เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 301 เกิดเรื่องแล้ว
บทที่ 301 เกิดเรื่องแล้ว
จี้จิ่งเชินพูดว่า: “ก็ได้ ถ้าคุณกลับบ้านตระกูลหล่อนคุณก็ส่งข้อความบอกผมสักหน่อยนะ ผมจะได้รู้ว่าคุณกลับไปถึงบ้านอย่างปลอดภัย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนแปลกใจกับความสดชื่นของเขา เธอพยักหน้าตอบรับ
“อืม”
“ถ้าอย่างนั้นผมเลิกงานก่อนเวลาเลยดีไหม? ”จี้จิ่งเชินถามหยั่งเชิง
พูดจบเขาก็มองหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยน
ไม่ว่าจะมองยังไงเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังคงรู้สึกว่าสายตาของเขานั้นหมายความว่าอยากจะกลับไปกับเธอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบกลับไปว่า: “ถ้าอย่างนั้นก็กลับเถอะ”
พูดจบสายตาของจี้จิ่งเชินก็เปล่งประกายถึงความหดหู่และก็จากไปในที่สุด
เขาเพิ่งจะเดินออกมาจากบริษัทหล่อนซื่อ และจงหลีที่รออยู่ด้านนอกก็รีบเข้ามาหาเขาทันที
ในมือของจงหลีนั้นถือเอกสาร และเดินตามหลังจี้จิ่งเชินไป
“ประธานจี้ครับ นี่เป็นงานที่ต้องเคลียร์ในวันนี้ และต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ครับ”
“และยังมีการประชุมที่ท่านประธานได้เลื่อนเอาไว้ในครั้งที่แล้ว ซึ่งจะจัดประชุมขึ้นในวันพรุ่งนี้ และสำหรับโครงการที่ที่ได้เจรจากันไว้ก่อนหน้านี้บางที่ก็ต้องไปตกลงกับพวกขาอีกครั้งครับ…… ”
จี้จิ่งเชินเดินนำหน้าไป ส่วนจงหลีนั้นเดินตามหลังเขา จงหลีดูเอกสารที่อยู่ในมือไปด้วย พร้อมทั้งรายงานให้จี้จิ่งเชินทราบถึงงานที่ต้องทำในวันนี้ด้วย
เดิมทีเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจี้จิ่งเชินถึงได้มาที่บริษัทหล่อนซื่อ และยอมลดตัวมารับตำแหน่งผู้ช่วยของเวินเที๋ยนเที๋ยน
ตอนนี้จี้จิ่งเชินไม่เพียงแต่จะมาทำงานที่บริษัทหล่อนซื่อ แต่ยังดูแลบริษัทเอ็มไอกรุ๊ปอีก เขาเจียดเวลาไป ๆ มา ๆ แบบนี้
ตอนนี้ร่างกายของเขาก็ยังคงบาดเจ็บอยู่ ยังต้องกลับโรงพยาบาลไปตรวจร่างกายเพื่อการรักษาอีกครั้ง
คิดไปคิดมาขนาดจี้จิ่งเชินเองยังไม่บ่นเลย แล้วเขามีสิทธิ์จะพูดอะไรได้ล่ะ?
จี้จิ่งเชินเดินขึ้นรถพร้อมทั้งเอาเอกสารในมือจงหลีมา เขาพลิกเอกสารดูก็พบว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ
เขาขมวดคิ้วขึ้นทันที
“สัญญานี้ใครเป็นคนทำ? ”
เมื่อได้จงหลีได้ยินเช่นนี้ก็รู้ทันทีว่าอารมณ์ของเขานั้นต้องไม่ดีแน่ จงหลีรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
จี้จิ่งเชินพูดต่ออีกว่า: “ฉันเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าก่อนที่จะเอามาให้ฉันดูต้องตรวจสอบก่อนสิบรอบ? ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น? เห็นว่าฉันไม่ได้อยู่บริษัทก็เลยทำงานกันลวก ๆ แบบนี้น่ะเหรอ?”
จงหลีรีบชะโงกหน้าไปมองเอกสารนั้นทันที เมื่อเขาพบว่าภายในเอกสารมีความผิดพลาดอยู่เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นแล้วเขาก็ยังรู้สึกว่าวันนี้อารมณ์ของจี้จิ่งเชินนั้นไม่ดีนัก
เดิมทีนั้นคิดว่าเขาอยู่กับเวินเที๋ยนเที๋ยนทั้งวันไม่น่าจะมีอารมณ์ที่โกรธเป็นไฟขนาดนี้ได้
แต่คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ดูจากตอนนี้แล้วอารมณ์เขาตอนนี้นั้นเทียบกับก่อนหน้านี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
จริง ๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตกลงแล้วการทำงานเป็นผู้ช่วยมันยากมากเลยเหรอ?
จงหลีได้เพียงแต่คิดในใจแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
เขาทำได้แต่พูดกับจี้จิ่งเชินว่า: “หรือว่าพวกเขาไม่ได้คำนึงถึงจุดนี้ กลับไปผมจะให้พวกเขาแก้ใหม่อีกครั้งครับ”
จี้จิ่งเชินเปิดดูเอกสารหน้าถัดไปด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก จากนั้นก็ดูเอกสารต่อว่ามีตรงไหนที่ผิดอีกหรือเปล่า
ส่วนทางด้านของเวินเที๋ยนเที๋ยนตอนนี้นั้นเธอได้ทำงานของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนขับรถของบ้านตระกูลหล่อนตอนนี้นั้นมาถึงบริเวณชานเมืองแล้ว
แต่หมินอันเกอนั้นได้มาถึงก่อน เขากำลังเจรจาหารืออยู่กับช่างก่อสร้าง
เวินเที๋ยนเที๋ยนเดินเข้าไป
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ”
หมินอันเกอขมวดปมคิ้วขึ้นดูเหมือนว่าเขากลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก
“พวกเขาบอกว่าระยะเวลาการก่อสร้างสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอาจจะต้องขยายเวลาออกไปจนถึงเดือนมีนาคมของปีนี้ถึงจะเสร็จ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองดูอาคารการก่อสร้างที่ยังไม่เสร็จ ในที่สุดเธอก็รู้ถึงผลกระทบที่จะตามมา
“แต่ถ้าหากเป็นแบบนี้ก็ไม่สามารถย้ายเด็ก ๆ ออกมาจากสถานสงเคราะห์ได้ ถึงตอนนั้นพวกเขาอาจจะต้องถูกบังคับให้แยกกันไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่อื่น”
เวินเที๋ยนเที๋ยนมองไปยังนักออกแบบที่ยืนอยู่
“ก่อนหน้านี้บอกว่าเสร็จก่อนกำหนดไม่ใช่เหรอคะ? ”
นักออกแบบที่ยืนอยู่สองสามคนได้แต่ส่ายหน้า
“ก่อนหน้านี้เป็นความผิดพลาดของพวกเราเองครับ พวกเราไม่ได้ดูพื้นที่ให้ดี ตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่าก่อนหน้านี้ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่ยุบเป็นหลุมมาก่อน”
“ถ้าหากสร้างอาคารตรงนี้ต้องถมดินก่อน และทำการถมทับอย่างละเอียด และหลังรวมเป็นพื้นที่อันหนึ่งอันเดียวกันแล้วถึงจะทำการก่อสร้างได้ครับ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วหากมาถมดินทีหลังต่อให้ถมทับไปลึกเท่าไหร่ผ่านไปสักระยะตึกอาจจะถล่มลงมาได้ ถึงตอนนั้นแล้วมันอันตรายมากครับ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองพื้นที่ว่างอีกทางด้านหนึ่ง เธอไม่เคยคิดถึงสถานการณ์นี้มาก่อนเลย
“แล้วตอนนี้จะทำยังไงล่ะ? ”
“ผมขอแนะนำว่ายืดเวลาออกไปหน่อยสักสามเดือน ขอเวลาให้พวกเราหน่อยเพื่อจะได้มั่นใจว่าอาคารมีเสถียรภาพ และปลอดภัย แต่ถ้าหากพวกคุณยังคงยืนยันคำเดิม ก็สามารถเสร็จก่อนกำหนดได้เช่นกัน”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำนี้แล้วเธอก็ขมวดปมคิ้วขึ้นทันที
เธอจะให้เด็ก ๆ เหล่านั้นอาศัยอยู่ในอาคารที่อันตรายแบบนั้นได้อย่างไรกัน?
ดูจากสถานการณ์นี้แล้วก็คงทำได้แค่ยืดเวลาออกไป
แต่เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียวเท่านั้นก็จะถึงเวลาที่ทางสถานสงเคราะห์ได้กำหนดไว้แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นเด็ก ๆ ก็จะถูกบีบบังคับได้ออกจากที่นั่น และแยกย้ายกันไปโดยที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเลย
เมื่อคิดเช่นนี้แล้วเวินเที๋ยนเที๋ยนก็ขมวดปมคิ้วขึ้นอีกครั้ง และรู้สึกกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก
หมินอันเกอที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นว่า: “หรือไม่ถ้าอย่างนั้นแล้วเราหาเช่าที่สักที่ไว้ก่อนดีไหม เอาให้เด็ก ๆ พอจะมีที่อยู่กันก่อน หลังจากที่นี่สร้างเสร็จก็ค่อยย้ายเด็ก ๆ มา”
“ตอนนี้ก็มีแค่วิธีนี้วิธีเดียวแล้วล่ะ”
ในตอนนี้เด็ก ๆ ที่สถานสงเคราะห์มีกันทั้งหมดสามสิบกว่าคน ไม่สามารถให้พวกเขาพักอยู่ที่โรงแรมนานเป็นเวลาสองเดือนได้
ถ้าหากสามารถหาบริเวณที่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับพวกเขาได้ก็คงดีกว่า
หมินอันเกอพูดขึ้นว่า: “เดี๋ยวพี่จะลองสอบถามจากคนรู้จักดูว่าพอจะมีพื้นที่ที่เหมาะสมบ้างไหม ถ้ามีความคืบหน้ายังไงพี่จะแจ้งอีกที”
“ได้ เดี๋ยวฉันจะกลับไปถามที่บ้านอีกทาง”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าตอบอีกทั้งยังเดินไปกับหมินอันเกอเพื่อสำรวจแผนการทำงานของการดำเนินการก่อสร้าง
ตลอดจนถึงเวลายามค่ำเธอถึงจะกลับบ้าน
เมื่อกลับมาถึงบ้านตระกูลหล่อนเธอก็เพิ่งจะนึกได้ว่าต้องส่งข้อความไปรายงานให้จี้จิ่งเชินทราบว่าเธอถึงบ้านอย่างปลอดภัย
เธอหยิบมือถือขึ้นมากำลังจะส่งข้อความไปหาเขาแต่ไม่รู้ผีสางเทวดาตนไหนบันดาลให้เธอเผลอกดโทรต่อสายไปหาเขา
เมื่อได้ยินเสียงรอสายเธอก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เธอจะรีบตัดสายทิ้งแต่นึกไม่ถึงเลยว่าจี้จิ่งเชินจะกดรับสายเสียก่อน
“เที๋ยนเที๋ยน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอจึงพูดขึ้นมาว่า: “จี้จิ่งเชิน ฉันเอง”
“ผมรู้”น้ำเสียงของจี้จิ่งเชินเหมือนจะขำเล็กน้อย
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย จนกระทั่งอุณหภูมิที่หน้าเธอเริ่มสูงขึ้น
จี้จิ่งเชินพูดต่อว่า: “เป็นยังไงบ้าง? เพิ่งจะถึงบ้านเหรอ? ”
“อือ”
เธอตอบกลับไปคำหนึ่ง จากนั้นทั้งสองก็เงียบลงทันใดไม่มีใครเปล่งเสียงอะไรออกมาทั้งนั้น
ผ่านไปครู่หนึ่งเวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นมาว่า: “ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันวางแล้วนะ”
เธอกำลังจะวางสายแต่จี้จิ่งเชินก็พูดขึ้นมาว่า
“เที๋ยนเที๋ยน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดชะงักลง
จี้จิ่งเชินพูดขึ้นอย่างช้า ๆ ว่า: “ผมมองไปรอบ ๆ บ้านและได้พบกับดอกกุหลาบสีขาวช่อหนึ่ง”
“แต่ดอกมันยังตูมอยู่เลย รอให้มันบานผมจะชวนคุณมานะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอนึกไม่ถึงเลยว่าจี้จิ่งเชินจะเลือกพูดเรื่องนี้ขึ้น
“ตอนนี้ดอกไม้ช่อนี้มันอยู่ตรงหน้าผม คาดว่าพรุ่งนี้ก็คงจะบาน”
เมื่อเวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินคำนี้ภาพก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอทันที
พื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ เมื่อมองดูแล้วบนท้องฟ้าและพื้นดินก็เต็มไปด้วยหิมะ
จี้จิ่งเชินนั่งยอง ๆ ท่ามกลางพุ่มดอกกุหลาบ
ใบของต้นดอกกุหลาบก็ร่วงหล่นลงมา เหลือก็เพียงแค่กิ่งก้านที่หิมะหล่นลงมาปกคลุมอย่างหนา
ภายในเกล็ดหิมะใสมีดอกกุหลาบบานสะพรั่งอยู่
จี้จิ่งเชินยิ้มมุมปาก ดูรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเป็นอย่างมาก
เวินเที๋ยนเที๋ยนเม้มปากเล็กน้อย
“ได้สิ”