'รักข้ามรุ่น' กับคุณลุงจอมขรึม - ตอนที่ 71 สถานการณ์ของลุง!
หลังจากที่เยี่ยหลานซานถีบนักข่าวไป เธอก็คอยจับตาดูข่าวออนไลน์อยู่ทุกเมื่อ
แต่ตลอดสามวันที่ผ่านมา เห็นได้ว่าเท้าของเธอนั้นก็ไม่ได้เป็นอะไร
ในทางตรงกนข้ามกลับเห็นแอคเคาท์ที่เปิดอย่างเป็นทางการของบริษัทหวงเจวี๋ยประกาศรายชื่อประธานบริษัทและเหล่าศิลปินที่มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการส่งต่อและยกย่องจากเหล่านักแสดงหลายๆคน
[ประธานบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์หวงเจวี๋ย: ฉืออวี้เฟิง
รายชื่อศิลปินที่เซ็นสัญญากับบริษัทหวงเจวี๋ยมีดังต่อไปนี้:
จ้าวเซียงซือ, เจียงโม่, เยี่ยหลานซาน, ฝาแฝดเอ็มแอนด์เอ็ม…ผู้มาใหม่สิบคน รวมถึงเยี่ยเสี่ยวหมิ่น รวมเป็นสามสิบแปดคน ]
ในชุดรายชื่อศิลปิน มีสองคนที่สะดุดตาที่สุดคือจ้าวเซียงซือและเจียงโม่
จ้าวเซียงซือ
สตาร์
หนึ่งในสี่ดอกไม้งาม
ตั้งแต่เธออายุสามขวบเธอได้ติดตามพ่อของเธอไปตามกองถ่ายทำกับทีมงานเป็นเวลายี่สิบปีแล้ว ศิลปินหลายคนที่อายุมากกว่าเธอต้องเรียกรุ่นพี่ด้วยความเคารพ
เจียงโม่
นักแสดงแถวหน้า
นักแสดงที่ทรงพลัง
แม้ว่าเขาจะไม่มีภูมิหลังและทรัพยากรที่แข็งแกร่งเท่ากับเฉียวเฟยฝาน แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาชื่อเสียงเขาก็บูม เนื่องจากปกติเขาเป็นผู้ใหญ่และชอบอ่านบทกวี เลยมักถูกแฟนๆเรียกกันว่า "นักแสดงรุ่นเก่า"
ทันทีที่มีการประกาศชื่อของนักแสดงทั้งสองนี้ พวกเขาก็กลายเป็นพี่ชายคนแรกและน้องสาวคนแรกของบริษัทหวงเจวี๋ย
มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดบนอินเทอร์เน็ต
"จ้าวเซียงซือและเจียงโม่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทหวงเจวี๋ย!"
"เดิมทีเคยคิดว่าบริษัทหวงเจวี๋ยเป็นเพียงบริษัทเอเจนซี่เล็กๆ ไม่คิดเลยว่าทันทีที่เปิดตัว เขาจะสามารถซื้อตัวดาราแถวหน้าอย่างดาราจ้าวและดาราเจียงได้!"
"บริษัทหวงเจวี๋ยกำลังจะลงสนามเล่นเกมใหญ่ในครั้งนี้!"
"ประธานของบริษัทหวงเจวี๋ยเป็นลูกชายของตระกูลฉือแแห่งกองทัพ การจะเข้าสู่วงการบันเทิงแน่นอนว่าต้องมีเส้นสายที่ใหญ่พอควร!"
"ตระกูลฉือผู้โด่งดัง! บ้าเอ้ย เบื้องหลังของบริษัทหวงเจวี๋ยมันเว่อร์วังมาก!! ไม่น่าแปลกใจที่กล้ามองข้ามคำสั่งห้ามของบริษัทซิ่งกวงและจ้างเฉิงเฉิงเป็นผู้จัดการ … "
“……”
หน้าข่าวบันเทิงทั้งหมดถูกยึดไปโดยบริษัทหวงเจวี๋ยหมดแล้ว
เรื่องอื้อฉาวระหว่างอู๋เทาและโม่เข่อซินในที่สุดก็จางหายไปหลังจากใช้เวลานานถึงครึ่งเดือน
แต่เยี่ยหลานซานคิดว่าเฉียวหยวนฟานเจ้าของบริษัทซิ่งกวงน่าจะยังไม่มีความสุข
เนื่องจากหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากศิลปินทั้งสองคน และยังไม่ได้กลับคืนมา
บนรถ เสี่ยวจินเพิ่งแฮ็กเว็บไซต์ภายในของร้านอาหารฝรั่งเศสบนถนนต้าซิงและกำลังคิดว่าจะกินอะไรดีสำหรับมื้อเย็นในค่ำคืนนี้
ข้างๆเธอคือเยี่ยหลานซานที่เอนกายบนเบาะหลังและกำลังหัวเราะ: "วงการบันเทิงเป็นสถานที่ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหัวข้อการพูดคุย"
ไม่เพียงแต่หัวข้อการพูดคุยเท่านั้น แต่อายุการรักษาสัญญาของศิลปินนั้นสั้นมาก
เว้นแต่คุณจะยืนอยู่ในที่ที่สูงพอ!
และมีอิทธิพลเพียงพอ!
สายตาของเธอกว้างไกลและแน่วแน่!
“คุณเยี่ยครับ ถึงแล้ว”
บอดี้การ์ดจอดรถที่หน้าร้านอาหารฝรั่งเศสและเยี่ยหลานซานกับเสี่ยงจินก็ลงจากรถ
เมื่อมองไปที่ร้านอาหารฝรั่งเศสสุดโรแมนติกแล้ว นั่นทำให้เยี่ยหลานซานเลิกคิ้ว: "ฉันคิดว่าคนอย่างเขาจะไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารเสฉวนข้างถนนมากกว่า"
เสี่ยวจินพยักหน้า: "มันไม่เหมือนสไตล์ของเขาเลยจริงๆ!"
ทั้งสองยิ้มให้กันแล้วพากันเดินไปที่ร้านอาหาร
ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่โรแมนติกและร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกที่สวยงามและการตกแต่งโดยรวมก็ดูหรูหราและสงบเงียบ
โคมไฟคริสตัลที่งดงามเหนือหัวฉายแสงจาง ๆ
ข้างหูมีเพลงแซกโซโฟนนุ่มๆดังเบาๆ
กลิ่นของดอกกุหลาบหอมฟุ้งกระจาย กลิ่นมันหอมและไม่ฉุนจนเกินไป
เมื่อเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร เยี่ยหลานซานที่ทํางานมาทั้งวันความเหนื่อยล้าก็หายไปทันที หลังจากบอกหมายเลขโต๊ะอาหารแล้ว พนักงานเสิร์ฟก็พาทั้งสองคนไปยังส่วนลึกสุดของทางเดิน
ตอนที่เดินผ่านห้องส่วนตัวเยี่ยหลานซานได้ยินเสียงผู้หญิงดัสั่งลาฟี่ปี 92 เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมอง
ผู้หญิงที่กำลังโทรศัพท์สั่งเมนูและสั่งให้บริกรออกไป
เยี่ยหลานซานเดินผ่านประตูห้องไป
ขณะเดียวกัน
"ใช่ กงเส้าถิงตกลงแล้ว และเขาจะไปถึงที่นั่นในภายหลัง … "
กงเส่าถิง!
คำสามคำนี้ทำให้เยี่ยหลานซานหยุดเดินทันที
สายตาจิ้งจอกคู่หนึ่งมองเข้าไปในห้องส่วนตัวโดยไม่รู้ตัว
ที่โต๊ะอาหารสีขาวมีหญิงสาวในชุดสีเขียวอยู่ที่นั่น เมื่อแสงลดลงแสงวิบวับบนเพชรสร้อยข้อมือและจี้ต่างหูของเธอก็เปล่งแสงหลากสีพร่างพราว แสดงให้เห็นถึงความสง่างามและความมั่งคั่ง
ผู้หญิงคนนั้นหันหน้าไปทางด้านข้างของเธอ เยี่ยหลานซานพอจะมองเห็นโครงร่างของเธอได้
โครงหน้าเหมือนเมล็ดแตงโมจมูกโด่งและคางยาวๆได้รูป
จากท่านั่งจะเห็นได้ว่าด้านหน้าโค้งนูนและด้านหลัง…
เป็นหญิงงามคนหนึ่ง
หญิงงามขอให้กงเส่าถิงมาร่วมรับประทานอาหารค่ำในร้านอาหารฝรั่งเศสสุดโรแมนติก!
เยี่ยหลานซานอดคิดไม่ได้: ผู้หญิงคนนี้กับคุณลุงกำลังเดทกันหรอ?
เพราะอวิ๋นเยาต้องการจะเชิญเสี่ยวจิน แต่เสี่ยวจินก็ปฏิเสธไป ท้องว่างจนแทบจะกินอวิ๋นซี แต่ตอนนี้เธอกําลังหิวมากทำให้ท้องร้องครวญ เมื่อเห็นเยี่ยหลานซานหยุดเดิน ก็อดไม่ได้ที่จะดึงแขนเธอ: "พี่เยี่ย? ”
เสียงข้างนอกทำให้ผู้หญิงในห้องส่วนตัวหันหน้ามาทางเธอในที่สุด
เยี่ยหลานซานและเธอสบตากัน
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่ง แต่เพียงเมื่อมองไปที่เธอคิ้วก็ขมวดขึ้นทีละนิดๆ
“ฉันเข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วง … ”
ผู้หญิงคนนั้นวางสายโทรศัพท์เมื่อเห็นเยี่ยหลานซานกำลังจ้องมองมาที่เธอ นั่นทำให้เธอขมวดคิ้ว: "มองอะไร!?"
"ขอโทษค่ะ"
ทันใดนั้นการจ้องคนอื่นมันไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ หลังจากที่เยี่ยหลานซานขอโทษเธอก็พาเสี่ยวจินเดินออกไปทันที
แต่ไม่รู้ว่าทำไมในใจของเธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ตอนที่ผู้หญิงดุเธอ ท่าทางและน้ำเสียงของเธอดูไม่เหมือนคนใจดีเท่าไหร่ ถ้าผู้หญิงแบบนี้อยู่กับคุณลุงที่อ่อนโยนเหมือนสายน้ำ ถ้าอารมณ์ไม่ดีเธอจะต้องรังแกคุณลุงแน่ๆ?
เธอก้าวเกินลงน้ำหนัก
อวิ๋นซีรออยู่ในห้องส่วนตัวเป็นเวลานานเมื่อเขาเห็นเยี่ยหลานซานและเสี่ยวจิน เขาร้องอย่างหงุดหงิด: "พวกเธอมาช้าไปห้านาทีแปดวิ!"
เสี่ยวจินก้าวไปข้างหน้าและอธิบายว่า: "พี่อยู่บ้านและเล่นเกมทุกวัน พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการจราจรในเมืองตี้ตูมันติดขัดขนาดไหน!"
“แล้วมันติดขัดขนาดไหน? เธออารมณ์เสียมากกว่าฉันอีกเหรอ? "
อวิ๋นซีบ่นพึมพำเมื่อเห็นเยี่ยหลานซานยืนอยู่ด้วยความงุนงง เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เขาตบโต๊ะและขัดจังหวะเธอ: "น้องสาว วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วหรือไง!?"
“……”
เยี่ยหลานซานค่อยๆได้สติ
หลังจากที่สติสัมปชัญญะกลับคืนมา เธอก็เหลือบมองเขาและเดินไปที่เบาะแล้วนั่งลง
ในใจรู้สึกเบื่อเล็กน้อย เธอต้องการบางสิ่งบางอย่างเพื่อบรรเทาอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงของเธอ: "วันนี้ไปปล้นมาหรือไง? ทำไมมีเงินมาชวนพวกเรามากินอาหารฝรั่งเศส!? "
อวิ๋นซีเลิกคิ้ว: "ฉันดูเหมือนเป็นพวกก่อความไม่สงบหรือไง!?"
"ใช่!"
เสี่ยวจินและเยี่ยหลานซานพยักหน้าพร้อมกัน
อวิ๋นซีรู้สึกเหมือนกินแรงแตนทันที
เยี่ยหลานซานนั่งตรงข้ามกับเขา เขาแขวะเสี่ยวจินหน้ากลมๆที่เหมือนซาลาเปา: "เด็กน้อย หลายวันที่ตามไปดูเธอ เดี๋ยวนี้ช่างกล้านักนะ!? หรือไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเราสองคน? ฉันเป็นเจ้านายและเธอเป็นเจ้าเด็กน้อย! ฉันบอกเหนือ แต่เธอบอกใต้ แสดงว่าจะเป็นปรปักษ์กัน เข้าใจป่ะเนี่ย!? "
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้พละกำลังมากนัก แต่เขาก็ยังทำให้ซาลาเปาตัวน้อยเสี่ยวจินหน้าแดง
หลังจากที่เธอกระทืบลงไปที่เท้าของเขาเต็มแรงแล้วเธอก็หันไปบ่นกับเยี่ยหลานซาน: "พี่เยี่ย! ฉันจะหนีออกจากบ้าน! "