ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 172 งานเลี้ยงวันเกิด ณ จวนจิ้งอ๋อง (๒)
พ่อบ้านฟังเสียงของหยุนชางที่กำลังยุ่ง เขาลูบเคราแล้วมองจิ้งอ๋อง "วันนี้ข้าน้อยรู้แล้วจริงๆ ว่าจวนนี้จำเป็นต้องมีนายหญิงแล้ว ท่านอ๋องไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงมาหลายปี อย่างไรอยู่ที่ชายแดนก็ไม่ต้องสนใจเรื่องเหล่านี้ แต่ถ้าอยากอยู่ในเมืองหลวงต่อก็จะขาดนายหญิงไปไม่ได้ พอจวนไม่มีนายหญิงแล้วช่างไม่เป็นเรื่องเอาเสียเลย"
จิ้งอ๋องเงยขึ้นมองภาพด้านหลังของหยุนชางพลางฟังนางสั่งการอย่างมีระเบียบ เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้าคล้อยตาม "อืม คิดดูแล้ว วันนี้ข้าอายุครบยี่สิบแปดปี? ค่อนข้างอายุเยอะแล้วจริงเสียด้วย"
พ่อบ้านจ้องเขา "ไม่ใช่เพียงแค่แก่แล้วนิดหน่อยเท่านั้นนะขอรับ ผู้ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับท่านที่แต่งงานไปเร็ว เกรงว่าลูกของเขาก็ใกล้จะแต่งงานแล้วเสียด้วยซ้ำ"
จิ้งอ๋องกระแอมเล็กน้อย "แต่ชางเอ๋อร์บอกเสด็จพี่ว่าในสองปีนี้นางไม่สามารถจะแต่งงานได้ ยุ่งยากจริงๆ"
ตอนที่พ่อบ้านต้องการจะพูดอะไรบางอย่างก็เห็นหยุนชางเดินเข้ามา เขาจึงหยุดพูดและยิ้มให้นาง "ดีที่มีองค์หญิงอยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นข้าน้อยก็ไม่รู้จะทำเช่นไรดีเลยขอรับ"
หยุนชางพยักหน้าอย่างไม่ได้ถ่อมตัวนัก นางจ้องไปที่จิ้งอ๋องแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย "ข้าจะไปช่วยท่านต้อนรับแขกสตรี แต่ว่าด้านหน้านั้นเกรงว่าคงจะต้องให้ท่านช่วยไปต้อนรับเอง แผลของท่าน…" หยุนชางไม่ได้ละเลยไปว่าสีหน้าของเขายังคงซีดเล็กน้อย
จิ้งอ๋องยิ้มบางๆ เขาลุกขึ้นจากเบาะแล้วเดินช้าๆ สองสามก้าว หยุนชางใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ เพียงแต่… "หาองครักษ์สองสามคนคอยคุ้มกันท่าน อย่าให้ผู้ใดเข้าใกล้ได้ ท่านเดินช้าก็ดูจะพอได้ แต่หากเดินเร็วเกรงว่าแผลจะถูกดึง หม่อมฉันจะออกไปก่อน ท่านก็ระวังตัวด้วย"
จิ้งอ๋องพยักหน้า "ข้ารู้แล้ว"
หยุนชางจึงหันหลังเดินออกจากห้องไป
เหล่าหญิงสาวถูกเฉี่ยนอินพาไปยังบริเวณศาลาริมทะเลสาบ นี่คงเป็นมุมสวยงามเดียวในจวนอันใหญ่โตมโหฬารของจิ้งอ๋อง จิ้งอ๋องมักไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง ทั้งจวนก็ถูกละเลยไปเพียงแต่ยังนับได้ว่าดูสะอาดดีเท่านั้น แต่ทิวทัศน์สวยงามนั้นแทบจะไม่มีเลย
แขกรับเชิญของจวนจิ้งอ๋องนั้นย่อมไม่ใช่คนทั่วไป หลายคนได้เคยเข้าไปร่วมงานเลี้ยงในวังแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาจำสาวใช้ผู้ที่นำพวกเขามาที่นี่และนำชาและขนมมาให้ได้ว่าเป็นนางกำนัลขององค์หญิงหยุนชางชัดๆ
ผู้คนต่างก็ประหลาดใจ แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา พวกเขาแค่รวมตัวกันสองสามคนเพื่อพูดคุยเท่านั้น
เมื่อหยุนชางมาก็ดูเหมือนพวกเขากำลังซุบซิบนินทาเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเรื่องในเมืองหลวง กล่าวกันว่าช่วงนี้มีขุนนางจำนวนมากกำลังแย่งชิงตัวแม่นางเฉียนเฉี่ยนนางโลมอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวง แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีข่าวเด็ดเกี่ยวกับองค์หญิงหัวจิ้ง แต่ว่าพวกคุณหนูและท่านหญิงเหล่านี้ต่างก็รู้ดีว่าในงานเช่นนี้ย่อมไม่ควรเอ่ยถึงเรื่องที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นภัยขึ้นมาได้
หยุนชางยิ้มพลางเดินไป เมื่อมีคนเห็นก็รีบลุกขึ้นมาย่อกายและยิ้มรับอย่างรวดเร็วและกล่าวกับหยุนชางว่า "เมื่อครู่เห็นกูกูสองคนที่นำทางมาที่นี่ก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นคนขององค์หญิง คิดว่าองค์หญิงน่าจะมาถึงตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่เห็นตัว กำลังจะถามถึงอยู่พอดีเลยเพคะ แต่องค์หญิงเสด็จมาเสียก่อน"
หยุนชางมองคนที่พูด นางคือพระชายาของซื่อจื่อในจวนซุ่นชิ่งอ๋อง
หยุนชางรีบยิ้มและกล่าวว่า "พระชายาสบายดีไหม? ไม่ได้พบกันนานแล้ว จะว่าไปแล้วก็ทำให้ชางเอ๋อร์รู้สึกละอายใจ ในจวนของเสด็จอาไม่มีสาวใช้เลย ก่อนหน้านี้เสด็จอาอยู่ที่ชายแดนมาตลอด ไม่ถนัดเรื่องการจัดงานเลี้ยงนัก ตอนนี้ตัวอยู่ในเมืองหลวง หากจะไม่มีงานเลี้ยงอะไรเลยก็ออกจะไร้เหตุผลไปเสียหน่อย เพียงแต่เขาไม่เคยทำจึงไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี แต่เสด็จอาก็ช่างดื้อรั้นนัก วันนี้ตอนที่ชางเอ๋อร์มาก็เห็นว่ายุ่งวุ่นวายเป็นอย่างมาก จึงต้องให้ยืมคนของข้าไปใช้ หากมีอะไรที่ผิดพลาดไป หวังว่าทุกคนจะไม่ถือสา"
ทุกคนต่างมองหน้ากัน แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินเรื่องจวนของจิ้งอ๋องมาบ้างแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจวนใหญ่โตเพียงนี้จะไม่มีสาวใช้แม้แต่คนเดียว ในใจทุกคนต่างเกิดความรู้สึกคล้ายๆ ทั้งอิจฉาริษยาและบางคนก็ไม่เห็นด้วยนัก
แต่ติดที่ฐานะของจิ้งอ๋องและหยุนชาง พวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไร แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น "องค์หญิงช่างโชคดีเสียจริงนะเพคะ ทั่วทั้งแคว้นหนิง แม้แต่คนธรรมดาต่างก็มีภรรยามากมายเป็นเรื่องปกติ แต่ผู้สูงส่งอย่างจิ้งอ๋อง ในจวนกลับไม่มีแม้แต่สาวใช้ไว้ปรนนิบัติ จิ้งอ๋องช่างรักองค์หญิงเสียเหลือเกิน คิดว่าองค์หญิงก็คงเป็นผู้เพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมสูงส่ง เห็นว่าจวนไม่มีคนคอยดูแล วัชพืชในจวนสูงเท่าตัวคนแล้ว ต่อไปเมื่อองค์หญิงกลายเป็นนายหญิงแห่งจวนจิ้งอ๋องคงจะต้องกำจัดมันให้ดี…"
หยุนฉางหันหันหน้าไปก็พบกับชางยางอวี้เอ๋อร์ บนใบหน้านางมีรอยยิ้มเยาะเย้ย ดวงตาของนางจ้องมองหยุนชาง เมื่อเห็นนางหันไปก็ไม่แม้แต่จะกะพริบหรือหลบสายตา
ทุกคนต่างก็ฟังออกถึงความผิดปกติในคำพูดนั้น มีคนนึกออกแล้วว่าหญิงสาวที่พูดคือคนที่อยากแต่งงานกับจิ้งอ๋องที่งานเลี้ยงในวันนั้น แต่ถูกจิ้งอ๋องปฏิเสธ
เมื่อนึกออกแล้ว หลายคนก็สนใจคิดที่จะดูละครฉากนี้และมองมาที่ชางยางอวี้เอ๋อร์และหยุนชาง ชางยางอวี้เอ๋อร์ก็สวยไม่เลว คงมีหลายคนที่ชมชอบนาง แต่นางกลับอยากจะแต่งงานกับจิ้งอ๋องเพียงคนเดียว จิ้งอ๋องกลับปฏิเสธทันที แม้ว่าชางยางอวี้เอ๋อร์จะบอกว่าหยุนชางโชคดี แต่เมื่อคิดให้ละเอียดดูแล้วกลับรู้สึกได้ถึงเค้าแววบางอย่าง นางกำลังพูดประชดประชันอยู่ชัดๆ เมื่อเห็นว่าในจวนจิ้งอ๋องไม่มีผู้หญิง แม้แต่งานเลี้ยงวันเกิดก็ไม่สามารถหามาได้ แต่ก็ยังไม่มีแก่ใจคิดหาสาวใช้เข้าจวน
หยุนชางยิ้มบางๆ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากสนใจ แต่เสด็จอาสายตาสูงนัก หากไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดก็จะไม่ต้องการ หากข้าเลือกคนไร้ความสามารถเข้ามา เกรงว่าเสด็จอาคงจะต้องกล่าวโทษชางเอ๋อร์เป็นแน่"
ชางยางอวี้เอ๋อร์มีสีหน้าแข็งกระด้าง หนิงหยุนชาง แค้นนี้นางจะจำไว้ เมื่อนางกำลังจะเอ่ยปากพูดขึ้นอีกก็ได้ยินน้ำเสียงดุดันดังขึ้น "องค์หญิง เหยียนเอ๋อร์มาช้าไป ไม่รู้ว่าพลาดอะไรดีๆ ไปหรือเปล่าเพคะ"
หยุนชางหันไปมองก็เห็นหวังจินเหยียนในชุดสีเขียวเดินเข้ามา ด้านหลังตามมาด้วย ฮูหยินที่มีรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้า
หยุนชางยิ้มบางๆ เดิมทีนางคิดว่าสีแดงเป็นสีที่เข้ากับหวังจินเหยียนได้ดีที่สุด แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชุดสีเขียวก็สามารถทำให้นางดูสง่างามเย่อหยิ่งด้วยเช่นกัน แต่กลับมีความเป็นผู้หญิงมากขึ้นอีกเล็กน้อย "เจ้ามาพอดี การแสดงยังไม่เริ่มเลย"
หวังจินเหยียนมองชางยางอวี้เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างด้วยดวงตาเย็นชา แล้วหันศีรษะมายิ้มอีกครั้ง "องค์หญิง นี่คือท่านแม่ของข้าเอง"
หยุนชางหันไปมองฮูหยินผู้งดงามที่อยู่ด้านหลังหวังจินเหยียนแล้วแอบถอนหายใจอยู่ในใจ ไม่รู้จริงๆ จริงๆ ว่าคู่พี่น้องหวังจิ้นฮวนและหวังจินเหยียนได้นิสัยของใครมา เจ้ากรมหวังเป็นคนจริงจังและเคร่งครัดในระเบียบวินัย หวังฮูหยินก็ดูอ่อนโยนราวกับสายน้ำ หยุนชางยิ้มและพูดกับหวังฮูหยินว่า "ฮูหยิน ท่านสวยจังเลย ไม่น่าแปลกใจเลยที่เหยียนเอ๋อร์และคุณชายหวังจะดูดีมาก"
ใครจะไม่อยากได้ยินคนอื่นชมลูกของตนเอง รอยยิ้มบนใบหน้าของนางจึงกว้างขึ้นไปอีก
ระหว่างที่คุยกันอยู่ก็มีคนอุทานว่า "เอ๊ะ" ออกมา ทุกคนจึงมองตามเสียงไปที่ทางเดินฝั่งตรงข้ามของสระน้ำก็เห็นหญิงสาวในชุดสีชมพูถือฉินเดินมาอย่างเชื่องช้า แม้ว่าจะอยู่ในระยะไกล ทุกคนก็รู้สึกได้ว่าคนผู้นั้นดูมีด้วยเสน่ห์อย่างมาก…