เมียหวานของประธานเย็นชา - ตอนที่ 200 ก็เข้ามาแบบนี้แหละ
บทที่ 200 ก็เข้ามาแบบนี้แหละ
ท่านเปิงที่เห็นเธอตัดสินใจทำแบบนี้ ก็ถอนหายใจออกมา
“จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเธอตัดสินใจที่จะซ่อม งั้นฉันช่วยเธอเอง”
พอพูดจบ เขาก็กลับไปที่ห้องหนังสือแล้วหาข้อมูล ส่งให้เวินเที๋ยนเที๋ยน
“ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับทองคำ ฉันไม่ค่อยชำนาญเท่าไหร่ ฉันชำนาญเรื่องซ่อมแซมเครื่องเคลือบดินเผามากกว่า แต่ในพระราชวังโบราณ มีช่างที่ชำนาญด้านนี้อยู่ ถ้าเธอไปที่นั่น บางทีอาจจะมีทางแก้ไขเรื่องนี้ก็ได้นะ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มมองข้อมูลที่อยู่ในมือ ในนั้นมีเบอร์ติดต่ออาจารย์สามท่านเอาไว้ด้วย
“โอเคค่ะ”
วันต่อมา เธอก็รีบเอาของที่อยู่ในมือ ไปที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ
อีกฝั่งที่ได้ยินมาว่าเธอเป็นคนที่ท่านเปิงเป็นคนแนะนำมา ก็เรียกให้คนออกมา
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่เห็นคนแก่ที่ค่อนข้างผอมอยู่ตรงหน้า ก็พูดขึ้นอย่างระมัดระวังว่า:“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นลูกศิษย์ของท่านเปิงค่ะ”
คนคนนั้นเหล่มองเธอเล็กน้อย แล้วพยักหน้า
“มีอะไรหรือเปล่า?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยื่นกล่องเล็กๆที่อยู่ในมือออกมา
“ฉันได้รับสร้อยคอมาหนึ่งเส้น ต้องการที่จะซ่อมมัน อาจารย์ฉันบอกว่าไม่ค่อยถนัดทางด้านนี้ ก็เลยให้ฉันมาหาท่านน่ะค่ะ”
คนคนนั้นนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วจิบชาเล็กน้อย แล้วค่อยๆพูดขึ้นว่า:“ไหนเอามาให้ฉันดูก่อนซิ”
เวินเที๋ยนเที๋ยนพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเปิดกล่องที่มีขนาดเล็กเท่าหัวแม่โป้งออก
“อันนี้ค่ะ”
อีกฝั่งก็ขมวดคิ้ว แล้วค่อยหยิบมาดูใกล้ๆอย่างระมัดระวัง พอได้ดูสร้อยคอที่แตกละเอียดนั้นอย่างชัดเจนแล้ว ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“ทำไม่ได้หรอก ของแบบนี้ซ่อมไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้ไปซื้อใหม่เลยจะดีกว่า”
เวินเที๋ยนเที๋ยนยิ้มแหยๆอย่างเหนื่อยใจ
นี่เป็นของที่ราชินีอังกฤษมอบให้ จะไปซื้อไปซื้อใหม่มาได้ยังไงกัน ไม่อย่างนั้นเว่ยเอ๋อก็คงไม่ต้องมาเหนื่อยใจแบบนี้หรอก
แต่สร้อยคอเส้นนี้มันเกี่ยวข้องกับปราสาท เวินเที๋ยนเที๋ยนพูดอย่างหนักแน่นว่า:“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ฉันต้องซ่อมมันให้ได้ค่ะ ท่านช่วยสอนฉันด้วยนะคะ”
ท่านอาจารย์สูดหายใจเข้าลึก แล้วมองไปที่เวินเที๋ยนเที๋ยนอย่างละเอียด
เขาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า
“ซ่อมแซมเครื่องทองกับเครื่องเคลือบดินเผาเป็นเรื่องที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง เธอจะลองดูจริงๆหรอ?”
“ค่ะ”
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ยุ่งและเข้าออกพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติตลอด ตอนที่เธอเป็นลูกมืออาจารย์ เธอก็ได้เรียนรู้เรื่องต่างๆจากตัวเขาไม่น้อย
จี้จิ่งเชินก็ไม่ได้พบหน้าเวินเที๋ยนเที๋ยนมาเกือบจะครึ่งเดือนได้แล้ว
เขาโทรหาเวินเที๋ยนเที๋ยน อีกฝ่ายก็รีบพูดไปแค่คำสองคำ แล้วก็ตัดสายไป ไม่รู้ว่าเธอกำลังยุ่งอยู่กับอะไรกันแน่
เขาอดทนอยู่สองวัน ในที่สุดก็มาที่บ้านตระกูลหล่อนจนได้
แต่ยังไม่ทันได้เข้าไป ก็ถูกพ่อบ้านฉวีผิงขวางไว้ที่หน้าประตู
“วันนี้คุณหล่อนไม่อยู่ คุณค่อยมาวันหลังเถอะ”
จี้จิ่งเชินนั้นไม่เชื่ออยู่แล้ว
ครั้งก่อนที่เขามาหาคุณนายหล่อน พ่อบ้านคนนี้ก็บอกมาแบบนี้
แต่ไม่นาน ก็พาเขาเข้าไปพบคุณนายหล่อน
เขามองฉวีผิงด้วยความสงสัย
ฉวีผิงมองไปที่เขาแล้วหัวเราะ“คุณหนูไม่อยู่จริงๆครับ”
พอจี้จิ่งเชินเตรียมจะเข้าไป ก็มีรถค่อยๆแล่นมาจอดที่หน้าประตูรั้ว
พอประตูรถเปิดออก เวินเที๋ยนเที๋ยนก็ก้มหัวเล็กน้อยแล้วเดินลงมาจากรถ
ในมือเธอถือหนังสืออยู่เล่มนึง แล้วศึกษาอย่างละเอียด
พอเห็นเธอ จี้จิ่งเชินก็เดินมาที่หน้าของเธอ
“เวินเที๋ยนเที๋ยน!กี่วันมานี้เธอไปทำอะไรมา?ฉันโทรไปหาเธอ ทำไมเธอไม่รับ?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนที่ได้ยินเสียง ก็เงยหน้าขึ้นแล้วเหล่มองเขาอย่างรวดเร็ว
ชั่วพริบตา ก็ก้มลงกลับไปดูหนังสือต่ออีก แถมยังพลิกหน้าต่อไปแล้วอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ
จี้จิ่งเชินเห็นอย่างนั้นแล้ว ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปหาหนังสือในมือเธอทันที
เวินเที๋ยนเที๋ยนได้ตอบกลับไปทันที:“ฉันรับสายนายแล้ว”
จี้จิ่งเชินไม่พอใจ
“เธอรับสาย แต่ก็ไม่พูดอะไร ฉันนึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอซะอีก”
เวินเที๋ยนเที๋ยนก้มหน้าพลางพูดขึ้นว่า:“ฉันไม่ได้เป็นอะไร ไม่กี่วันมานี้ฉันไปพิพิธภัณฑ์ศึกษาเกี่ยวกับวิธีซ่อมแซมน่ะ สองเดือนนี้อาจจะยุ่งมากๆเลย รอให้ฉันทำธุระเสร็จก่อนค่อยติดต่อนายละกัน”
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วพลางพูดขึ้นว่า:“เธอยุ่งอยู่กับอะไร?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนหยุดเดิน แล้วเงยหน้ามองไปที่เขา
คิดไปคิดมา สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นมาสองวันนี้
ถ้าเกิดไม่สำเร็จขึ้นมา คงทำให้จี้จิ่งเชินดีใจเก้อ
รอให้ถึงเวลานั้นแล้วบอกข่าวดีเขาทีเดียวเลยดีกว่า
เธอกลอกตาไปมา แล้วพูดอย่างคลุมเครือว่า:“ก็กำลังศึกษาอยู่น่ะ……รอฉันทำธุระเสร็จก่อน ฉันจะเป็นฝ่ายติดต่อนายไปเอง”
พอพูดจบ เธอก็กลัวว่าจี้จิ่งเชินจะถามมากอีก เลยรีบเดินเข้าบ้านตระกูลหล่อนไป
จี้จิ่งเชินขมวดคิ้วแล้วมองหลังของเธอ พออยากจะตามเธอไป
จู่ๆฉวีผิงก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วขวางเขาเอาไว้
“คุณจี้ครับ คุณก็เห็นแล้ว ว่าคุณหนูเวินตอนนี้ยุ่งมากจริงๆ ครั้งหน้าค่อยมาใหม่เถอะครับ”
จี้จิ่งเชินไม่มีทางเลือก จึงทำได้แต่มองเวินเที๋ยนเที๋ยนเดินกลับไปในลานบ้าน แล้วทำได้แค่เดินจากไป
แต่พอเดินไปได้แค่สองก้าว ก็เห็นรถคนนึงขับมาจากอีกฝั่ง แล้วจอดที่หน้าบ้านตระกูลหล่อน
พอประตูรถถูกเปิดออก เว่ยเอ๋อก็เดินลงมาจากรถ แล้วเดินเข้าบ้านตระกูลหล่อนไป
พอเดินมาถึงหน้าประตู ฉวีผิงก็มีท่าที่ที่ต่างไปจากตอนที่เข้าปฏิบัติกับจี้จิ่งเชินโดยสิ้นเชิง เข้ายิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“คุณเว่ยเอ๋อ คุณหนูเวินรอคุณอยู่นานแล้วครับ”
จี้จิ่งเชินพอได้ยินคำนี้แล้ว รูม่านตาก็หดลงทันที เขาเห็นเว่ยเอ๋อเดินเข้าไปในบ้านตระกูลหล่อนอย่างสบายๆ
จี้จิ่งเชินจ้องไปที่ประตูบ้านตระกูลหล่อนอย่างไม่ละสายตา สายตานั้นเคร่งขรึม
ฉวีผิงที่สังเกตเห็นสายตาของเขา ก็เหลียวหลังมองมาที่เขา แล้วหัวเราะออกมาเล็กน้อย พลางเดินเข้าไปข้างใน
จี้จิ่งเชินกัดฟันไว้แน่น และยังยืนอยู่ที่เดิม ผ่านไปสักพักเขาถึงเดินจากไปอย่างไม่พอใจ
กลางดึก
จี้จิ่งเชินเคลื่อนไหวอยู่นอกอาคารบ้านตระกูลหล่อน
จากที่เคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว เขาก็ได้รู้แผนผังบ้านตระกูลหล่อนได้อย่างชัดเจนมาก
เขาหลบซ่อนจากยามที่เดินตรวจสถานที่ไปมาอย่างสบาย แล้วรีบเดินเข้าไปข้างใน
ผ่านสวนต้นเมเปิ้ลมาได้ ก็มาถึงห้องของเวินเที๋ยนเที๋ยนแล้ว
ในขณะนั้นเป็นเวลาตีสอง
แต่ในตอนนั้น ห้องของเวินเที๋ยนเที๋ยนยังเปิดไฟไว้อยู่
จี้จิ่งเชินเดินไปดูอย่างสงสัย แล้วแอบมองเข้าไปข้างใน
เวินเที๋ยนเที๋ยนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ก้มหน้าลง ท่าทางดูตั้งใจมาก ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่
เขาขมวดคิ้ว
ดึกขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่นอน?
เขาคิดไปมาสักพัก แล้วก็เคาะประตู
เคาะครั้งแรกเวินเที๋ยนเที๋ยนยังไม่ได้ยิน พอเคาะติดกันสามครั้ง เธอจึงจะเงยหน้าขึ้นมา
จี้จิ่งเชินเปิดประตูเข้ามา แล้วเดินเข้าไปอย่างซื่อๆ
“เธอทำอะไรอยู่?”
เวินเที๋ยนเที๋ยนนึกว่าเป็นคนตระกูลหล่อนไม่ก็ฉวีผิง แต่กลับเป็นจี้จิ่งเชิน เธอตกใจจนตาเบิกโพลง
ก่อนหน้านี้ จี้จิ่งเชินมาหาเธอหลายครั้งแล้ว แต่เธอนอนอยู่ และไม่รู้มาก่อนเลย
คิดไม่ถึงว่าจี้จิ่งเชินจะแอบหลบหนียามกับกล้องวงจรปิดของบ้านตระกูลหล่อน แล้วมาถึงห้องของเธอได้
“นายเข้ามาได้ยังไง?”
จี้จิ่งเชินเดินเข้าไป พอนึกถึงเรื่องของเว่ยเอ๋อวันนี้เมื่อตอนบ่าย ในใจก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
“ก็เข้ามาแบบนี้แหละ”