เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 322 พวกเราก็แต่งงานกันตอนนั้น
บทที่ 322 พวกเราก็แต่งงานกันตอนนั้น
ได้ยินเช่นนี้ ผู้จัดการหยางที่อึ้งไปนั้น ก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“แต่ตระกูลหล่อนไม่ได้รับอำนาจตัวแทนยุทโธปกรณ์มาตั้งหลายปีแล้วนะครับ ทำไมจะต้องมากันพวกเราขนาดนี้ด้วย?”
“ปีนี้ไม่เหมือนกัน” จี้จิ่งเชินกล่าว
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินการสนทนาของพวกเขาแล้ว กลับไม่เข้าใจ
“พวกคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันอยู่คะ?”
ผู้จัดการหยางหันหน้ามา พลางเอ่ยขึ้นอธิบาย : “อำนาจตัวแทนยุทโธปกรณ์ของกองกำลังทหารแห่งชาติ จะมีการเปลี่ยนทุกๆสามปี กองกำลังทหารกว่าสิบล้านจะต้องมีการเปลี่ยนยุทธปัจจัยในเวลาเดียวกัน กำไรจำนวนมาก ทุกคนต่างก็พากันแย่งกันอย่างดุเดือด”
เขาขมวดคิ้ว
“ตอนแรกตระกูลเวินและตระกูลหล่อนสับเปลี่ยนกันได้รับ แต่ตั้งแต่สิบปีก่อน รายการนี้ก็ตกมาเป็นของตระกูลเวิน แต่ตอนนั้นอยู่ในความดูแลของเวินหงหยู้ ส่วนตอนนี้ไม่ใช่แล้ว…..”
ทันใดนั้นเองเวินเที๋ยนเที๋ยนก็เข้าใจขึ้นมาแล้ว
“นั่นก็คือ พวกเขากังวลว่าจู่ๆตระกูลหล่อนจะยื่นมือออกมาแทรก แล้วแย่งสิทธิ์นี้ไปอย่างนั้นหรือคะ?”
จี้จิ่งเชินพยักหน้า
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปยังข้อมูลหนาๆนี้ที่อยู่ในมือ แล้วจู่ๆก็ยิ้มออกมา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็สามารถลองได้สิคะ”
ผู้จัดการหยางได้ยินแล้ว จึงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ : “คุณเวิน คุณคงจะไม่…..”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า
“คุณไม่ได้บอกว่าเมื่อก่อนตระกูลหล่อนก็เคยได้อำนาจตัวแทนยุทโธปกรณ์นี้หรอกหรือคะ? เมื่อก่อนทำได้ ตอนนี้ก็ทำได้เหมือนกัน”
“แต่ว่า…..”
ผู้จัดการหยางยังคงรู้สึกลังเลอยู่บ้าง มองดูเวินเที๋ยนเที๋ยนที่อยู่ตรงหน้าที่ดูมีความมั่นใจ
ช่วงนี้ที่บริษัท เวินเที๋ยนเที๋ยนทำผลงานออกมาได้ไม่เลวอยู่ก็จริง แต่ก็ยังเทียบกับคุณนายหล่อนไม่ได้อยู่ดี
แม้แต่คุณนายหล่อนยังทำไม่ได้เลย แล้วอย่างเธอจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น : “ในเมื่อคุณเวินตัดสินใจแล้ว ก็เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้ารับ : “คุณเอาข้อมูลในช่วงไม่กี่ปีมานี้ส่งมาให้ฉันหน่อยนะคะ”
“ผมจะลงไปเดี๋ยวนี้เลยครับ จะได้สั่งให้พวกเขาเริ่มเตรียมกันเอาไว้เลย”
รอจนผู้จัดการหยางเดินออกไปแล้วนั้น จี้จิ่งเชินจึงหันมามองเวินเที๋ยนเที๋ยน
“ได้ข่าวของคุณนายหล่อนแล้วหรือยังครับ?”
“ฉันให้พวกเขาเรียกคนกลับมาแล้วล่ะค่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มลงอ่านข้อมูล พลางเอ่ยขึ้น
เมื่อจี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว จึงหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ในเมื่อคุณนายหล่อนไม่อยากจะให้ฉันหาตัวของเธอเจอ แน่นอนว่าเธอจะต้องมีเหตุผลของเธออยู่แล้ว หรือบางทีรอโอกาสที่เหมาะสม พวกเขาก็คงจะปรากฏตัวขึ้นมาเอง และยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ที่คุณลุงเวินเคยบอกไว้ ว่าคุณนายหล่อนปลอดภัยดี ฉันก็วางใจแล้วค่ะ”
เธอสูดหายใจเข้า แล้วพลิกข้อมูลในมือ
“ตอนนี้ที่สำคัญที่สุด จะให้ตระกูลหล่อนถูกโจมตีอยู่ตลอดแบบนี้ไม่ได้ พวกเขาต้องการแย่งอำนาจทางยุทโธปกรณ์ ฉันจะไม่ยอมให้พวกเขาทำได้สำเร็จ”
“แล้วคุณวางแผนจะทำอย่างไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าขึ้นมองจี้จิ่งเชิน พลางเอ่ยขึ้น : “จี้จิ่งเชิน พี่กลับบริษัทเอ็มไอกรุ้ปเถอะค่ะ”
เดิมทีจี้จิ่งเชินคิดว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะให้ตัวเขาช่วยเธอ แต่คาดไม่ถึงว่าเธอจะบอกให้เขากลับไปแบบนี้
เขาขมวดคิ้ว “คุณไม่ต้องการให้ผมช่วยหรือ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างมุ่งมั่น : “พี่กลับไปแล้วก็สามารถช่วยฉันได้เหมือนกันนี่คะ”
ในช่วงนี้ จี้จิ่งเชินอยู่ที่บริษัทของตระกูลหล่อนก็ยังจะต้องจัดการงานของบริษัทเอ็มไอกรุ้ปอีกด้วย ไม่ได้หละหลวมในการบริหารงานเลยแม้แต่นิดเดียว
ถึงแม้ว่าหลังจากที่เลิกงานกลับบ้านไปแล้วนั้น จะยุ่งมากเสียจนเลี่ยงไม่ได้ ทำงานจนถึงดึกดื่นทุกวัน และแม้แต่จงหลีผู้ช่วยคนนี้ของเขาก็ประสบกับสถานการณ์เช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าจี้จิ่งเชินจะไม่ได้แสดงออกมาให้เห็น แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนก็สามารถมองจากสีหน้าของเขาได้
สาเหตุที่ตอนนั้นจี้จิ่งเชินยืนกรานว่าจะมาที่ตระกูลหล่อนนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้ดี
แต่ตอนนี้ สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อแล้ว
อีกทั้งเวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็ไม่อยากให้เขาต้องมาเหนื่อยขนาดนี้ด้วยเช่นกัน
“ฉันอยากจะลองว่าตัวฉันเองเพียงคนเดียวจะทำได้หรือเปล่า”
จี้จิ่งเชินยังคงรู้สึกไม่วางใจอยู่บ้าง
“หลังจากที่ผมไปแล้ว คุณคนเดียวได้อยู่ใช่ไหมครับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น
“ถ้าหากฉันเจอกับความยากลำบากตรงไหน ฉันจะหาพี่เองค่ะ ถึงตอนนั้นแล้วพี่อย่ารำคาญฉันก็แล้วกัน”
“ผมแทบอยากให้คุณหาผมทุกวันเลยสิ”
ว่าแล้ว เขาก็เดินเข้ามาทางด้านหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วยื่นมือออกไปดึงมือขวาของเธอขึ้นมา
นิ้วชี้ลูบลงบนแหวนหมั้นบนนิ้วกลางของเธอ จี้จิ่งเชินก้มหน้าลง แล้วเอาหน้าผากแนบหน้าผากของเธอ
“รอให้หลังจากเรื่องนี้สิ้นสุดลงแล้ว พวกเราแต่งงานกันนะครับ?”
“พี่ขอแต่งงานแบบนี้อย่างนั้นหรือ?”เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้ม
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว ทันใดนั้นเองก็รู้สึกว่าฉุกละหุกเกินไปอยู่บ้าง
และขณะที่กำลังจะเตรียมหาสิ่งของบางอย่างมานั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับดึงเสื้อเขาเอาไว้
“ได้ค่ะ ถึงตอนนั้นแล้วเราแต่งงานกันนะคะ”
จี้จิ่งเชินได้ยินแล้ว จึงยิ้มออกมาอย่างช้าๆ
เขาโน้มตัวลงมา แล้วบรรจงจูบลงบนหน้าผากของเวินเที๋ยนเที๋ยน
“งั้นก็ทำให้ทุกอย่างจบลงเร็วๆนะครับ”
ส่งจี้จิ่งเชินกลับไปแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูแหวนบนนิ้วของตัวเอง อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
รอจนหลังจากที่คุณนายหล่อนกลับมาแล้ว ค่อยบอกเธอแล้วกัน
เธอกำลังนึกถึงท่าทางที่ดูดีใจของจี้จิ่งเชินแล้ว ก็ยิ้มตามออกมาด้วยเช่นกัน
ผู้จัดการหยางเคยบอกไว้ ว่าตระกูลหล่อนไม่ได้รับเป็นตัวแทนอำนาจตัวแทนยุทโธปกรณ์นี้มาเป็นสิบปีแล้ว
เดิมทีเวินเที๋ยนเที๋ยนคิดว่านี่คือผลลัพธ์ที่พ่ายแพ้จากการแย่งชิงของทั้งสองตระกูลนี้
แต่รอจนกระทั่งเธออ่านข้อมูลทั้งหมดเสร็จแล้วนั้น กลับพบว่าในช่วงสิบปีนี้ ตระกูลหล่อนไม่เคยได้ไปช่วงชิงการเป็นตัวแทนอำนาจตัวแทนยุทโธปกรณ์นี้อย่างจริงๆจังๆเลย
ไม่กี่ครั้งก่อนหน้านี้ หล่อนหลีรวบรวมข้อมูลได้น้อยมาก แม้แต่แผนงานของแต่ละปีก็ยังมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนอดที่จะสงสัยไม่ได้ ว่าพวกเขาจะตั้งใจที่จะให้อำนาจการเป็นตัวแทนยุทโธปกรณ์นี้กับตระกูลเวินอย่างนั้นหรือ?
เธอยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย ไม่สามารถคาดเดาความคิดของหล่อนหลีได้เลย
เวินหงหยู้กับหล่อนหลีเมื่อนานมาแล้วพวกเขาคงจะมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกัน และอะไรคือสาเหตุที่ทำให้พวกเขาที่เป็นทายาทได้มาอยู่ด้วยกัน?
อีกทั้งพวกเขาก็ยังไม่ได้แต่งงาน โสดมาจนถึงทุกวันนี้
ถ้าหากเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ก็คงจะดีสินะ
แต่ตอนนี้เพียงคนเดียวที่รู้ทุกอย่างกลับหาตัวไม่เจอเสียอย่างนั้น ส่วนคนของตระกูลเวินนั้นก็คงจะไม่ยอมบอกเธออย่างแน่นอน…..
ตระกูลเวิน?
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอึ้งไป จู่ๆเธอก็นึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา
เธอลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นมา กดเบอร์โทรออกของหลวนจื่อ
“หลวนจื่อ ฉันมีเรื่องต้องการให้เธอช่วยหน่อย”
“เที๋ยนเที๋ยน? เธอรอก่อนนะ”
ทางฝั่งของหลวนจื่อนั้นเสียงดัง แล้วสักพักหนึ่งเธอจึงเดินออกมาหาที่เงียบๆคุย
“มีอะไรหรือ?”
“คุณป้าของเธอคือภรรยาของเวินหงไห่ใช่ไหม? ฉันอยากจะให้เธอช่วยสืบบางอย่างให้หน่อยน่ะ” เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยขึ้นมา
หลวนจื่อตอบรับอย่างไม่ได้รู้สึกสงสัย
“เรื่องอะไรล่ะ?”
“เธอช่วยฉันสืบหน่อยสิว่าเวินหงหยู้กับหล่อนหลีมีความสัมพันธ์อะไรกัน แล้วก็ช่วยฉันดูหน่อยสิว่าหลังจากที่เวินหงหยู้กลับมาที่ตระกูลเวินแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง? มีอันตรายหรือเปล่า?”
ถึงแม้ว่าหลวนจื่อจะไม่เข้าใจว่าทำไมเวินเที๋ยนเที๋ยนถึงต้องให้เธอสืบเรื่องนี้ แต่ก็ยังรับปาก : “ได้สิ พอดีเลยพรุ่งนี้ฉันจะไปที่ตระกูลเวินอยู่พอดี”
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินแล้วก็รู้สึกวางใจขึ้น
“โอเค ขอบคุณเธอมากนะ แต่อย่าบอกว่าเป็นฉันถามล่ะ”
“อืม” หลวนจื่อตอบรับ แล้วจู่ๆก็ร้องเรียกเธอขึ้นมา “ใช่แล้ว เที๋ยนเที๋ยน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังจะวางสายไปนั้น จึงหยุดลงอย่างรวดเร็ว
“อะไรหรือ?”
หลวนจื่อเงียบไปพักหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้น : “ฉันช่วยเธอถามเรื่องนั้นแล้ว เธอจะช่วยฉันเรื่องนึงได้หรือเปล่า?”
วันต่อมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนมายังบริษัทโทรทัศน์หัวไต้
ที่นี่เป็นกิจการของตระกูลเวิน เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนมาแล้วนั้น พนักงานตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้าจึงรีบออกมาต้อนรับเธอ
“คุณเวิน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปรอบๆ เห็นว่าคนจำนวนไม่น้อยกำลังมองมาที่เธอ แล้วขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“หมินอันเกออยู่ไหมคะ?”
บุคคลนั้นมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความประหลาดใจ
“อยู่ค่ะ! ฉันพาคุณไปนะคะ”
ว่าแล้ว ก็ส่งยิ้มมาให้เวินเที๋ยนเที๋ยน