เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 302 คิดซะว่าเป็นแค่อากาศ
บทที่ 302 คิดซะว่าเป็นอากาศ
วันต่อมาเวินเที๋ยนเที๋ยนกลับมาที่บริษัทหล่อนซื่อ และไปสอบถามกับผู้จัดการหยางว่ายังพอจะมีที่ที่พอจะรับเด็กให้อาศัยอยู่ชั่วคราวไหม
ผู้จัดการหยางได้ยินคำถามนี้ของเธอก็ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างยากลำบากใจ
“เด็กสามสิบกว่าคน ที่ปกติทั่วไปน่าจะอยู่ไม่พอ หรือว่าจะเป็นโรงแรม หรือว่าจะเป็นหอพัก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าพร้อมทั้งพูดว่า: “พวกเขาจำเป็นต้องพักชั่วคราวเป็นเวลาสองเดือน หากพักที่โรงแรมมีทั้งคนเลวและคนดีอยู่ปะปนรวมกันไปหมดอาจจะวุ่นวายได้ และมันอันตราย”
“ถ้าเป็นเช่นนี้เดี๋ยวผมจะลองไปสอบถามดูว่าพอจะมีหอพักว่างหรือเปล่า”
“หากว่ามีที่พักว่างบอกฉันทันทีเลยนะ”
“ครับ”
ผู้จัดการหยางวางของที่อยู่ในมือวางลง และประตูห้องก็ถูกผลักออกอีกครั้ง จี้จิ่งเชินในมือถือเอกสารเดินเข้ามา
เมื่อได้ยินทั้งสองคุยกันเขาก็พูดขึ้นทันทีว่า: “พวกคุณกำลังหาที่อะไรกันเหรอ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองเขา และในหัวเธอก็นึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาทันที
“เมื่อวานฉันกับพี่หมินได้ไปที่ชานเมือง ไปดูการก่อสร้างสถานสงเคราะห์แห่งใหม่ บังเอิญว่าที่นั่นเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยไม่สามารถก่อสร้างเสร็จทันเวลาได้ ตอนนี้ฉันกำลังหาสถานที่พักชั่วคราวเพื่อให้เด็ก ๆ ได้พักอาศัยอยู่ชั่วคราว หลังจากที่นี่สร้างเสร็จเราค่อยย้ายพวกเขากลับมา”
จี้จิ่งเชินยื่นสัญญาในมือให้เธอ “แล้วหาเจอหรือยังล่ะ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดปมคิ้วขึ้นด้วยความเคร่งเครียด
“ยังเลย มีเด็กทั้งหมดสามสิบกว่าคน และพวกเขาต้องพักในสถานที่ชั่วคราวเป็นเวลานานถึงสองเดือน ซึ่งการหาที่ที่เหมาะสมกับเด็ก ๆ มันหายากมาก”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วพร้อมทั้งครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็คิดขึ้นมาได้
เขาหันไปมองเวินเที๋ยนเที๋ยนพร้อมทั้งพูดขึ้นว่า: “ในเมื่อหาไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเขามาอยู่ที่คฤหาสน์สิ”
“คฤหาสน์อย่างนั้นเหรอ? ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนเงยหน้าจ้องมองเขาด้วยความตกใจ
จี้จิ่งเชินพยักหน้าและพูดว่า: “คฤหาสน์มีพื้นที่ที่กว้างมาก สำหรับเด็กสามสิบกว่าคนนั้นมีพื้นที่เหลือเฟือ”
“แต่ว่า……”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยังคงลังเลใจ
ตั้งแต่จี้จิ่งเชินได้สร้างแต่งเติมคฤหาสน์ใหม่ อย่าว่าแต่คฤหาสน์เก่าเลยแม้แต่ทางเข้าแค่ปลายเท้าเขาก็ยังไม่ยอมให้ใครเข้ามาได้เลย
คนที่จะเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์นั้นหายากมาก
จี้จิ่งเชินไม่ชอบให้ใครย่างเท้าเข้าไปยุ่งขอบเขตของเขาเป็นที่สุด
และดูจากนิสัยของจี้จิ่งเชินแล้วนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยังคงรู้สึกว่าจี้จิ่งเชินไม่น่าจะเข้ากับเด็กสามสิบกว่าคนได้เลย
ถึงแม้ว่าคฤหาสน์นั้นจะเป็นที่ที่ดีที่สุด แต่เวินเที๋ยนเที๋ยนกลับไม่กล้าคิดจะให้พวกเขาไปอยู่ที่นั่น
เธอนึกภาพที่จี้จิ่งเชินอยู่กับเด็กสามสิบกว่าคนนั้นไม่ออกเลยจริง ๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นมาด้วยความกังวลใจว่า: “จะได้เหรอ? เด็กสามสิบกว่าคนมาอยู่รวมกันต้องเสียงดังหน่อย และคนที่ดูแลพวกเขาก็อาจจะลำบากใจ”
เธอพูดด้วยความนุ่มนวลและอ้อมค้อม ไม่ใช่นิดหน่อยสิ แต่เสียงดังมาก
ในจุดนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนเคยเจอมาก่อน
และหากดูแลเด็กจำนวนเยอะขนาดนี้ก็คงต้องขอให้คนมาช่วย
แต่จี้จิ่งเชินก็ยังคงพูดว่า: “ไม่เป็นไร ให้พวกเขาย้ายเข้ามาได้เลย”
ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบแต่เขาก็ยอมให้เด็ก ๆ เหล่านั้นย้ายเข้ามา
เขาอยากจะหาโอกาสเพื่อแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างกัน
สำหรับเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้วเด็ก ๆ ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหล่านั้นสำคัญกับเธอมาก รอถึงเวลารับเด็ก ๆ เหล่านั้นมาที่คฤหาสน์ก่อน เขาเชื่อว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนจะต้องมาที่คฤหาสน์เขาแน่
เมื่อถึงตอนนั้นก็คงจะมีเวลาด้วยกันมากขึ้น
นี่เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ !
จี้จิ่งเชินคิดในใจ เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แน่วแน่ว่า: “ผมจะบอกให้พ่อบ้านไปเก็บกวาดทำความสะอาดเดี๋ยวนี้ สองชั้นไม่มีคนอยู่เด็ก ๆ สามารถอยู่ที่นั่นได้”
เห็นเขากระตือรือร้นขนาดนี้เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย
นี่ตกลงตนเองมองจี้จิ่งเชินผิดไปเหรอ?
จริง ๆ แล้วเขารักเด็กมากเลยเหรอ?
เวินเที๋ยนเที๋ยนลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเธอก็พยักหน้า
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วหลังจากที่เตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยฉันจะไปสถานสงเคราะห์อีกครั้งเพื่อไปรับเด็ก ๆ ออกมา”
จี้จิ่งเชินถือโอกาสนี้พูดว่า“เรื่องเตรียมสถานที่ที่คฤหาสน์จะให้พ่อบ้านเป็นคนดูแลทั้งหมด ผมกับคุณเราไปสถานสงเคราะห์ด้วยกัน”
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังจะพูดออกมาว่าไม่ต้อง แต่เมื่อเธอคิดไปคิดมาดูดี ๆ แล้ว ในช่วงระยะเวลาสองเดือนนี้เด็ก ๆ ก็ต้องอยู่กับจี้จิ่งเชิน
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น คงต้องไปมาหาสู่กับเขาไปก่อนก็ดี
เธอพยักหน้าตอบรับ
“ได้ รอเลิกงานเราค่อยไปกัน”
จี้จิ่งเชินพยักหน้าด้วยความดีใจ
หลังจากที่ออกจากห้องทำงานในไม่นาน ทางด้านพ่อบ้านก็ได้เก็บกวาดห้องเสร็จเรียบร้อย และยังซื้อของที่เด็ก ๆ ต้องการมาด้วย
เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้สำหรับเขาแล้วไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากเลย ขอเพียงแค่เด็ก ๆ เหล่านั้นไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของเขา จี้จิ่งเชินก็สามารถคิดว่าพวกเขาเป็นแค่อากาศ
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เขาก็ไปที่สถานสงเคราะห์กับเวินเที๋ยนเที๋ยน
นี่เป็นครั้งแรกที่จี้จิ่งเชินมาที่นี่
เวินเที๋ยนเที๋ยนพาเขาไปดูเด็ก ๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
พวกเขากำลังนั่งเล่นเกมกันอยู่ แต่เมื่อเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยนเด็ก ๆ เหล่านั้นก็รีบวิ่งเข้ามากอดเวินเที๋ยนเที๋ยนด้วยความตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก
จี้จิ่งเชินยังไม่ทันได้พูดอะไรก็โดนเด็ก ๆ เบียดจนตัวเขาออกห่างจากเวินเที๋ยนเที๋ยน สายตาของเขามองไปยังเด็ก ๆ ที่กำลังล้อมรอบเวินเที๋ยนเที๋ยนจากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน
เด็ก ๆ แต่ละคนก็แย่งกันพูด คนนู้นพูดทีคนนี้พูดที เสียงดังอย่างกับตลาดนัด
เสียงอันแหลมคมของเด็ก ๆ ดังเข้าหูจี้จิ่งเชินอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกไม่เคยชินจากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เขามองไปที่เด็กที่ยิ้มเยาะคนนั้นจากนั้นเขาก็ยิ่งมั่นใจว่าตนเองไม่ชอบสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเด็ก
ดู ๆ ไปแล้วเวินเที๋ยนเที๋ยนจะคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เธอเดินเข้าไปพร้อมกับเด็ก ๆ พร้อมทั้งถามไถ่ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาอีกด้วย
เธอถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันเสร็จสิ้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็พูดขึ้นว่า: “พี่หาที่อยู่ใหม่ให้ได้แล้วนะ อีกสองวันเราจะย้ายออกจากที่นี่กัน เมื่อถึงตอนนั้นเราจะย้ายไปอยู่ที่นั่นกันสักพัก เมื่อสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าสร้างเสร็จ พวกเราถึงจะย้ายเข้าไปอยู่ได้”
พูดจบเธอก็หันหน้าไปหาจี้จิ่งเชินและพูดกับเด็ก ๆ ว่า: “พรุ่งนี้พวกเราจะย้ายไปอยู่ที่บ้านของพี่ชายคนนี้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหันไปมองจี้จิ่งเชิน เห็นว่าเขากำลังขมวดคิ้วอยู่ ดูลักษณะท่าทางไม่สบายใจ จากนั้นเธอก็เป็นกังวลขึ้นมาทันที
เธอบอกให้เด็ก ๆ ไปเก็บของของตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นเธอก็เดินไปที่จี้จิ่งเชิน
“ถ้าคุณรู้สึกไม่คุ้นชินฉันหาที่ใหม่ก็ได้นะ ตอนนี้ยังพอมีเวลา”
จี้จิ่งเชินส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร ไปหาที่ใหม่ตอนนี้ก็ไม่ทันหรอก คฤหาสน์ใหญ่ขนาดนั้นอยู่ได้สบาย”
เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว เขาจะคิดซะว่าเด็ก ๆ พวกนี้เป็นแค่อากาศ
ยิ่งไปกว่านั้นไม่ได้อยู่ในตึกเดียวกัน ไม่มีทางได้เจอกันแน่
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ยินเช่นนี้ก็ยังคงมองเขาด้วยความเป็นกังวล
ในใจก็คิดอยู่ว่าเดี๋ยวอีกสักครู่ต้องเตือนเด็ก ๆ สักหน่อยแล้วว่าอยู่ห่าง ๆ จี้จิ่งเชินไว้
จี้จิ่งเชินไม่รู้ว่าในใจของเวินเที๋ยนเที๋ยนนั้นคิดอะไรอยู่ แต่ในอีกด้านหนึ่งเธอก็ได้ตกลงกับเขาเรียบร้อยแล้ว
เขามองดูเด็ก ๆ พวกนั้นที่กำลังส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่ไกล ๆ ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
ในใจเขาคิดว่าเวลาสองเดือนกับเด็กอีกสามสิบกว่าคน เพื่อแลกกับเวินเที๋นเที๋ยน คุ้มแล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้แล้วก็รู้สึกดีเหมือนยกภูเขาออกจากอก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจี้จิ่งเชินคิดไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความคิดที่สวยหรูของเขา
ความสามารถของเด็ก ๆ เหล่านี้เกินกว่าที่เขาได้คิดเอาไว้
ไม่เพียงแต่ไม่สามารถคิดว่าเด็ก ๆ พวกนี้เป็นเพียงแค่อากาศได้ แม้กระทั่งเวินเที๋ยนเที๋ยนก็โดนแย่งไปอีกด้วย