ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 147 ชางเจียชิงซูเข้าเมือง
"เกิดอะไรขึ้น?" เฉี่ยนอินเปิดประตูเกวียนม้าและเดินออกไป
และก็มีเสียงโวยวายดังขึ้น หยุนชางขมวดคิ้วและส่งสายตาให้ฉินยี ฉินยีก็ลงจากรถเช่นกัน ทันทีที่ฉินยีออกไป เฉี่ยนอินก็กลับเข้ามา แววนางของนางระแวงขึ้นอย่างมาก และกล่าวต่อหยุนชางด้วยเสียงเบาๆ ว่า "องค์หญิงเพคะ มีชายคนหนึ่งวิ่งตัดหน้าเกวียนม้าอย่างกะทันหัน คนบังคับเกวียนหยุดไม่ทัน จึงพุ่งเข้าใส่เพคะ"
หยุนชางตอบว่า "อืม" และกล่าวต่อว่า "ไปเรียกฉินยีกลับมาเถิด นี่เป็นเกวียนม้าของจิ้งอ๋อง และคนบังคับเกวียนก็เป็นคนที่ชาญฉลาด เขาคงจัดการได้"
เฉี่ยนอินขมวดคิ้วเล็กน้อยและกล่าวว่า "องค์หญิงเพคะ เมื่อสักครู่หม่อมฉันเห็นรอยสักที่ข้อมือของชายผู้นั้นเพคะ และดวงตาของชายผู้นั้นเป็นสีน้ำตาลเพคะ ดูแล้วดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนแคว้นหนิงนะเพคะ อีกทั้งเสื้อผ้าที่เขาใส่ถือว่าเป็นผ้าชั้นยอดด้วยเพคะ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หยุนชางก็ตะลึงขึ้นมา ดวงตาของเขาเป็นสีน้ำตาล มีรอยสักแปลกๆ ด้วยงั้นหรือ?
"ข้าออกไปดูหน่อยแล้วกัน" ขณะที่พูด หยุนชางก็สวมผ้าพันคอ นางเปิดประตูเกวียนม้าและเดินออกไป แล้วก็พบชายเสื้อสีน้ำเงินยืนอยู่ข้าง ๆ เกวียน สีหน้าของเขาดูแย่เล็กน้อย คนบังคับเกวียนม้าก้มลงกล่าวกับชายผู้นั้นว่า "ใครๆ ก็เห็นว่าคุณชายนั้นวิ่งออกมาอย่างกะทันหัน แม้ว่าข้าน้อยหยุดม้าไว้ไม่ทัน แต่ก็ไม่ควรรับโทษทั้งหมดนี้"
ชายผู้นั้นตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ "ดูจากป้ายบนเกวียนม้าของเจ้าแล้ว นี่คงเป็นเกวียนม้าของจิ้งอ๋องกระมั้ง หรือว่าจิ้งอ๋องทรงเป็นเช่นนี้ ใช้อำนาจท่านอ๋องแล้วคิดอยากทำเช่นไร หรือตัดสินชีวิตใครก็ได้งั้นหรือ? หากว่าวันนี้ข้าเสียชีวิต ณ ที่นี้ เรื่องนี้ก็คงจบไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ใช่หรือไม่?"
สำเนียงของเขาไม่เหมือนกับชาวแคว้นหนิงเสียจริง หยุนชางเงยหน้าขึ้นมองคุณชายผู้นี้ เห็นว่าเขาสวมชุดคลุมสีดำ จมูกที่โด่งสูง นัยน์ตาที่ลึกลับ รูปร่างหน้าตาช่างหล่อเหลา แต่ดูจากสีหน้าท่าทีเช่นนี้แล้ว คงเป็นคนที่นิสัยไม่ค่อยดีนัก
หยุนชางจ้องมองไปที่ข้อมือของเขา และเห็นว่ามีรอยสักแปลก ๆ อยู่ที่ข้อมือจริง ๆ หยุนชางหรี่ตาลง และนึกอยู่ในใจ จากนั้นก็ตกตะลึง ที่แท้ก็เป็นเขานี่เองหรือ?
หยุนชางเดาในใจแล้วยิ้มเบา ๆ พร้อมกล่าวว่า "คุณชายเจ้าคะ หากว่าเราให้อภัยกันได้นั้นก็ย่อมยอมกันไปเถิดเจ้าค่ะ ในเมื่อทุกคนต่างก็มีความผิดเช่นกัน อีกทั้งคุณชายก็มิได้รับบาดเจ็บใดๆ เราจบเรื่องนี้ด้วยดีกันดีหรือไม่เจ้าคะ? "
ชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองไปที่หยุนชาง แต่เห็นว่านางมีรูปร่างสง่างาม ดูเหมือนนางจะอายุสิบสี่สิบห้า แต่กลับมีบุคลิกที่อ่อนโยน เขาก็แอบสรรเสริญในใจ แต่แววตาของเขากลับเผยความเย้ยหยันออกมาเล็กน้อย " ประชาชนต่างก็ว่ากันว่า จิ้งอ๋องนั้นเป็นคนที่ซื่อตรง และไม่เคยมีผู้หญิงใดปรากฏอยู่ใกล้ๆ พระองค์เลย แต่ไม่คาดคิดว่าวันนี้ ข้าเกิดเหตุเช่นนี้ ดันพบหญิงสาวที่งดงามดั่งหยกขาวอยู่ที่นี่ด้วย ได้ข่าวว่าองค์จักรพรรดิเพิ่งพระราชทานสมรสให้องค์หญิงฮุ่ยกั๋วและจิ้งอ๋องมิใช่หรือ ไม่ทราบเหมือนกันว่าหากองค์หญิงฮุ่ยกั๋วทรงพบภาพนี้ ท่านจะทรงเสียพระทัยหรือไม่?"
เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ หยุนชางก็มั่นใจตัวตนของเขามากขึ้น จึงเอามือไขว้หลังแล้วส่งสัญญาณให้เฉี่ยนอิน ชี้เฉี่ยนอินจึงรีบตะโกนด้วยความโกรธเคืองว่า " เหลวไหล เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเจ้านั้นเป็นผู้ใด?"
ชายผู้นั้นหัวเราะคิกคักและกล่าวว่า "หรือว่าท่านจะเป็นองค์หญิงฮุ่ยกั๋วงั้นหรือ?"
เฉี่ยนอินกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ "ถือว่าเจ้ายังชาญฉลาดอยู่บ้าง แต่เจ้ามีความผิดอย่างยิ่ง อยู่ต่อหน้าองค์หญิงเจ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลเช่นนี้อีกหรือ?" "องค์หญิงทรงพระเจริญขอรับ" ผู้คนที่มาดูเหตุการณ์นั้นไม่คาดคิดว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านั้นมีฐานะอันสูงส่งเช่นนี้ ทุกคนจึงรีบคุกเข่าลงและถวายบังคม
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย ก้มศีรษะลงแล้วกล่าวว่า "เอาล่ะ เฉี่ยนอิน ผู้ไม่ทราบย่อมไม่มีความผิด แต่ทว่าไม่ทราบเช่นกันว่าคุณชายมีข้อคัดค้านต่อข้อเสนอของข้าเมื่อสักครู่นี้หรือไม่? หากว่าไม่มี ก็ขอรบกวนคุณชายโปรดหลีกทางให้เราด้วยเถิด
"เจ้าคือองค์หญิงฮุ่ยกั๋วหรือ? " ชายผู้นั้นยังคงไม่เชื่อนาง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หยุนชางเม้มปาก "ข้าตัวจริงเสียงจริง" หลังจากพูดจบ นางก็ขมวดคิ้วและไอออกมาเล็กน้อย "อะแฮ่ม…"
เฉี่ยนอินรีบก้าวไปข้างหน้าพยุงตัวหยุนชางไว้และกล่าวว่า "องค์หญิงเพคะ พระวรกายขององค์หญิงทรงไม่แข็งแรงนัก กลับไปพักในเกวียนม้าเถิดเพคะ"
หยุนชางโบกมือและกล่าวว่า "ข้ามิได้ออกจากวังมาเป็นเวลานานแล้ว ในที่สุดก็ได้มีโอกาสออกมาทั้งที จะให้ข้าอยู่แค่ในเกวียนมันก็ไม่ดี"
"แต่ว่า พระวรกายของท่าน……"
เฉี่ยนอินยังกล่าวไม่จบ ก็ได้ยินเสียงเกือกม้าดังมาจากระยะไกล ก่อนที่เสียงเกือกม้าจะเข้ามาใกล้ ก็ได้ยินเสียงตกใจจากฝูงชนที่มองดูอยู่ข้างๆ "ท่านจิ้งอ๋องเสด็จ"
จิ้งอ๋อง? หยุนชางเลิกคิ้ว มองไปยังทิศทางของเสียงเกือกม้า
จิ้งอ๋องเห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งขวางทางไว้ จึงขมวดคิ้วและกำลังคิดจะอ้อมไปทางด้านข้าง แล้วก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมา " ท่านอ๋องเพคะ องค์หญิงอยู่ทางนี้เพคะ"
จิ้งอ๋องผงะเมื่อได้ยินเช่นนี้ จึงลงจากหลังม้า เดินผ่านฝูงชนไปที่ตรงกลาง และพบว่าเฉี่ยนอินกำลังพยุงหยุนชางไว้ และหยุนชางก็ไออย่างหนัก
จิ้งอ๋องขมวดคิ้วและรีบก้าวไปข้างหน้าพยุงหยุนชางไว้พร้อมกล่าว " ชางเอ๋อร์เป็นอะไรไปหรือ? เจ็บไข้หรือ?"
หยุนชางเงยหน้าขึ้นและส่ายหัวพร้อมยิ้ม "ไม่เป็นกระไรเพคะ เพียงแค่เกิดเรื่องเพคะ เมื่อสักครู่นี้เกวียนม้าชนชายหนุ่มผู้นี้…" หยุนชางหันหน้าไปมองทิศทางที่ชายผู้นั้นยืนเมื่อสักครู่นี้ กลับพบว่าเขาหายตัวไปแล้ว
หยุนชางขมวดคิ้วและเห็นว่าเงาร่างนั้นได้จากไปอย่างเงียบ ๆ แล้ว
"ไม่มีเรื่องอันใดแล้วเพคะ ชายผู้นั้นจากไปแล้ว" หยุนชางไอไปสองที "เสด็จอาทรงรอมานานแล้ว เราไปกันเถิด" ขณะที่พูดก็ให้เฉี่ยนอินพยุงตนขึ้นไปบนเกวียนม้า
ทันทีที่เข้าไปในเกวียนม้า ก็พบว่าจิ้งอ๋องเข้ามาเช่นกัน และเกวียนม้าก็เริ่มวิ่ง
หยุนชางพิงเกวียนม้าไว้ ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า "คนที่พุ่งออกมาตัดหน้าเกวียนม้าเมื่อสักครู่นี้ ข้าสงสัยว่าเป็นชางเจียชิงซู"
"เสด็จอาได้พบเห็นชางเจียชิงซูหรือไม่เพคะ ทราบหรือไม่ว่าเขารูปร่างหน้าตาเป็นเช่นไร" หยุนชางเงยหน้าขึ้นและถาม
จิ้งอ๋องพยักหน้า "หากว่าเขายืนอยู่ตรงหน้าข้า ข้าจำเขาได้อย่างแน่นอน แต่เมื่อสักครู่ข้าไม่พบนาง แต่ถ้าหากว่าเขากลัวว่าข้าจะจำเขาได้ แล้วเหตุใดจึงเลือกพุ่งชนเกวียนม้าของข้า?"
หยุนชางยิ้มมุมปาก กล่าวด้วยรอยยิ้ม " เกรงว่าเขาคงทราบมาก่อนแล้วว่าคนที่นั่งในเกวียนนี้มิใช่จิ้งอ๋องแต่เป็นองค์หญิงฮุ่ยกั๋ว เดิมทีเขาคงอยากบอกกลับองค์หญิงฮุ่ยกั๋วว่าตนมาถึงแล้ว แต่เขาไม่คาดคิดว่า คนที่นั่งในเกวียนม้านั้นจะเป็นข้า ดังนั้นเขาจึงจงใจกวนประสาทข้า เพื่อที่อยากทราบตัวตนที่แท้จริงของข้า เมื่อทราบว่าข้าต่างหากที่เป็นองค์หญิงฮุ่ยกั๋วตัวจริง จึงได้ทราบว่าหัวจิ้งหลอกลวงเขา เพลานี้เขาคงจะเกลียดหัวจิ้งอย่างมาก"
จิ้งอ๋องได้ยินเช่นนี้จึงประหลาดใจ และกล่าวด้วยความเหลือเชื่อว่า " เจ้าบอกตัวตนของเจ้าให้ชางเจียชิงซูแล้วหรือ? ชางเจียชิงซูเพิ่งออกจากแคว้นเย้หลางได้ไม่กี่วันเองมิใช่หรือ? แล้วเขาปรากฏตัวที่เมืองหลวงได้อย่างไร?"
หยุนชางก้มศีรษะลงและคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "ชางเจียชิงซูเป็นองค์ชายสามของแคว้นเย้หลาง และตอนนี้เป็นช่วงแช่งชิงพระราชบัลลังก์อย่างดุเดือดของแคว้นเย้หลาง ชางเจียชิงซูคิดอยากอภิเษกสมรสกับหม่อมฉัน เพื่อได้รับการสนับสนุนของแคว้นหนิง หม่อมฉันคิดว่าชางเจียชิงซูกลัวว่าระหว่างทางที่เดินทางมานั้นจะมีคนลอบสังหาร ดังนั้นเขาจึงออกเดินทางมาที่แคว้นหนิงเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ก่อน และอีกอย่างจะได้ถือโอกาสติดต่อกับหัวจิ้ง เพื่อให้การเดินทางของเขาเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น คนที่เพิ่งออกเดินทางจากแคว้นเย้หลางนั้นคงเป็นแค่ตัวกำบังเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ที่ต้องการสังหารเขาเพียงเท่านั้น"
จิ้งอ๋องเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาเป็นประกายวาววับ "ในเมื่อเขาไม่ได้แสดงตัวตนออกมา และองค์ชายสามของแคว้นเย้หลางยังคงอยู่ระหว่างเดินทาง เป็นโอกาสที่ดีอย่างมากหากเราสังหารเขาในเวลานี้ หากว่าแคว้นเย้หลางเกิดมีปัญหาขึ้นมา เราก็สามารถกล่าวได้ว่าไม่ทราบเรื่องราวนี้ และยังได้โอกาสโต้ตอบไปว่า องค์ชายสามอยู่ระหว่างทางกำลังเดินทางมามิใช่หรือ? แล้วทรงเข้ามาในเมืองหลวงได้อย่างไร และไม่ทราบว่าพระองค์ทรงมีจุดประสงค์อะไร"
หยุนชางเลิกคิ้วขึ้น "แม้ว่าชางเจียชิงซูจะมีอารมณ์ดุร้าย แต่เขามิใช่คนที่ประมาท แม้ว่าคราวนี้ได้โอกาสเข้ามาในเมืองหลวงก่อนเวลา แต่หม่อมฉันรู้สึกว่า เขาคงจะเตรียมการมาอย่างดี หากว่าเราคิดจะจัดการเขาในเวลานี้ คงไม่ง่ายสักเท่าไหร่"