป็นค่ายกลกลุ่มดาวหมีใหญ่ได้. อาคมคุณไสยนั้น หากต้องการจะทำร้ายผู้ที่ยิ่งใหญ่นั้น. ฝ่าบาทยังมีรังสีของมังกรที่แผ่ออกมา แม้แต่อาคมคุณไสยยังจะต้องเป็นรองท่าน เมื่อพวกมันต้องการจะใช้อาถมคุณไสยทำร้ายฝ่าบาทนั้น จึงจะต้องใช้ค่ายกลมาร่วมด้วย “เลี่ยวคงไต้ซือกล่าว
“พวกเจ้าเข้ามา ” เซี่ยหวนอวี่พลันตะโกนเสียงดังว่า ” ไปยังจวนซูซื่อหล่างและจวนหวังฉงเหวินเพื่อค้นหาดูว่ามีตุ๊กตาคุณไสยอยู่หรือไม่ ”
ฮองเฮารีบร้อนเดินขึ้นมา ใบหน้าพลันวิตกกังวลเป็นอย่างมาก “หาเป็นดั่งที่ไต้ซือพูดจริง ๆ เมื่อค่ายกลสำเร็จแล้ว จักรพรรดิจะได้รับผลกระทบอันใดหรือไม่ ?”
เลี่ยวคงไต้ซือครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จึงพูดออกมาว่า “เรื่องนี้แยกได้ไม่ยาก อาตมาได้ยินมาว่า เมื่อค่ายกลดาวหมีใหญ่จะสำเร็จได้นั้น จักต้องวางตุ๊กตาคุณไสยไว้ในที่เหล่านั้น พร้อมกรีดเลือดเพื่อเลี้ยงดูตุ๊กตา หากนำตุ๊กตาคุณไสยทั้งเจ็ดออกมาแล้ว เมื่อดึงผ้าที่อยู่ด้านนอกออกมา ก็จะรู้ได้ ”
หยุนชางได้ยินดังนั้นพลันครุ่นคิดอย่างรอบคอบ นางเป็นผู้ให้หนิงเชียนเป็นคนจัดการหาคนมาทำตุ๊กตาคุณไสยเอง แน่นอนว่ามันไม่สามารถมีเลือดออกได้. ทว่าหากตุ๊กตาคุณไสยพังลง ก็จะเป็นองค์หญิงไท่อัน หรือเป็นไปได้ว่าท่านอ๋องจะลากองค์หญิงไท่อันออกมา เพื่อหักมือฝ่ายตรงข้ามก่อน
ฮองเฮาได้ยินเช่นนั้น จึงรีบร้อนพูดขึ้นมาว่า “นำตุ๊กตาคุณไสยพวกนั้นออกมา”
ข้ารับใช้รีบร้อนนำตุ๊กตาคุณไสยออกมาจนหมด และวางเรียงตามลำดับ จากกระดาษที่ติดอยู่
เซี่ยหวนอวี่พลันโบกมือไปมา “ไม่ต้องรีบ. รอตุ๊กตาคุณไสยอีกสองตัวมาเสียก่อน”
หยุนชางพลันเห็นสายตาของเซี่ยหวนอวี่กวาดสายตามองไปยังเลี่ยวคงไต้ซือ พร้อมทั้งกระดาษที่อยู่ตรงหน้า คิ้วพลันขมวดขึ้นม เกรงว่าเซี่ยหวนอวี่คงจะสงสัยในตัวเลี่ยวคงไต้ซือกระมัง
หยุนชางคิ้วขมวดขึ้น ภายในใจล้วนแต่อธิบายออกมามิถูก
ทหารยามมาถึงอย่างรวดเร็ว. เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม จึงนำตุ๊กตาคุณไสยอีกสองตัวเข้ามา”ทูลฝ่าบาท เป็นดั่งที่เลี่ยวคงไต้ซือพูดพะยะค่ะ ทั้งสองที่ล้วนแต่พบตุ๊กตาคุณไสย ”
เซี่ยหวนอวี่ครุ่นคิดอยู่นาน พร้อมสั่งว่า “จับมันแยกออก”
หลิวเหวินอันจึงรีบร้อนให้ข้ารับใช้หยิบกรรไกรขึ้นมา เพื่อตัดแยกชิ้นส่วนให้ผู้คนเห็น หยุนชางมองการกระทำของผู้คนเหล่านั้น คิ้วพลันขมวดลงทันที
“ฝ่าบาท พบตุ๊กตาคุณไสยเปื้อนเลือดที่วังของรุ่ยอ๋องพะยะค่ะ”