ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 451 คำสารภาพ (คำสารภาพของเจ้ากรมอาญา)
หยุนชางขมวดคิ้ว เป็นไปไม่ได้ มันต้องมีปัญหาแน่ๆ เช้าวันนี้เฉี่ยนอินได้แกะตุ๊กตาเจ้าไสย และได้เย็บผ้าชั้นนอก หากมีเลือด เฉี่ยนอินต้องบอกนางอย่างแน่นอน
เซี่ยหวนอวี่ค่อยๆละสายตาจากเลี่ยวคงไต้ซือไปที่ลั่วชิงเหยียน “รุ่ยอ๋อง? รุ่ยอ๋องว่าอย่างไร”
ลั่วชิงเหยียนทำเสียงเยาะเย้ยเบาๆ และค่อยๆเดินไปด้านหน้าของนางกำนัลที่ถือถาด เขายกมือขึ้น สะบัดมือเหนือตุ๊กตาคุณไสยที่ถูกแยกชิ้นส่วน แต่ทันใดนั้นก็เอื้อมมือไปอีกด้านหนึ่งของถาดบนกรรไกรที่ใช้ในการแยกตุ๊กตาคุณไสย คว้ากรรไกรแล้วหันกลับมา จากนั้นโยนไปที่เลี่ยวคงไต้ซือ
ทุกคนตกใจ ฮองเฮาร้องตะโกน และนางมีเวลาเพียงแค่ตะโกนว่า “รุ่ยอ๋อง เจ้าต้องการ…”
ก่อนที่นางจะพูดจบ ก็เห็นว่าด้านปลายแหลมของกรรไกรปักไปที่หน้าอกของเลี่ยวคงไต้ซือ ดวงตาของเลี่ยวคงไต้ซือเบิกกว้าง และเขายื่นมือที่สั่นเทาออกชี้ไปที่ลั่วชิงเหยียน แต่ก่อนที่เขาจะพูด ก็ล้มลงบนพื้น
หยุนชางเหลือบมองไปที่ใบหน้าของเลี่ยวคงไต้ซือ เงยหน้าขึ้นมองหนิงเชียน หนิงเชียนเห็นหยุนชางมองมา ก็พยักหน้าเล็กน้อย ยกมือขึ้นและสัมผัสใบหน้าของนาง
“รุ่ยอ๋อง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ในตำหนักนี้ บังอาจได้เยี่ยงนี้” เซี่ยหวนวี่ขมวดคิ้วและมองเขาอย่างเฉยเมย ด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจ แต่ไม่มีร่องรอยการตำหนิ
หยุนชางคร่ำครวญครู่หนึ่ง ก่อนที่ลั่วชิงเหยียนจะพูด นางเดินไปที่ข้างๆร่างของเลี่ยวคงไต้ซือ คุกเข่าลงและยกมือขึ้นเพื่อสัมผัสใบหน้าของเลี่ยวคงไต้ซือ
“พระชายารุ่ย เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ ชายหญิงมิควรแตะเนื้อต้องตัว ถึงแม้ว่า…” องค์หญิงไท่อันยืนขึ้น จ้องมองที่การเคลื่อนไหวของหยุนชาง และรีบพูดออกมาทันที แต่นางก็ต้องหยุดพูด เมื่อหยุนชางลืมตาขึ้นมองนาง ไท่อันตัวสั่นในทันใด รู้สึกว่าการแสดงออกในดวงตาของนางนั้น มีความเย็นชาเล็กน้อย
“ถึงแม้ว่าเลี่ยวคงไต้ซือเป็นพระ” องค์หญิงไท่อันลดเสียงลงและพูดให้จบ
ทันทีที่เสียงลดลง ก็ได้ยินเสียง “แขวก” ใบหน้าของเลี่ยวคงไต้ซือถูกหยุนชางฉีกออก และคนที่กลัวก็รีบปิดตาในห้องโถงตำหนักเงียบลงกระทันหัน มีเพียงเสียงที่ฟังดูประชดประชันของหยุนชาง “วิชาการปลอมตัวของแคว้นเซี่ยนั้นด้อยไปหน่อยไหม แม้แต่ฮูหยินที่อยู่แต่หลังจวนอย่างข้าก็ยังเห็นเบาะแส แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็น”
ทุกคนมองไปที่ศพบนพื้น แล้วพบว่ารูปลักษณ์ของศพนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว เป็นเพียงชายวัยกลางคนในวัยสามสิบเท่านั้น
หยุนชางยิ้มเยาะเย้ย แล้วเดินไปที่ถาดที่วางตุ๊กตาคุณไสย หยิบตุ๊กตาคุณไสยขึ้นมาและมองดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหยิบผ้าที่ถูกตัดขาดขึ้นมามองดู และหัวเราะอีกครั้ง “เห็นได้ชัดว่ารอยเลือดนี้เพิ่งมีไม่นาน สีมีความต่างกัน และยังคงเป็นสีแดงสด วิธีการเย็บด้านนอกตุ๊กตาคุณไสยนั้นชัดเจนว่าเป็นฝีมือของคนสองคน และรอยเปื้อนเลือด น่าจะถูกแยกออกจากกันหลังจากเปื้อนเลือดแล้ว จากนั้นเย็บใหม่อีกครั้ง เนื่องจากความรีบร้อน แม้แต่หัวด้ายก็ไม่ได้ซ่อนให้ดีเลย”
ทุกคนได้ฟังก็เงียบลง ฮองเฮาขมวดคิ้ว เดินไปหาหยุนชางและมองใกล้ขึ้น “อย่างที่พระชายารุ่ยพูด ตุ๊กตาคุณไสยนี้ถูกใครบางคนเล่นตุกติก และมีคนต้องการโยนความผิดให้คนอื่น ”
หยุนชางได้ยินฮองเฮาพูดแทนนางแบบหายาก นางรู้ว่าฮองเฮากำลังทำดีต่อนาง ต้องการจะบอกนางว่า นางจริงใจกับสิ่งที่ได้กล่าวถึงในอุทยานหลวงของวันนี้
หยุนชางหัวเราะเยาะ ไม่ว่านางจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่นั้นก็ค่อยว่ากันใหม่ ดูเหมือนว่าจวนรุ่ยอ๋องที่ถูกสงสัย แทบจะถูกขจัดไปแล้ว ค่อยมาเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย(เปรียบเปรยถึงการกระทำที่ไม่จำเป็น)
เซี่ยหวนอวี่ลูบหยกบนนิ้วหัวแม่มือของเขาและหรี่ตาเล็กน้อย “หลิวเหวินอัน ให้ทหารไปที่วิหารหาเลี่ยวคงไต้ซือตัวจริงอยู่ที่ไหน” หลังจากสั่งการเสร็จ เขาถามอีกครั้ง ” ตุ๊กตาคุณไสยนี้ หลังจากที่รุ่ยอ๋องนำมาแล้ว มีใครสัมผัสอีก?” หลังจากที่นำตุ๊กตาคุณไสยนี้มาแล้ว ก็มีหม่อมฉันและขันทีเสี่ยวเฉวียนจื่อที่ติดตามหม่อมฉันคอยดูแล แค่ทว่ามีรองเจ้ากรมกรมอาญา มาครั้งหนึ่ง โดยบอกว่าต้องการดูตุ๊กตาคุณไสย หม่อมฉันคิดว่า ฝ่าบาทเคยได้ให้เจ้ากรมกรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้ จึงได้ให้เขาเอาไปพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ากรมกรมอาญาอยู่ที่ไหน” เซี่ยหวนอวี่ขึ้นเสียง
หยุนชางกวาดไปรอบๆ และเห็นชายคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบเดินออกมา “หม่อมฉันอยู่พ่ะย่ะค่ะ”
หยุนชางเห็นว่าเจ้ากรมกรมอาญายังวัยเยาว์และหล่อเหลา นางจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย และดวงตาของนางก้มลงที่คอของเขาครู่หนึ่ง
“หลี่หวาย เจ้าต้องคิดก่อนตอบ ถ้าไม่รู้ ข้าจะว่าเป็นเจ้าทำ ลอบปลงพระชนม์รัชทายาท มีโทษเช่นไร เจ้าน่าจะรู้ดี”
หลี่หวายลืมตาขึ้นและเหลือบมองฝูงชน ร่างกายของเขาสั่น หน้าซีดเผือด และเขาก็เงียบไปนาน “หม่อมฉันไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ พอได้ตุ๊กตาคุณไสยแล้ว นึกขึ้นได้ว่าหลิวกงกงเคยแจ้งว่า ห้ามออกจากวัง หม่อมฉันจึงหาตำหนักที่เงียบสงบและตรวจดู ชั่วขณะหนึ่ง ตอนหม่อมฉันตรวจสอบได้ครึ่งทาง ก็ได้ยินเสียงจากนอกตำหนัก หม่อมฉันจึงวางตุ๊กตาคุณไสยในมือลง ออกจากห้องโถงเพื่อตรวจสอบ แต่ไม่เห็นอะไร แล้วกลับไปที่ห้องโถง หม่อมฉันไม่รู้ว่าตุ๊กตาคุณไสยถูกใครทำอะไรในเวลานั้นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เซี่ยหวนอวี่จ้องไปที่หลี่หวายเป็นเวลานานก่อนที่จะเย้ยหยัน “ปั้นน้ำเป็นตัว หลิวเหวินอัน ลากเขาลงโบยสามสิบที แล้วจับเข้าคุกเพื่อสอบสวน”
หยุนชางมองหลี่หวายที่ก้มศีรษะลงโดยไม่พูดอะไร และถูกทหารดึงออกจากห้องโถงหลัก ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ทุกคนห้มออกจากตำหนักหารือได้ หลิวเหวินอัน ส่งคนไปตามหาเลี่ยวคงไต้ซือเพิ่ม เช้านี้ตัดสินใจหาเลี่ยวคงไต้ซืออย่างกระทันหัน คนร้ายไม่สามารถพาเลี่ยวคงไต้ซือไปที่อื่นในเวลาอันสั้นได้ น่าจะอยู่ที่วิหารจวีอัน” เซี่ยหวนอวี่ลุกขึ้นยืน หันหลังเดินเข้าไปในห้องโถงด้านใน
หลิวเหวินอันตอบรับ และถอยกลับไป จากนั้นก็ให้ทหารก็มาล้อมตำหนักหารือ
ลั่วชิงเหยียนเดินไปข้างๆหยุนชาง กอดหยุนชางและเดินไปที่มุม ใบหน้าของเขาอ่อนโยนลงเล็กน้อย “เป็นอย่างไรบ้าง ตอนที่อยู่ในวัง ไม่มีใครทำให้เจ้าลำบากใจใช่หรือไม่”
หยุนชางได้ยินคำพูดและ หัวเราะเบาๆ “ท่านอ๋องคิดมากแล้วเพคะ เป็นชางเอ๋อร์มักทำให้คนอื่นลำบากใจอยู่เสมอ ชางเอ๋อร์จะถูกคนอื่นทำใหลำบากใจได้อย่างไร”
หลังจากพูดแล้วนางก็ลดเสียงลงเล็กน้อยโดยพิงที่อกของลั่วชิงเหยียน แล้วพูดเบาๆ “ท่านอ๋องส่งผู้คนไปที่วิหารจวีอันแล้วพบเลี่ยวคงไต้ซือ แต่ที่พวกเขาพบคือตัวจริงหรือไม่เพคะ?
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้าเบาๆ “ข้าส่งลั่วอี้ไป ถ้ามันเป็นตัวปลอม ลั่วอี้จะไม่มีทางไม่สังเกตเห็น น่าจะหลังจากลั่วอี้สั่งการเลี่ยวคงไต้ซือแล้ว มีคนมาจับตัวเลี่ยวคงไต้ซือ และจากนั้นคนของฝ่าบาทก็พาตัวปลอมกลับมา”
หยุนชางพยักหน้าเล็กน้อย และคิดว่ามันไร้สาระ เมื่อครู่คำพูดของเลี่ยวคงไต้ซือไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่นางไม่มีความสงสัยเลย บางทีอาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึก นางรู้สึกว่า จิ้งอ๋องไม่เคยทำอะไรพลาดเลยก็ได้
เนื่องจากไม่มีใครออกจากห้องโถงได้ ห้องโถงจึงค่อนข้างเสียงดังอยู่พักหนึ่ง ฮวากั๋วกงก็เดินไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เหลือบมองทั้งสองคนแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ไฟได้ไหม้มาถึงขนคิ้วแล้ว(สถานการณ์ที่วิกฤตฉุกเฉินมาก) ยังมีอารมณ์มาพลอดรักกันอยู่อีก”
ลั่วชิงเหยียนหัวเราะเยาะเย้ย หยุนชางรู้ว่าสิ่งที่เขาจะพูดจะทำให้คนรู้สึกหงุดหงิด จึงรีบดึงมือ ยิ้มและหันกลับไปมองฮวากั๋วกง “ท่านตา”
“ฮื้ม” ฮวากั๋วกงทำเสียงเย็นชา แต่ดวงตาของเขามองมาที่ลั่วชิงเหยียนกล่าวว่า “อารมณ์หุนหันพลันแล่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนได้เมื่อไร ถ้ารู้ว่าเป็นปลอม ก็พูดแค่นั้น เอะอะก็ฆ่าคน ถ้าคนนั้นไม่ตาย ก็ยังถูกนำตัวเอามาสอบสวนได้ ตอนนี้เป็นไงล่ะ ได้แต่รอเท่านั้น”
หยุนชางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านตาอย่าโกรธเลย ข้าเพิ่งเห็นว่าพระปลอมรูปนั้นได้ซ่อนยาพิษไว้ในปากของเขา ถึงแม้ว่าจะถูกจับได้แต่คงมิได้เบาะแสอะไร แต่กลัวว่าเมื่อเขาถูกเปิดโปง เขาจะลงมือฆ่าทุกคนในห้องโถง ในกรณีนี้ สังหารเขาเป็นการดีที่สุด”
“เกรงว่าจะค้นพบหลังจากการฆ่าเท่านั้น” ฮวากั๋วกงกงกล่าวอย่างเย็นชา
ลั่วชิงเหยียนพูดออกมาเบาๆ “ท่านคิดว่าทุกคนจะบอดเหมือนท่านงั้นหรือ ข้าเห็นยาพิษตั้งแต่ตอนที่เขาพูดแล้ว ข้าก็มีทหารไร้ชีพ(ผู้ที่ยอมตายถ้างานล้มเหลว)จำนวนมากแบบนี้อยู่ในมือ ยังต้องตรวจสอบก่อนงั้นหรือ”
ฮวากั๋วกงถูกตอกกลับอย่างไม่ใยดี ทำเสียงเย็นชาและจ้องไปที่ลั่วชิงเหยียน กระทืบเท้า “ได้ได้ได้ เจ้าแข็งแกร่ง อย่ามาขอร้องข้าในอนาคตล่ะกัน”
“ขอร้อง?” ลั่วชิงเหยียนเหลือบไปที่ฮวากั๋วกงด้วยความรังเกียจ จากนั้นก็เดินจากไป ดูเหมือนจะรังเกียจแม้เพียงชำเลืองมอง
หยุนชางอดขำไม่ได้ เป็นตาหลานจริงๆ อย่างที่ฮวากั๋วกงฮูหยินกล่าว นิสัยที่เหมือนเด็กนี้ก็เหมือนกันทุกประการ
ขณะครุ่นคิดอยู่ ก็เห็นว่าประตูตำหนักถูกเปิด ชายคนหนึ่งสวมชุดทหารรักษาการณ์เข้ามาดูรอบๆ ราวกับว่าเขากำลังมองหาเซี่ยหวนอวี่ หลังจากไม่พบ เขาก็ถามกงกงที่อยู่ด้านข้างว่า “ฝ่าบาทเสด็จไปไหนแล้ว”
กงกงรีบพูดว่า “ฝ่าบาทประทับอยู่ห้องโถงด้านใน เชิญใต้เท้าทางนี้ขอรับ”
กงกงเดินเข้าไปพร้อมกับทหารรักษาการณ์ ไม่นานทหารรักษาการณ์ก็ถอยกลับออกมา และรีบจากไป หลังจากนั้นไม่นาน แต่เซี่ยหวนอวี่ก็เดินออกมา เดินกลับไปที่เก้าอี้แล้วนั่งลง มองที่ประตูอย่างแผ่วเบา “นำตัวเข้ามา”
หยุนฉางลืมตาขึ้นและมองออกไปข้างนอก เห็นทหารรักษาการณ์หลายคน ได้ลากคนๆหนึ่งเข้ามา พอดูใกล้ๆแล้วคือ หลี่หวายเจ้ากรมอาญาที่ถูกลากออกไปในเมื่อครู่
ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม หลี่หวายดูเหมือนจะหายไปครึ่งชีวิต ไม่มีบาดแผลทั่วร่างกาย แต่สีหน้าของเขาซีด หน้าผากและใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ ศีรษะของเขาเปียกชุ่ม และร่างกายของเขาก็อ่อนปวกเปียก ถูกทหารรักษาการณ์ลากมา ราวกับยืนขึ้นไม่ได้
“ฝ่าบาท หลี่หวายกล่าวว่ามีเรื่องกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ” ทหารรักษาการณ์โยนหลี่หวายลงกับพื้นแล้วถอยออกไป
หลี่หวายเหยียดมือออกและคว้ามันไว้บนพื้น แต่ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆ ลมหายใจของเขาก็อ่อนแรงมาก “หม่อมฉันพูด หม่อมฉันได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว คือองค์หญิงไท่อัน… องค์หญิงไท่อันเคยเข้ามาพ่ะย่ะค่ะ”