ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 78 หาหลักฐาน(สอง)
จิ้งอ๋องพยักหน้า "อือ เช่นนั้นก็ดี"
จากนั้นก็เงียบลงอีกครั้ง หวังจิ้นฮวนมองกลับไปกลับมาระหว่างทั้งสองเป็นเวลานาน จากนั้นทำเสียงไอสองครั้งแล้วยืนขึ้น กล่าวว่า "อา วันนี้อากาศดี ข้าจะออกไปชมนกชมไม้ ไม่นั่งที่นี่กับพวกเจ้าแล้วล่ะ" เขายืนขึ้น ขยิบตาให้จิ้งอ๋องชั่วครู่ก่อนจะวิ่งออกไป
สักพัก ทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรกัน หลังจากนั้นไม่นาน หยุนชางก็กล่าวว่า "อันที่จริง วันนี้ที่มาหาเสด็จอาเพราะ ชางเอ๋อร์บังเอิญได้รู้อะไรบางอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับเสด็จอา ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน รู้สึกว่าแทนที่จะเดา มาถามเสด็จอาโดยตรงดีกว่าเพคะ"
"อ๋อ?" จิ้งอ๋องวางถ้วยชาลงแล้วมองหยุนชาง "อือ ในเมื่อเกี่ยวกับข้า มาถามข้านับว่าทำถูกต้องแล้ว บอกมาเถอะ เรื่องอะไรที่ทำให้เจ้าทุกข์ใจ"
หยุนชางคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า "เรื่องที่ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์ยังไม่ได้ประกาศสู่นอกวัง แต่ว่า เสด็จอาก็ทรงทราบแล้วใช่ไหมเพคะ"
จิ้งอ๋องพยักหน้า ไม่ได้พูดคำตอบ
หยุนชางคร่ำครวญอยู่ครู่หนึ่ง "เมื่อคืนนี้เพราะเรื่องบางเรื่องทำข้านอนไม่หลับ เลยไปเดินเล่นที่อุทยานหลวง ก็พบสนมซู่โดยบังเอิญ เพียงแต่ว่า นางไม่ได้สังเกตเห็นข้า ข้าบังเอิญได้ยินบางอย่าง เกี่ยวกับรัชทายาท"
จิ้งอ๋องพยักหน้าอีกครั้ง "เรื่องอะไร?"
"สนมซู่กล่าวว่า ถ้านางสนมในวังตั้งครรภ์ จากนั้นไม่กี่วัน นางจะได้รับคำสั่งจากเสด็จอา ให้นางกำจัดเด็กในท้องของนางสนมที่ตั้งครรภ์อย่างเงียบๆ" มือของหยุนชางบีบถ้วยชาในมือเล็กน้อยแล้วพูดเบาๆ
จิ้งอ๋องตะลึงงัน นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า "เป็นความจริง…"
หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองไปที่จิ้งอ๋องด้วยความประหลาดใจ "ทำไมเสด็จอาถึงต้องทำเช่นนี้"
จิ้งอ๋องวางถ้วยน้ำชาลง แล้วยืนขึ้น เดินไปยืนหน้าหยุนชาง ก้มศีรษะและมองนาง "เจ้าคิดว่า ข้าเทียบกับเสด็จพ่อของเจ้าแล้วเป็นอย่างไร"
คำถามดังกล่าวไม่สามารถอธิบายได้เล็กน้อย แต่หยุนชางเข้าใจในทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เงียบไปครู่หนึ่ง ก็พูดว่า "เสด็จอาเป็นผู้กล้าหาญปรีชาด้านการออกศึก กล้าหาญและมีกลยุทธ์"
จิ้งอ๋องหัวเราะ "ข้าถามตัวเองไม่ว่าจะด้านใดๆ ข้าก็ไม่ด้อยไปกว่าเสด็จพ่อของเจ้า เมื่อเสด็จพ่อพาข้ากลับวัง ข้าอายุได้สามขวบ เมื่อเสด็จพ่อของเจ้าขึ้นครองราชย์ ข้าอายุเจ็ดขวบ เมื่อข้าอายุได้เจ็ดขวบ ข้าได้รับการสรรเสริญจากท่านตาของเจ้า ซึ่งเป็นราชครูในขณะนั้น โดยกล่าวว่าข้ามีพรสวรรค์ทางโลก อย่างไรก็ตาม ข้าไม่ได้แย่งชิงกับเสด็จพ่อของเจ้า ประการหนึ่งเพราะข้าเป็น บุตรบุญธรรมของเสด็จพ่อ ประการที่สอง ตอนนั้นข้าไม่มีอำนาจและอิทธิพลใดๆ ในราชสำนัก ไม่มีผู้ที่ข้าจะใช้งานได้แม้แต่ผู้เดียว…"
"แต่ว่า เสด็จอาก็ยังทรงต้องการตำแหน่งนั้นใช่ไหมเพคะ" หยุนชางไม่คิดมาก่อนว่าจิ้งอ๋องจะได้พูดเรื่องพวกนี้กับนาง ชะงักไปชั่วครู่ นางจึงเอ่ยถามออกมา
จิ้งอ๋องหัวเราะ หันข้างให้หยุนชาง "ใครบ้างล่ะที่ไม่ต้องการตำแหน่งนั้น"
"แต่ท่านเกรงว่ามันยากที่จะลงมืออย่างซึ่งหน้า และกลัวว่าการมีส่วนร่วมมากเกินไปในแนวหน้าจะทำให้เสด็จพ่อและเหล่าขุนนางเกิดความระแวดระวัง จึงจงใจวางหมากของตัวเองในวังหลังใช่ไหมเพคะ"
จิ้งอ๋องหัวเราะ "ถูกต้อง ในราชวงศ์ปัจจุบัน ตระกูลหลี่อยู่ในอำนาจ และข้านำทหารออกนอกราชสำนักตลอดทั้งปี ยากที่จะทำอะไรโจ่งแจ้ง นอกจากนี้ ข้ารู้สึกว่าตระกูลหลี่ไม่เป็นภัยต่อข้า เพราะพวกเขาพึ่งได้ มีเพียงฮองเฮา หากว่า ฮองเฮาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ไม่สามารถเป็นที่พึ่งแก่พวกเขา หรือว่า ฮองเฮาไม่มีโอรส ดังนั้น ตระกูลหลี่จะพังทลายและหายไปในทันที ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องทำอะไรเลย"
หยุนชางเพียงรู้สึกว่าร่างกายของนางหนาวเย็นเล็กน้อย เงียบไปนานพอควรถึงพูดว่า "แล้วทำไม เสด็จแม่ของข้าตั้งท้องมาสามเดือนแล้ว แต่ท่านกลับยังไม่ลงมือล่ะเพคะ"
จิ้งอ๋องได้ยิน ก็หันกลับมามองหยุนชางด้วยรอยยิ้มที่ปาก ดวงตามีความสับสนเล็กน้อย สักพัก ก็ดูเหมือนว่าพึมพำกับตัวเองว่า "ทำไม อันที่จริงข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไม"
หยุนชางไม่เข้าใจความหมายของจิ้งอ๋อง จึงมองมาที่จิ้งอ๋องด้วยความสงสัย กลับเห็นท่าทีของจิ้งอ๋องได้กลับสู่สภาวะปกติ ดูเหมือนว่าความสับสนในเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตาของหยุนชาง
"แล้วฮองเฮา…" หยุนชางถามอีกครั้ง
จิ้งอ๋องเหลือบมองที่หยุนชาง "ฮองเฮา? นาง ไม่จำเป็นต้องให้ข้าทำเลย"
หยุนชางมองไปที่จิ้งอ๋องราวกับว่ามีความมั่นใจมาก ผงะไปครู่หนึ่ง คำพูดเหล่านี้หมายความว่าอย่างไร จู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนนี้สนมซู่กำลังพูดถึงเด็กในครรภ์ของฮองเฮา ดูเหมือนนางจะพูดว่า ครรภ์ของฮองเฮา ในวังยังมีคนเป็นห่วงเรื่องนี้อีกมาก แม้ว่านางจะไม่ลงมือ ก็จะไม่มีทางประสูติได้อย่างราบรื่นแน่นอน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้หยุนชางก็เข้าใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นพูดกับจิ้งอ๋อง "ชางเอ๋อร์ทราบแล้วเพคะ ขอบพระทัยเสด็จอาที่บอกอย่างตรงไปตรงมา"
จิ้งอ๋องจ้องที่หยุนชางเป็นเวลานานก่อน พยักหน้า เขายิ้มและกล่าวว่า "ในหัวใจของเจ้าตอนนี้ ข้ากลายเป็นผู้อ้างสิทธิ์ในบัลลังก์คนหนึ่ง? เจ้าคิดว่าวิธีการของข้าโหดเหี้ยมเกินไปหรือไม่?"
หยุนชางส่ายหัว "ไม่โหดเหี้ยมไม่นับเป็นชายชาตรีสินะ"
จิ้งอ๋องหยุดนิ่งเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สักพักใหญ่ ก็หัวเราะออกมา "ไม่โหดเหี้ยมไม่นับเป็นชายชาตรี พูดได้ดี ไม่โหดเหี้ยมไม่นับเป็นชายชาตรี"
หยุนฉางลุกขึ้นและขอตัวกลับ จิ้งอ๋องตามนางไปถึงลานประตู ใช้เวลานานกว่าที่เขาจะพึมพำกับตัวเองว่า "ข้าพอจะรู้แล้วว่า ทำไมข้าไม่ลงมือกับสนมจิ่น ทั้งหมด อาจเป็นเพราะเจ้า"
หยุนชางหยุดและมองจิ้งอ๋องด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย แต่เห็นเขาราวกับว่าเขาไม่ได้พูดอะไรแบบนั้นมาก่อน ยิ้มและมองที่หยุนชาง "งั้นข้าจะไม่ส่งแล้วนะ" เขาหันหลังกลับและเดินเข้าไปในจวน
หยุนชางยืนอยู่ที่ลานประตูเป็นเวลานาน นางรู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน เป็นเวลานานพอสมควร นางถึงหันหลังและจากไป
"ชิชะ ชิชะ ทั้งหมด อาจเป็นเพราะเจ้า… โอ้สวรรค์ ลั่วชิงเหยียน เจ้าถึงกับพูดคำเช่นนี้ออกมา ข้าตกใจแทบจะตกจากหลังคา เจ้ารู้ไหม ข้าคิดมาโดยตลอดว่า เจ้าคือชายรักชาย ครั้งหนึ่ง ข้ายังเคยคิดว่า เป็นไปได้ไหมว่าข้ารูปงามเกินไป จนทำให้เจ้าคิดไม่ดีกับข้า ดังนั้นเจ้าจึงไม่ยินดีที่จะเข้าหาหญิงสาว ครั้งหนึ่ง ข้ารู้สึกผิดในเรื่องนี้ และรู้สึกเสียใจกับเหล่าหญิงสาวที่ชอบเจ้า ครั้งหนึ่ง ทุกครั้งที่เจ้ามองมาที่ข้าอย่างเสน่หา ทุกครั้งที่ข้าอยู่เคียงข้างเจ้าเพียงลำพัง ข้ายังเคยคิดว่า ข้าควรที่จะ เอาตามเจ้าดีหรือไม่…" หวังจิ้นฮวนมองจิ้งอ๋องที่ยืนอยู่ในห้องอักษรแต่ยังคงจ้องมองไปที่ลานประตู และเดินรอบจิ้งอ๋องหลายครั้ง อุทานด้วยความประหลาดใจ
"เฮ้อ แต่ตอนนี้นับได้ว่าสมบูรณ์แบบ เจ้าลั่วชิงเหยียนจะเฝ้าคิดถึงหญิงสาวแบบนี้ โอ้ มันทำให้ข้ารู้สึกมีความสุขมาก องค์หญิงน้อยผู้นี้ คงเป็นเพราะสวรรค์เหนื่อยหน่ายกับเจ้า จึงส่งมาปราบเจ้า ดูเหมือนว่าข้าจะต้องสื่อสารกับนางให้มากขึ้น… อย่างไรก็ตาม ลั่วชิงเหยียน นางเป็นหลานสาวของเจ้านะ นางอายุน้อยกว่าเจ้า 12ปี เจ้าทำไมถึงทำได้ลงคอ อา อา อา อา…" เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ แล้วมีเสียง "ปัง" และร่างสีแดงนอนอยู่บนพื้นในสวน
"ลั่วชิงเหยียน นับว่าเจ้าเก่ง ประเดี๋ยวข้าจะไปหาองค์หญิงน้อยฟ้องนาง…" เสียงของหวังจิ้นฮวนดูเจ็บปวดเล็กน้อย "สวรรค์ แขนของข้า แขนของข้าจะหักแล้ว ลั่วชิงเหยียนรีบตามหมอมาดูอาการข้าเร็ว…"
เมื่อหยุนชางกลับมาถึงตำหนักชิงซิน ฉินยีและเฉี่ยนอินยืนอยู่ที่ประตูและคอยมองไปรอบๆ เมื่อเห็นร่างของหยุนชางจึงรู้สึกโล่งใจ รีบเข้าไปและพูดว่า "องค์หญิง ท่านเสด็จไปไหนมาเพคะ ก่อนหน้านี้ ท่านเสด็จไปถวายพระพรฮองเฮาก็ไม่ให้พวกหม่อมฉันตามเสด็จ พวกหม่อมฉันรออยู่ที่ตำหนักเป็นเวลานานและไม่เห็นท่านกลับมา ทำให้พวกหม่อมฉันเป็นกังวลมากเลยเพคะ"
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "ไม่มีอะไร เมื่อวานต้องขอบพระทัยเสด็จอา มิเช่นนั้นข้าคงจะไม่ไหวเช่นนี้ ระหว่างทางกลับตอนที่ข้าไปถวายพระพรฮองเฮา ข้าก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานข้ากลับด้วยรีบร้อน ยังไม่ได้ขอบพระทัยเสด็จอาเลย ดังนั้นก็เลยไปที่จวนจิ้งอ๋องโดยเฉพาะ เมื่อข้าไปถึงที่นั่น เสด็จอาก็เสด็จไปที่สนามฝึกทหารนอกเมือง จึงรอพักใหญ่"
หยุนชางได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเมื่อคืนก่อนกับฉินยีและเฉี่ยนอิน ทั้งสองสาวกำนัลดุว่าหัวจิ้ง และรู้สึกซาบซึ้งต่อจิ้งอ๋องเล็กน้อย เมื่อหยุนชางกล่าวเช่นนี้ ฉินยีพยักหน้าและกล่าวว่า "เป็นเรื่องสมควรที่จะต้องขอบพระทัยจิ้งอ๋องเป็นอย่างดี พักหลังหลายครั้งที่ประสบปัญหา จิ้งอ๋องก็ช่วยไว้มาก พูดเช่นนี้แล้ว จิ้งอ๋องเป็นดาวนำโชคขององค์หญิงจริงๆ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนชางก็นึกถึงประโยคที่เขาทิ้งไว้ก่อนออกจากจวนจิ้งอ๋อง "ทั้งหมด อาจเป็นเพราะเจ้า…" หยุนชางครุ่นคิดมาตลอดทาง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจิ้งอ๋องจึงพูดเช่นนี้อย่างกะทันหัน
"องค์หญิง องค์หญิงเพคะ…" เสียงเรียกของฉินยีดังมาจากหูของนาง หยุนชางดึงสติกลับมา และตกใจที่ดูเหมือนว่าตนจะเหม่อลอยนึกถึงจิ้งอ๋องมากขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกใจสั่นอย่างลับๆ "หือ?"
ฉินยีจ้องที่หยุนชางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า "ทำไมช่วงนี้องค์หญิงมักจะทรงพระทัยลอยมากเลยเพคะ?" หลังจากบ่น นางก็พูดต่ออย่างรวดเร็ว "องค์หญิง หม่อมฉันได้ยินหัวหน้าเจิ้งกล่าวว่า จ้าวฮูหยินได้ไปที่ชายแดนเพียงลำพังจริงๆ …… "
หยุนชางได้ยิน พยักหน้า "จ้าวฮูหยินไม่ได้เลวร้ายอะไร ถึงแม้จะมีนิสัยแปลกๆ แต่เพื่อลูกชายของนาง ยอดเยี่ยมจริงๆ"
เฉี่ยนอิน ก็ยังเสริมคำพูดต่อว่า "ทุกครั้งที่หม่อมฉันเห็นองค์หญิงหัวจิ้งถูกจ้าวฮูหยินทำให้เถียงไม่ออก จะรู้สึกมีความสุขมากเลยเพคะ ในใต้หล้านี้ ยังมีคนที่ไม่มีความโปรดปรานใดๆต่อองค์หญิงหัวจิ้ง และมุ่งเป้าทุกทิศทาง ทำให้องค์หญิงไม่กล้าโต้กลับอย่างโจ่งแจ้ง"
หยุนชางก็ยิ้มเล็กน้อย "เฉี่ยนอิน เจ้าให้คนไปลองถามดู ว่าเรื่องของจ้าวอิงเจี๋ยเป็นอย่างไรบ้าง"
เฉี่ยนอินพยักหน้า "ประเดี๋ยวหม่อมฉันจะให้คนนำจดหมายออกไปเพคะ"
หยุนชางพูด "อือ" นั่งบนฟูกนุ่ม แล้วหยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง "จริงด้วย วันนี้ในช่วงที่ข้าออกไป ทางฝั่งฮองเฮามีอะไรเคลื่อนไหวหรือไม่"
เฉี่ยนอินช่วยหยุนชางห่มผ้าห่ม แล้วค่อยพูดว่า "อีกไม่กี่วันเป็นเหมายัน ได้ยินมาว่า ฮองเฮาและองค์หญิงหัวจิ้งหารือเรื่องการเตรียมงานฉลองในช่วงเหมายัน และจะประกาศเรื่องฮองเฮาทรงตั้งครรภ์ในวันนั้นด้วยเพคะ……"
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "นางช่างรู้วิธี ว่าทำอย่างไรถึงจะดึงดูดความสนใจผู้คนมากที่สุด"
เมื่อพูดถึงการเฉลิมฉลองเหมายัน หยุนชางนึกขึ้นได้ เรื่องที่สั่งไปเมื่อนานมาแล้ว และกล่าวว่า "ของที่ข้าให้คนเตรียมไว้ เตรียมพร้อมหรือยัง? เกี่ยวกับ… พิธีเหมายัน…"
เฉี่ยนอินนได้ยิน คิ้วและตาของนางเผยความได้ใจเล็กน้อย "ทูลองค์หญิง ได้เตรียมพร้อมแล้วเพคะ ในวันเหมายัน หม่อมฉันจะถวายของขวัญชิ้นใหญ่แด่ฮองเฮาแน่เพคะ"