เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 199 ซ่อมสร้อยคอ
บทที่ 199 ซ่อมสร้อยคอ
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจ
“แต่ถ้าดูตามสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ถึงแม้ว่าจะฟ้องร้องกันจริงๆ คุณก็เอาปราสาทกลับไปไม่ได้อยู่ดี”
เว่ยเอ๋อพยักหน้าแล้วพูดขึ้นว่า:“ฉันรู้ แต่ฉันก็ต้องลองดูสักตั้ง ถ้าฉันไม่ลองดูสักตั้งพอกลับไปแล้วคนอื่นรู้ จะว่าฉันเอาได้”
เป็นแบบนี้แล้ว พวกเขาคงไม่มีทางจะตกลงสัญญากันได้
นี่ต้องเห็นสองคนนี้ขึ้นโรงขึ้นศาลกันจริงๆหรอเนี่ย?
เว่ยเอ๋อดูออกว่าเที๋ยนเที๋ยนก็คงจะไม่มีปัญญาที่จะช่วยแล้ว พลางพูดขึ้นว่า:“เรื่องนี้ฉันไม่ทำคงไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะขึ้นศาลแล้ว คำพูดพวกนี้ฉันก็ยังคงต้องพูด ส่วนเรื่องคำขอของปู่ ฉันก็จะยอมแพ้ไม่ได้”
พอพูดจบ เขาก็ยืนขึ้นหันไปทางทั้งสองคน แล้วก้มหัวเล็กน้อย
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันไปก่อนนะ”
พอเขาไปแล้ว จี้จิ่งเชินก็พูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว:“อยากฟ้องก็ฟ้องไป ของมีค่าของประเทศฉันให้ใครไปไม่ได้ทั้งนั้น”
เวินเที๋ยนเที๋ยนทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่ในใจก็ยังเป็นกังวลเล็กน้อย
ผ่านไปสองวัน เธอคิดไปคิดมา ก็ตัดสินใจไปหาเว่ยเอ๋ออีกครั้ง
พอเดินเข้าไปในโรงแรมห้าดาวที่เขาพักอยู่นั้น ก็ได้เห็นเขาเดินลงมาจากข้างบน
เวินเที๋ยนเที๋ยนรีบเดินไปหาทันที
“เว่ยเอ๋อ?รอเดี๋ยวค่ะ”
เว่ยเอ๋อที่ได้ยินก็เหลียวหลังมามอง พอเห็นเวินเที๋ยนเที๋ยน เขาก็ยิ้มให้เธอเล็กน้อย
“พระเจ้า เที๋ยนเที๋ยน เธอคงไม่ได้มาเกลี้ยกล่อมฉันอีกหรอกนะ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มออกมาแหยๆ
“ถูกแล้วค่ะ ฉันมาด้วยความคิดนี้จริงๆ”
เว่ยเอ๋อที่ได้ยินก็ถอนหายใจออกมา
“ดูเหมือนคุณจี้คนนี้ จะเป็นแฟนของเธอจริงๆสินะ ถ้าหากไม่ใช่ แล้วทำไมเธอถึงต้องเหนื่อยลำบากวิ่งไปทั่วแบบนี้ล่ะ?”
เขาหัวเราะพลางมองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยน แล้วพูดต่อว่า:“เธอคงรักเขามากแน่ๆ”
ในประเทศแล้วจะไม่ค่อยพูดคำว่ารักออกมาจากปากเท่าไหร่ แต่สำหรับคนต่างชาติกลับเป็นเรื่องธรรมดามาก
วันนี้ที่ได้ยินเขาพูดแบบนี้ เวินเที๋ยนเที๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง
“ฉันยังอยากคุยกับคุณ เกี่ยวกับเรื่องปราสาทนะ”
เว่ยเอ๋อคิดไปคิดมา แล้วพูดขึ้นว่า:“แต่วันฉันกำลังจะไปเดินๆที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติสักหน่อย”
“ฉันไปกับคุณได้นะ”
เว่ยเอ๋ออึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมา
“งั้นก็ดีมากเลยนะสิ”
เมื่อก่อนเวินเที๋ยนเที๋ยนกับท่านเปิงได้ไปที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติบ่อยๆ แค่เดินเข้ามาก็มีคนรู้จักแล้ว จึงให้เธอเข้ามาได้เลย
เว่ยเอ๋อเดินมาเรื่อยๆ เห็นวัตถุโบราณทั้งสองฝั่ง ก็ชื่นชมในความสวยงามมหัศจรรย์
พอมองวัตถุโบราณตรงหน้า เขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า:“เที๋ยนเที๋ยน เธอว่าวัตถุโบราณที่ผุพังพวกนั้นจะนำกลับมาซ่อมแซมอีกได้ไหม?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบอย่างตั้งใจว่า:“ก็ต้องดูว่าผุพังไปมากแค่ไหนแล้ว แต่ถ้าฉันตั้งใจมากๆแล้วละก็ วัตถุโบราณส่วนมากฉันก็ซ่อมแซมได้”
“จริงหรอ?”
เว่ยเอ๋อหันมาหาเธออย่างดีใจ พลางรีบพูดขึ้นว่า:“จริงๆแล้ว ฉันมีของในมืออยู่ชิ้นนึง ฉันอยากให้เธอช่วยหานักบูรพาวัตถุโบราณมาช่วยฉันซ่อมหน่อย”
“จริงๆแล้วก็ไม่ได้นับว่าเป็นวัตถุโบราณอะไรเท่าไหร่หรอก แต่ของชิ้นนี้มันสำคัญกับฉันมาก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดขึ้นอย่างสงสัยว่า:“คุณให้ฉันดูหน่อยได้ไหมคะ”
เว่ยเอ๋อหยักหน้า แล้วยกมือขึ้นมา แล้วเผยข้อมือของตัวเองให้ดู
เวินเที๋ยนเที๋ยนเห็นที่ข้อมือของเขามีเชือกผูกอยู่ บนเชือกมีกล่องเล็กๆห้อยอยู่
เว่ยเอ๋อเอากล่องใบเล็กๆนั้นออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วเปิดออก ส่งให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
“เธอช่วยดูให้หน่อย ว่าของชิ้นนี้ซ่อมได้หรือเปล่า?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนรับมาดู
แต่ในกล่องใบเล็กๆขนาดเท่านิ้วหัวแม่โป้งนั้น ข้างในมีแผ่นสีทองที่แตกๆอยู่ มันแตกจนเกือบจะดูไม่ออกว่าก่อนหน้านี้เป็นลักษณะยังไง
เธอขมวดคิ้วอย่างรู้สึกลำบากใจ
“มันแตกมากเกินไป คุณมีรูปตอนที่มันยังไม่แตกไหมคะ?”
“มี!”
เว่ยเอ๋อรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา เลื่อนหารูป แล้วส่งไปให้เวินเที๋ยนเที๋ยนดู
“รูปนี้”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยิบมาดู ปรากฏว่ารูปที่เว่ยเอ๋อเอามาให้ดูนั้น กลับเป็นรูปราชินีอังกฤษ
เธอตกใจจนหันขึ้นมามองเว่ยเอ๋อ
“คุณจะให้ฉันดูรูปของสิ่งนี้ตอนยังไม่แตกไม่ใช่หรอคะ?”
เว่ยเอ๋อชี้ไปที่สิ่งของเล็กๆในรูป
“เธอสังเกตสิ่งของที่อยู่บนคอราชินีอังกฤษดีๆสิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหรี่ตาแล้วมองดูดีๆ
ก็เห็นว่าบนคอของราชินี มีสร้อยคอสีทองเล็กๆอยู่
เว่ยเอ๋อพูดต่ออีกว่า:“สร้อยเส้นนี้ เป็นสร้อยที่ตระกูลของฉันได้มาตอนที่ได้รับบรรดาศักดิ์ ราชินีอังกฤษมอบให้เป็นรางวัล แต่ก่อนหน้านี้ไม่นาน ฉันไม่ทันระวังแล้วทำมันแตก”
“จริงๆแล้วฉันยังไม่ได้รับบรรดาศักดิ์ต่ออย่างเป็นทางการเลย พิธีจะถูกจัดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า ถึงตอนนั้นก็จะมีการโชว์สร้อยเส้นนี้ด้วย”
“ก่อนหน้านี้ราชินีก็ได้ถามฉันหลายรอบแล้ว แต่ว่าฉันก็หาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงตลอด แต่พิธีรับยศศักดินา ต้องเอาออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเกิดราชินีรู้เข้า ว่าฉันเป็นคนทำมันเสียหายละก็ เธอต้องโกรธฉันมากแน่ๆ อาจจะถึงขั้นปลดบรรดาศักดิ์ฉันออกเลยก็ได้นะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่มองสร้อยคอในกล่อง ก็เห็นว่ามันแตกเป็นชิ้นเล็กๆ อย่างละเอียด
แต่ในขณะนั้นเอง ในหัวของเธอก็มีความคิดนึงผุดขึ้นมา
“เว่ยเอ๋อ บางทีฉันอาจจะช่วยคุณได้ก็ได้นะ แต่คุณต้องรับปากฉันมาข้อนึงก่อน”
เว่ยเอ๋อมองเธอด้วยความดีใจ แล้วเลิกคิ้วขึ้น
“อะไรหรอ?แค่ซ่อมให้ได้ ฉันจะรับปากเธอแน่นอน!”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ถอนฟ้องจี้จิ่งเชิน แล้วยอมแพ้เรื่องปราสาทไป”
พอได้ยินเวินเที๋ยนเที๋ยนพูด เว่ยเอ๋อก็ขมวดคิ้ว แล้วลังเลเล็กน้อย
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง จึงจะพูดขึ้นว่า:“ถ้าหากเธอซ่อมได้ ฉันจะถอนฟ้อง”
“ไม่มีปัญหา”เวินเที๋ยนเที๋ยนตอบอย่างตื่นเต้น
“แต่ว่า” เว่ยเอ๋อพูดต่ออีกว่า“ฉันยังมีเงื่อนไขอีกข้อนึง”
ในอีกสองเดือนข้างหน้า ฉันต้องจัดพิธีรับยศศักดินาแล้ว เธอต้องซ่อมให้เสร็จก่อนที่พิธีจะถูกจัดขึ้น
เวินเที๋ยนเที๋ยนขมวดคิ้วไปครู่หนึ่ง
สร้อยแบบนี้ซ่อมยากมาก
ก่อนหน้านี้สร้อยที่สถานีตำรวจถูกกระแทกจนขาดเป็นท่อนๆ เธอยังต้องใช้เวลาซ่อมหลายอาทิตย์
แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ แตกเป็นไม่รู้กี่สิบชิ้น จะใช้เวลาซ่อมภายในเวลาสั้นๆได้ไงกัน?
แต่นี้ก็เป็นเพียงโอกาสเดียว
เธอกัดฟันแล้วพยักหน้า
“ได้ ฉันรับปากคุณ”
ใบหน้าของเว่ยเอ๋อก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที แล้วรีบดึงตัวเธอเดินกลับไป
“พวกเราจะรออะไรล่ะ รีบไปซ่อมมันกันเถอะ!”
คิดไม่ถึงว่า เขาจะรีบร้อนกว่าเวินเที๋ยนเที๋ยนเสียอีก ดูเหมือนว่าสร้อยคอเส้นนี้กับบรรดาศักดิ์ของเขาแล้ว จะสำคัญมากๆ
เวินเที๋ยนเที๋ยนบีบกล้องไว้แน่น
เธอต้องซ่อมสร้อยคอเส้นนี้ให้สำเร็จให้ได้
พอกลับไปในวันนั้น เวินเที๋ยนเที๋ยนก็รีบลงมือทันที เธอไปถามท่านเปิงถึงปัญหาการซ่อมสร้อยคอด้วยตัวเอง
ท่านเปิงที่ได้เห็นสร้อยคอแล้ว ก็ส่ายหน้าไปมา
“จะซ่อมเสร็จภายในสองเดือนได้ยังไงกัน?สาวตัวน้อย เธอล้มเลิกไปดีกว่า ถึงจี้จิ่งเชินจะโดนฟ้องแล้วยังไงล่ะ?เจ้านั่นไม่ใช่ว่าจะไม่เคยถูกฟ้องสักหน่อย”
เวินเที๋ยนเที๋ยนส่ายหน้าไปมา
“ฉันกังวลมากจริงๆ ปราสาทของเขาจะถูกคนยึดไปนะคะ”
จี้จิ่งเชินเคยบอกไว้ว่า ปราสาทหลังนั้นเขาสร้างขึ้นมาเพื่อผู้หญิงคนนั้นที่รอคอยมาสิบสองปี
ถ้าหากถูกยึดไปจริงๆละก็ เขาจะยังไงล่ะ?