เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า - บทที่ 1894 อาวุธวิเศษไหลริน (2)
เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1894 อาวุธวิเศษไหลริน (2)
ถังฮุยฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาว
ความมั่นใจของเขามีมากมายจนสุดจะบรรยาย ลู่ฝานมองไปทางด้านหลังเขา เห็นชายวัยกลางคนท่าทางมอมแมมนั่งอยู่ตรงนั้น
ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำมันกับหนวดเครา เห็นหน้าไม่ชัด
หลังค่อมเล็กน้อย ห่อตัวอยู่ในชุดคลุมยาวสกปรกมอมแมม
ลู่ฝานรู้สึกคุ้นตาชายวัยกลางคนคนนี้ แต่จำไม่ได้ว่าเขาคือใคร
แต่ชายวัยกลางคนคนนี้แปลกมาก นั่งอยู่ตรงนั้นแท้ๆ แต่ลู่ฝานไม่สามารถสัมผัสพลังบนตัวเขาได้เลย
เหมือนเขาล่องหนอย่างไรอย่างนั้น
ลู่ฝานละสายตาไป ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เอาป้ายเหล็กหัวสัตว์ออกมา แล้วเดินไปด้านหน้า
ถังฮุยลงมาบนพื้นเช่นกัน เขาเอาป้ายเหล็กหัวสัตว์ออกมาเหมือนกัน
องครักษ์ตรวจสอบตัวตนทั้งสองคนทันที จู่ๆ ถังฮุยยื่นมือไปหาลู่ฝาน “สหายเงามืด การต่อสู้วันนี้ทำพอเป็นพิธี ต่อสู้แบบลูกผู้ชาย ดีไหม”
ลู่ฝานเห็นท่าทางเป็นมิตรของถังฮุย เขาหัวเราะร่าแล้วยื่นมือตัวเองออกมาเช่นกัน
ทั้งสองจับมือกันเบาๆ ลู่ฝานรู้สึกระแวงไปหมด
เขากลัวถังฮุยจะแอบเล่นอะไรสกปรก เหมือนหลวี่เหวยในตอนนั้น
แต่ความจริงพิสูจน์ว่าลู่ฝานคิดมากเกินไป
ถังฮุยไม่ได้ทำอะไรเลย เขาชักมือกลับ รอยยิ้มบนหน้ากว้างขึ้นอีก
ระยะห่างแบบนี้ ลู่ฝานเห็นประกายสดใสนัยน์ตาถังฮุย ไม่มีความขุ่นมัวเลยสักนิด
เหมือนคนคนนี้เป็นสุภาพบุรุษ
“ทั้งสองเริ่มประลองได้!”
องครักษ์เปิดค่ายกลหลังจากตรวจสอบเรียบร้อย
แสงสว่างจ้า ลู่ฝานกับถังฮุยเหาะเข้าไป
วินาทีต่อมาฟ้าดินรอบตัวเกิดการเปลี่ยนแปลง
เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ลู่ฝานพบว่าพวกเขาอยู่ในป่าอันกว้างใหญ่ไพศาล
ต้นไม้สูงเสียดฟ้า
ถังฮุยกับลู่ฝานลอยลงมาบนใบไม้
ใบไม้สีเขียวทั้งกว้างและใหญ่ ขนาดประมาณเรือลำหนึ่ง
ยกดาบยาวมาตรงหน้าอก ถังฮุยพูดเสียงกังวาน “สหายเงามืด เชิญ!”
ลู่ฝานเอากระบี่หนักไร้คมของตัวเองออกมาเช่นกัน เขาพูดเสียงเบาว่า “เชิญ!”
พลานุภาพของทั้งสองคนพุ่งถึงขีดสูงสุด เงาสะท้อนอยู่ในม่านแสง
กลุ่มคนด้านนอกยังตะโกนไม่หยุด
“ลงพนันๆ เทพดาบมังกรถังฮุยแห่งสำนักเงินปาฟางปะทะกับเงามืดกระบี่คลั่ง อัตรา 1:3!”
“ฉันลง 100 ทอง!”
“ฉันลงยา 3 ขวด!”
……
หนานกงสิงมองภาพนี้ด้วยรอยยิ้ม เขาเอาเงินตัวเองออกมาเช่นกัน
มองลู่ฝานกับถังฮุยในม่านแสง หนานกงสิงรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจ
เขารู้ว่าลู่ฝานเก่งมาก แต่ถังฮุยก็ดูแข็งแกร่งเหมือนกัน โดยเฉพาะอุปกรณ์ทั้งตัวเขา โหดเหี้ยมมากจริงๆ เขาคิดยังไงโอกาสชนะของลู่ฝานก็ไม่มากเท่าไร
หนานกงสิงลูบคางแล้วหันมองสิบสามที่อยู่ข้างๆ “นี่ สิบสาม นายว่าใครจะชนะ”
สิบสามมองหนานกงสิงอย่างเฉยเมย ใบหน้าไม่มีความรู้สึกอะไรเลย จากนั้นเขาหันหน้ากลับไป ไม่พูดอะไรสักคำ
หนานกงสิงเห็นสิบสามไม่พูดอะไรสักคำ เขาขมวดคิ้วพูดว่า “นายคิดว่าลู่ฝานจะชนะไหม”
สิบสามยังไม่พูดเหมือนเดิม แค่มองหนานกงสิงแวบเดียวเท่านั้น
ตอนนี้หนานกงสิงเห็นแววตาของสิบสามชัดเจนแล้ว
เห็นได้ชัดว่ากำลังพูดว่า ยังต้องเดาอีกเหรอ!
หนานกงสิงพยักหน้าพูดว่า “เอาเถอะ งั้นฉันลงพนันฝั่งหัวหน้าสำนัก”
ขณะที่กำลังจะวางเงิน จู่ๆ มีเสียงดังขึ้นข้างๆ “ฉันลงฝั่งถังฮุย 1000 ทอง!”
กลุ่มคนหลีกทางให้ ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมา
หนานกงสิงรู้จักผู้หญิงคนนี้ เขาพูดอย่างประหลาดใจว่า “แม่นางซูตง!”
ใช่แล้ว คนที่มาคือ ซูตง ศิษย์ของผู้อาวุโสซู่มั่น
ใบหน้ามีความเย็นชา ซูตงพูดว่า “รองหัวหน้าหนานกง ต้องประหลาดใจขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันมาดูเงามืด”
หนานกงสิงพูดว่า “ยากจะได้เห็น ผู้อาวุโสซู่มั่นให้เธอมาเหรอ”
ซูตงพูดว่า “เปล่า ฉันมาเอง”
หนานกงสิงหัวเราะ “แม่นางซูตงดูสนอกสนใจมาก”
ซูตงหัวเราะแล้วพูดอย่างราบเรียบว่า “ไม่เกี่ยวกับสนใจหรือไม่สนใจหรอก ฉันแค่มาดูคู่ต่อสู้ในอนาคตของฉันเท่านั้น รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งไง”
หนานกงสิงพูดอย่างประหลาดใจ “คู่ต่อสู้เหรอ เธอหมายถึงถังฮุยหรือหัวหน้าสำนักเงามืด”
ซูตงพูดว่า “ก็เงามืดไง แต่เขาต้องเอาชนะถังฮุยให้ได้ก่อน ฉันว่าเขาลำบากนิดหน่อยแล้วล่ะ!”
หนานกงสิงตกใจขึ้นอีก
ซูตงเห็นลู่ฝานเป็นคู่ต่อสู้เหรอ นี่มันอะไรกันเนี่ย ผู้อาวุโสซู่มั่นเล่นพิเรนทร์อะไรอีกเนี่ย
ขณะกำลังคิด จู่ๆ หนานกงสิงเห็นแหวนที่ซูตงสวมอยู่บนนิ้ว
ด้านบนเขียนคำว่าเต๋าเอาไว้อย่างชัดเจน หนานกงสิงเบิกตาโตทันที
นี่คือแหวนวิเศษของจิตใจเต๋าสำนักมาร มีเพียงคนที่ปฏิบัติภารกิจพิเศษถึงมีของสิ่งนี้
ด้านหน้าเป็นตัวอักษรคำว่าเต๋า เมื่อพลิกดูด้านหลังเป็นตัวอักษรคำว่ามาร
เต๋ามารท่ามกลางความคิดชั่วขณะ เป็นตายภายในชั่วพริบตา
แหวนวงนี้มีชื่อว่าแหวนชั่วพริบตา เป็นเครื่องรางที่มีชื่อเสียงของจิตใจเต๋าสำนักมาร ของสิ่งนี้ผู้อาวุโสไม่สามารถให้ได้ ต้องเป็นคนที่เหนือกว่าผู้อาวุโสถึงจะให้ได้
หมายความว่าผู้อาวุโสซู่มั่นไม่ได้ส่งซูตงมา แต่เป็นคนที่ฐานะสูงกว่าผู้อาวุโสซู่มั่น
ชื่อหนึ่งผุดขึ้นในหัวหนานกงสิงทันที ชื่อที่ลู่ฝานเคยพูดกับเขา
“คุณชายเฟิงเทียน!”
หนานกงสิงพึมพำออกมา
ซูตงหันขวับมาทันที เธอได้ยินแล้ว เธอยิ้มแล้วพูดว่า “รู้เยอะดีนี่ ใช่แล้ว คุณชายเฟิงเทียนส่งฉันมา เขาบอกฉันว่าแค่ฉันเอาชนะเงามืดได้ ฉันสามารถไปเข้าสระที่สำนักได้”
ซูตงฉีกยิ้มจนเห็นฟันเขี้ยวสวยสองซี่
หนานกงสิงกลืนน้ำลายลงคอ เงยหน้ามองไปทางม่านแสง
แอบพูดในใจว่า “สหายลู่ฝาน ปัญหาใหญ่มาถึงแล้วล่ะ!”
ในม่านแสง พลานุภาพของลู่ฝานกับถังฮุยพุ่งถึงขีดสูงสุด
พลานุภาพปะทะกัน ท้องฟ้าส่งเสียงดังโครมคราม
เกิดลมพายุ ต้นไม้สั่นไหว ดาบยาวออกจากฝัก
ทั้งสองปะทะสายตากัน หลังจากนั้นหายตัวไปพร้อมกัน
ตึง!
ตัวของทั้งสองคนปะทะกันกลางอากาศ
กระบี่หนักปะทะกับดาบยาว กระทบกันจนเกิดประกายไฟมากมาย
จุดที่อาวุธปะทะกัน หลุมอากาศหดตัวลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นรอยแตกร้าวแผ่ซ่านกลางอากาศเหมือนใยแมงมุม
ตูม!
ฟ้าดินระเบิดออก เมฆหมอกกระจัดกระจาย
ต้นไม้ด้านล่างระเบิดจนกลายเป็นผุยผงเต็มไปหมด ลอยจากพื้นดินขึ้นมากลางอากาศ แผ่ซ่านเป็นรูปก้นชาม
ทันใดนั้นหมัดซ้ายของลู่ฝานกระแทกลงบนหน้าถังฮุย
ถังฮุยยืนนิ่งๆ แสงปกคลุมตัวเขาไว้ เกราะบนตัวรวมตัวกัน
ในเวลาเดียวถังฮุยก็ปล่อยหมัดออกมากระแทกหน้าลู่ฝาน
ลู่ฝานรู้สึกว่าแรงมหาศาลพุ่งเข้ามาในตัว ชะงักไปทั้งตัว ถอยไปด้านหลัง 2-3 ก้าว
ฝ่าเท้าเหยียบกลางอากาศจนเกิดรอยแตกร้าวนับไม่ถ้วน
ลู่ฝานเงยหน้ามองถังฮุย “หน้าแข็งมาก เกราะแข็งแกร่งมาก”
ถังฮุยยิ้มแล้วพูดว่า “วิทยายุทธใช้ไม่ได้ พละกำลังแย่ พรสวรรค์ธรรมดา ทำได้แค่ใช้อุปกรณ์มาเสริม สหายเงามืด มาลองเคล็ดวิชาบู๊อาวุธวิเศษไหลรินของฉันเถอะ!”
ถังฮุยเหวี่ยงมือ มุกส่องแสงสว่างไสวปรากฏที่มือซ้าย แต่ละเม็ดมีพลังแข็งแกร่ง
ลู่ฝานมองมุกพวกนี้ เขาเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “มุกเต๋า”
ถังฮุยหัวเราะแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ แค่มุกมังกรทำเป็นมุกระเบิด ระเบิด!”
ถังฮุยสะบัดมือโยนมุกมังกรในมือออกมา!