เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 323 คุณไม่สบายแล้ว
บทที่ 323 คุณไม่สบายแล้ว
ก่อนหน้านี้เวินเที๋ยนเที๋ยนเคยมีข่าวกับหมินอันเกอ ก่อนหน้าที่จะเข้ามายังตระกูลหล่อนเสียอีก
และตอนนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนมาหาหมินอันเกอ จึงทำให้คนอื่นอดที่จะรู้สึกสงสัยไม่ได้
คนตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้ามองพิจารณาเวินเที๋ยนเที๋ยน เห็นว่าในมือของเธอนั้นถือกล่องข้าวเอาไว้ เห็นได้ชัดว่ามาส่งอาหารกลางวันให้นั่นเอง ทันใดนั้นในแววตานั้นก็แสดงออกถึงอาการเยาะเย้ยออกมา
เธอพาเวินเที๋ยนเที๋ยนขึ้นไปด้านบน เดินมาถึงด้านหน้าประตูห้องพักผ่อน
“พี่หมินเพิ่งจะพักน่ะค่ะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า เมื่อเห็นว่าเธอจะไปแล้วนั้น จึงร้องเรียกเธอเอาไว้เสียก่อน
“ช่วงนี้หมินอันเกอยุ่งมากไหมคะ? เขากำลังยุ่งอะไรอยู่คะ แม้แต่ข้าวก็ไม่ได้ทานแบบนี้”
พนักงานตรงเคาน์เตอร์ยิ้มพลางเอ่ยพูดขึ้น : “อุ๊ย คุณยังไม่รู้หรือคะ?”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของเธอเอ่ยขึ้น แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่แสดงอาการใดๆของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วนั้น ถึงได้เก็บอาการของตัวเองลงมาบ้าง
“บริษัทกำลังเตรียมให้หมินอันเกอไปต่างประเทศ ช่วงนี้ก็เลยยุ่งมากค่ะ”
พูดจบแล้ว เธอก็เอามือปิดปากหัวเราะแล้วหันหลังเดินออกไป
และเมื่อเพิ่งจะเดินเข้าลิฟต์มานั้น เธอก็รีบกดโทรออกหาเบอร์นักข่าวทันที
“คุณทายสิคะว่าเมื่อกี้ฉันเห็นอะไรมา? เวินเที๋ยนเที๋ยนมาหาหมินอันเกอ คุณว่าข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่หรือเปล่า? คุณมาตอนนี้เลย ยังจะพอถ่ายรูปได้ทัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนผลักประตูห้องพักผ่อนเข้าไป เห็นหมินอันเกอกำลังนอนคว่ำลงบนโต๊ะ แม้แต่ตอนที่เธอเดินเข้ามานั้นเขาก็ยังไม่รู้สึกตัว
และพอเข้าไปใกล้ ก็เห็นว่าบนหน้าผากของเขานั้นมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา ราวกับกำลังออกกำลังกายเสร็จอย่างไรอย่างนั้น
มิน่าล่ะช่วงนี้ถึงไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของหมินอันเกอเลย ที่แท้เขาก็มีงานใหม่นี่เอง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินขมวดคิ้วเข้าไป เอาอาหารที่ถืออยู่ในมือวางลงบนโต๊ะ พลางเอ่ยขึ้น : “ต่อให้คุณจะยุ่งกว่านี้ ก็จะไม่ทานข้าวไม่ได้นะคะ”
ได้ยินเสียงนี้แล้ว หมินอันเกอที่กำลังหลับตางีบอยู่นั้นจึงลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เงยหน้าขึ้นมามองเวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจ : “คุณมาได้อย่างไรครับ?”
“ถ้าหากฉันไม่มา เมื่อไหร่คุณถึงจะทานข้าวคะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเปิดกล่องข้าวออก แล้วหยิบอาหารทานเล่นที่ที่บ้านทำเองออกมาจากด้านใน
“ทานอะไรก่อนนะคะ ไม่ได้เจอไม่กี่วัน คุณก็ผอมขนาดนี้แล้ว”
หมินอันเกอที่อยู่ตรงหน้าซูบผอมลงไปมาก สีหน้าก็ดูแย่ มิน่าล่ะหลวนจื่อถึงได้ไม่วางใจแบบนั้น
พอเปิดกล่องอาหารออกนั้นหมินอันเกอก็ได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมา เดิมทีที่ไม่ได้มีความอยากอาหาร ก็รู้สึกอยากขึ้นมาในทันใด
เขารับตะเกียบมา แล้วรีบทาน
เขาไม่ได้เริ่มทานอะไรมาหลายวันแล้ว แม้กระทั่งผู้จัดการของเขาเองก็ยังบอกว่าถ้าหากเขาไม่ทานอะไรอีกแบบนี้ ก็จะให้เขาไปฉีดยารับสารอาหารที่โรงพยาบาลแทนแล้ว
เวินเที๋ยนเที๋ยนนั่งลงตรงข้ามเขา มองดูท่าทางที่กินอย่างมูมมามของเขา พลางเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง : “คุณไม่ได้ทานอะไรเลยมากี่วันแล้วคะ?”
หมินอันเกอที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาในการกินอยู่นั้น ยกนิ้วสามนิ้วขึ้นมา
“ไม่ได้ทานข้าวมาสามวัน?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเบิกตาโตด้วยความตกใจ
“ตอนนี้คุณเป็นศิลปินที่โด่งดังที่สุดในประเทศแล้ว ไม่ต้องพยายามสุดความสามารถขนาดนี้ก็ได้ค่ะ”
หมินอันเกอส่ายหน้า พลางดื่มน้ำ : “มันช้าเกินไปครับ”
“เดิมทีผมคิดว่าผมโดดเด่นมากพอแล้ว แต่ต่อมาเพิ่งจะรู้ว่า สิ่งที่ผมยังขาดอยู่นั้นยังมีอีกมาก”
เขายิ้มฝืนๆออกมา แววตานั้นมองไปยังเวินเที๋ยนเที๋ยน
“จากความสามารถของผมตอนนี้ ยังไม่สามารถปกป้องคนที่ผมต้องการจะปกป้องได้เลย”
ไม่รู้ว่าคิดถึงเรื่องอะไรขึ้นมา หมินอันเกอจึงกำหมัดขึ้นมาแน่นในทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนี้ ก็ต้องดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองให้ดีด้วยสิคะ ยังมีคนที่เป็นห่วงคุณอยู่นะ”
หมินอันเกอเงยหน้าขึ้นมา มองเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยแววตาที่ร้อนผ่าว
“ใช่หรือครับ? ผมคิดว่าไม่มีคน…..”
เขาเอาถ้วยและตะเกียบในมือนั้นวางลง แล้วหัวเราะออกมา “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ทานอาหารที่คุณทำ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกอึ้งไป
“จริงๆแล้ว ฉันไม่ได้เป็นคนทำหรอกค่ะ”
หมินอันเกอเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยความประหลาดใจ
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอ่ยพูดขึ้นต่อ : “หลังจากที่หลวนจื่อทำเสร็จแล้ว เธอให้ฉันเอามาส่งให้คุณค่ะ”
หมินอันเกอมองเธอด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง
“ทำไมเธอไม่มาเองล่ะครับ?”
“ก่อนหน้านี้เธอเอามาส่งหลายครั้งแล้ว แต่คุณก็ไม่ทานเลย เลยขอให้ฉันมาช่วยน่ะค่ะ”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว หมินอันเกอก็หยุดการเคลื่อนไหวลง
รอยยิ้มที่มุมปากของเขาเปลี่ยนไปดูเจ็บปวดขึ้นมา
“ใช่ไหมครับ? ผมคิดว่าเป็นคุณ…..”
เสียงของเขาต่ำมาก แต่ก็ยังคงส่งมาถึงเวินเที๋ยนเที๋ยนอยู่ดี
แต่ไม่นาน หมินอันเกอก็หัวเราะขึ้นมา พลางเอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อ : “ผมไม่รู้เลยจริงๆว่าหลวนจื่อจะทำอาหารเป็นด้วย”
“เธอตั้งใจเรียนเพื่อจะได้ทำอาหารให้คุณโดยเฉพาะเลยนะคะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองเขา แม้แต่ตัวเองก็ยังมองออกถึงความรู้สึกที่หลวนจื่อมีต่อหมินอันเกอ
แต่หมินอันเกอกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
จู่ๆเขาก็ลุกขึ้นยืน พลางเอ่ยพูดว่า : “ผมเดินลงไปส่งคุณดีกว่าครับ ตระกูลหล่อนยังคงจะมีอะไรให้คุณต้องจัดการอีกเยอะ”
ว่าแล้วนั้น ไม่รอให้เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ปฏิเสธ ก็พาเธอเดินลงมายังด้านล่าง
จนกระทั่งถึงตรงด้านนอกบริษัท หมินอันเกอถึงได้เอ่ยพูดขึ้น : “ได้ยินมาว่าตระกูลหล่อนเกิดเรื่องขึ้นหรือครับ? ถ้าหากมีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ คุณบอกผมได้เลยนะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจัดการได้ ไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกค่ะ”
ได้ยินประโยคนี้แล้ว หมินอันเกอจึงกลืนคำพูดของตัวเองลงไป
ความสามารถของเขาคงไม่เพียงพออย่างนั้นจริงๆ เพราะแม้แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนเองก็ยังปิดบังเขา
เป็นเพราะเขาช่วยอะไรไม่ได้เลย
หมินอันเกอคิดแล้วนั้น มือที่ปล่อยอยู่ข้างลำตัวก็กำแน่นขึ้น
ให้เวลาเขาอีกสักหน่อย รอให้เขามีความสามารถมากกว่านี้ เขาจะเป็นที่พึ่งให้กับเวินเที๋ยนเที๋ยนได้!
เขาตัดสินใจด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้ม
“ผมรู้แล้วล่ะ คุณกลับไปก่อนเถอะครับ”
“อืม”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันหลังจะเดินจากไป แต่จู่ๆหมินอันเกอก็ดึงเธอเอาไว้เสียก่อน
“รอเดี๋ยวครับ”
เขายื่นมือออกมาช่วยขยับผ้าพันคอให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
“ระวังหน่อยนะครับ อากาศหนาว”
เพิ่งจะเอ่ยพูดเสร็จนั้น ตรงมุมหนึ่งในลานกว้างก็มีร่างของคนสองสามคนผ่านแวบไป
หมินอันเกอมองไปทางนั้นพลางขมวดคิ้ว เห็นคนที่แต่งตัวเหมือนนักข่าวสองคนที่รีบวิ่งออกไปจากมุมนั้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองตามไป
“นักข่าวใช่ไหมคะ?”
หมินอันเกอขมวดคิ้วขึ้น
“ด้านนอกบริษัทมักจะมีนักข่าวอยู่แบบนี้แหละครับ คุณกลับไปก่อนเถอะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้า หันหลังกลับออกไปโดยไม่ได้อยู่ตรงนั้นต่อ
หลังจากที่กลับมาถึงตระกูลหล่อนแล้ว ยังผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่นาที เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงติดต่อไปหาหลวนจื่อ
“เขากินแล้วใช่ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเอากล่องอาหารวางลง แล้วเอ่ยขึ้น : “จริงๆแล้วเธอเป็นคนเอาไปส่งให้เขาเองก็ได้เหมือนกันนี่”
“ไม่เหมือนกันหรอก……”
หลวนจื่อเอ่ยพูดขึ้นมา แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก แล้วเอ่ยบอกกับเธอ : “เรื่องที่เธอให้ฉันไปสืบมา ฉันถามมาแล้วนะ”
สีหน้าของเวินเที๋ยนเที๋ยนจริงจังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว : “เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่?”
“เรื่องนี้ จะต้องย้อนกลับไปนานเลยล่ะ…….”
วันรุ่งขึ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมายังคฤหาสน์
เมื่อพ่อบ้านเห็นเธอแล้ว จึงเข้ามาต้อนรับด้วยความประหลาดใจ
“คุณมาดูเด็กๆหรือเปล่าครับ?”
ว่าแล้วก็จะนำเธอออกมาทางด้านนอก
เวินเที๋ยนเที๋ยนจึงรีบขวางเขาเอาไว้ก่อน
“ไม่ใช่ค่ะ วันนี้ฉันมาหาจี้จิ่งเชิน”
พ่อบ้านได้ยินแล้ว ก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“คุณผู้ชายอยู่ในห้องหนังสือครับ”
เขาเดินนำเวินเที๋ยนเที๋ยนมาตรงประตูหน้าห้องหนังสือของจี้จิ่งเชิน ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น : “คุณผู้ชายอยู่ด้านในครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปพยักหน้ากับเขา ไม่รู้ว่าทำไมพ่อบ้านถึงได้ดีใจขนาดนี้
เธอผลักประตูเข้าไป
“จี้จิ่งเชิน ฉันรู้เรื่องตระกูลหล่อนและตระกูลเวินที่……”
เธอเอ่ยพูดออกมาได้เพียงครึ่งประโยค เงยหน้าขึ้นมามอง กลับเห็นจี้จิ่งเชินกำลังกินอะไรบางอย่างอยู่ ทั้งในมือเขายังมีขวดยาอยู่อีกด้วย
“พี่กำลังทำอะไรคะ? พี่ไม่สบายหรือ?”