ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 112 ฝุ่นผงที่ตกตะกอน
หยุนชางที่กำลังจะวางหมากหยุดชะงักลง "คืนนี้ ราชบุตรเขยจะกลับมา"
จิ้งอ๋องยิ้มเล็กน้อยโดยไม่เร่ง แต่กล่าวว่า "คืนนี้ ปลากำลังจะติดเบ็ด"
นี่คือหิมะแรกในปีนี้ หยุนชางครุ่นคิด ไม่รู้ว่าในเมืองหลวงหิมะตกหรือยัง ในชีวิตของภพที่แล้ว ในหิมะแรกของปีนี้ นางกำลังตั้งครรภ์มีเหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์..
สีหน้าของหยุนชางซีดเล็กน้อย นัยน์ตาเป็นประกายด้วยความเกลียดชังอย่างที่สุด
จิ้งอ๋องสังเกตเห็นสีหน้าของหยุนชาง ดวงตาของเขาหยุดชะงัก แสร้งทำเป็นไม่เห็น เคาะโต๊ะแล้วพูดว่า "ถึงตาเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าไม่วางหมากอีก ข้าจะถือว่าเจ้ายอมแพ้แล้ว"
หยุนช้างดึงสติกลับมา วางหมากลง
จิ้งอ๋องส่ายหัว "เจ้าแพ้แล้ว"
หลังจากรับประทานอาหารเย็น จิ้งอ๋องเอาฟูกนุ่มมา แล้วกางออกนอกฉากกั้น ทุกวันนี้ เขานอนแบบนี้ หยุนชางมองดูการกระทำของจิ้งอ๋อง ก็เปิดปากขึ้น แต่ในที่สุดนางก็ไม่ได้พูดอะไร
ค่ำคืนเริ่มมืดลง เนื่องจากเป็นหิมะแรกในปี ข้างนอกจึงหนาวเล็กน้อย จิ้งอ๋องทรงเห็นใจเหล่าทหาร จึงทรงจุดไฟสองสามกอง ให้ทหารในยามกลางคืนไปผิงไฟ เปลี่ยนผู้คนคอยดูเป็นระยะๆ เพราะกลัวไฟไหม้ กองไฟจะห่างจากค่ายนิดหน่อย ข้างนอกจะเงียบกว่าปกติเล็กน้อย
เพิ่งผ่านสองยาม หยุนชางได้ยินเสียงคนเหยียบหิมะ ถึงแม้เสียงจะเบา แต่ในค่ำคืนที่เงียบสงบ กลับได้ยินอย่างชัดเจนมาก ฟังจากเสียง ดูเหมือนว่ามีผู้คนไม่น้อย และยังมีเสียงชุดเกราะที่กระทบกัน
เสียงที่ส่งมา ดูเหมือนทหารลาดตระเวนในวันธรรมดา สักพักกลิ่นจางๆก็ลอยเข้ามา
หยุนชางกลั้นหายใจ และเสียงฝีเท้าที่ได้ยินในเมื่อครู่หายไปในทันใด ทุกอย่างก็เงียบผิดปกติ หยุนชางลุกขึ้นนั่ง ลุกจากเตียงและเดินเท้าเปล่าไปที่นอกฉากกั้น ไม่เห็นสิ่งใดในความมืด แต่หยุนชางก็ได้ยินเสียงหายใจที่แผ่วเบา
หยุนชางกำลังจะออกไป แต่กลับถูกจับมือไว้ หยุนชางตกใจ แต่ลมหายใจที่อยู่ข้างหลังนั้นค่อนข้างคุ้นเคย หยุนชางจึงผ่อนคลายลง ในความเงียบ ทันใดนั้นก็มีเสียงนกร้อง ครู่ต่อมา ด้านนอกค่ายก็สว่างขึ้น "มีนักฆ่า…" มีเสียงตกใจส่งมา มีการต่อสู้เกิดขึ้นข้างนอก กระโจมถูกเปิดออก และมีคนบุกเข้ามา วิ่งตรงไปด้านหลังของฉากกั้น ก่อนที่หยุนชางจะลงมือ ก็เห็นว่าคนข้างหลังนางพุ่งออกไปก่อนแล้ว
"นี่เจ้าไม่เป็นไร?" มีเสียงที่ตะลึงจากข้างนอก หยุนชางจำได้ว่า ตอนที่นางหลับรู้ว่าคืนนี้อาจมีคนมา นางจึงไม่ได้ถอดเสื้อผ้า เพียงแค่ถอดหน้ากาก นั่นคงเป็นเหตุผลที่จิ้งอ๋องไม่ให้ตัวเองลงมือในเมื่อครู่ หยุนชางรีบสวมหน้ากากเดินอ้อมออกไปนอกฉากกั้น นอกฉากกั้น คนที่ต่อสู้กับจิ้งอ๋องก็คือผู้ติดตามหัวจิ้งที่โรงเตี้ยมในวันนั้น
เมื่อผู้ติดตามเห็นหยุนชางออกมา ปลายดาบที่แหลมคมก็เปลี่ยนเป้าหมาย มุ่งไปที่หยุนชาง ดวงตาของหยุนชางเป็นประกาย หลบหลีกผ่านไป แล้วหยิบมีดสั้นที่ผูกไว้รอบข้อมือของนางออกมา แทงไปที่ผู้ติดตามคนนั้น แต่เพียงแค่เฉือนโดนเสื้อผ้าบนไหล่ของผู้ติดตาม
จิ้งอ๋องกระโจนเข้าทันที ชูดาบขึ้นแล้วทำให้ชายคนนั้นล้มลงไปที่พื้น จากนั้นดาบวางไว้บนคอของชายคนนั้น
"ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรไหมขอรับ?" ลั่วติงเดินเข้ามาจากด้านนอก เห็นสถานการณ์แล้วก็รู้ว่าไม่น่าเป็นห่วง ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างรวดเร็วว่า "เรียนท่านอ๋อง ทั้งหมดถูกปราบแล้วขอรับ"
จิ้งอ๋องพยักหน้า ปล่อยให้ลั่วติงก้าวเข้ามามัดผู้ติดตามนั้น และส่งตัวออกไป
ทันทีที่ในห้องนี้จบลง ก็มีคนรีบวิ่งเข้ามารายงานว่า "ท่านอ๋อง ผู้พิทักษ์บนภูเขายวี่ผิงบอกว่ามีเรื่องเร่งด่วนขอเข้าพบ และดูเหมือนว่าเขาจะพาคนบาดเจ็บมาด้วย"
ภูเขายวี่ผิง ภูเขาที่อยู่ถัดจากที่นี่ หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "อนุญาต"
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เห็นชายหนุ่มสวมชุดเกราะเดินเข้ามา "ข้าน้อย กำลังลาดตระเวนบนภูเขายวี่ผิงในคืนนี้ เหล่าทหารพบชายผู้ต้องสงสัยที่บาดเจ็บสาหัส พาไปที่ค่าย ปรากฏว่าเป็นราชบุตรเขยที่หายตัวไปหลายวัน ราชบุตรเขยได้รับบาดเจ็บ ไม่มีแพทย์ทหารในค่ายบนภูเขา ดังนั้น ข้าน้อยจึงรีบส่งราชบุตรเขยมาที่นี่ขอรับ"
จิ้งอ๋องได้ยิน จึงรีบบอกว่า "เร็วเข้า รีบพาราชบุตรเขยไปที่ค่ายของข้า แล้วตามแพทย์ทหาร"
หยุนชางจึงกล่าว "จ้าวฮูหยินตามหาราชบุตรเขยมานานแล้ว รีบไปรายงานให้จ้าวฮูหยินเถอะ ให้ท่านรู้สึกสบายใจและดีใจ"
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ทหารยกจ้าวอิงเจี๋ยเข้ามา จิ้งอ๋องให้คนยกจ้าวอิงเจี๋ยขึ้นบนเตียง หยุนชางก้าวเข้าไปดู ได้รับบาดเจ็บแค่ภายนอก ไม่ร้ายแรง ดังนั้นนางจึงโล่งใจ แพทย์ทหารก็มาอย่างเร่งรีบ ถือกล่องยาแล้วเดินไปที่เตียง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดว่า "แม่ทัพจ้าวสบายดี อาการบาดเจ็บทั้งหมดเป็นอาการบาดเจ็บภายนอก ดูเหมือนว่าจะเป็นการล้ม ไม่ได้ร้ายแรง"
ก่อนที่เสียงจะลดลง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าข้างนอก เสียงฝีเท้ายังมาไม่ถึง แต่เสียงนั้นได้ยินก่อนแล้ว "อิงเจี๋ยของข้าอยู่ที่ไหน"
หยุนชางเข้าไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว "จ้าวฮูหยิน ราชบุตรเขยไม่ได้เป็นอะไร มีเพียงบาดแผลภายนอกเท่านั้น"
ราวกับว่าจ้าวฮูหยินไม่ได้ยิน รีบไปที่เตียง ยกมือขึ้นและสัมผัสใบหน้าของ จ้าวอิงเจี๋ย เป็นเวลานานพอควรถึงกล่าวว่า "เป็นอิงเจี๋ยของข้า เป็นลูกของข้า"
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย มีความโล่งใจ
ทันใดนั้นเสียงของจิ้งอ๋องก็เข้ามาในหูของนาง "จางอิงพาคนออกจากค่ายในนามของการตรวจสอบนักฆ่า พาคนออกจากค่ายแล้ว พวกเขาออกไปกันแล้ว"
หยุนชางพยักหน้า
ในไม่ช้า จ้าวอิงเจี๋ยก็ฟื้นขึ้นมา เห็น จ้าวฮูหยินน้ำตาก็เอ่อท้น เรียกท่านแม่ออกมาคำหนึ่ง แม่ลูกทั้งสองกอดกันร้องไห้ขึ้นมา
มีรอยยิ้มที่มุมปากของหยุนชาง รู้สึกสบายใจเล็กน้อย แม้ว่าตนจะได้เกิดใหม่ในภพนี้ แม้ตนยังไม่ได้ล้างแค้น แต่อย่างน้อย ก็ช่วยจ้าวอิงเจี๋ยคนหนึ่งให้รอดมาได้ อย่างน้อย ในชีวิตนี้ ชะตากรรมของทุกคนก็ดูจะเปลี่ยนไป
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็สามารถปรับอารมณ์ได้ จากนั้นจิ้งอ๋องก็ยืนกลับมาที่เดิม และถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับจ้าวอิงเจี๋ย
จ้าวอิงเจี๋ยกล่าวว่า "ตอนที่อยู่ในเมืองหลิงกวนในวันนั้น ข้าน้อยและทหารหลายนายถูกกองทัพแคว้นเย้หลางปิดล้อม เมืองหลิงกวนเป็นเมืองที่ร้าง เราเล่นซ่อนหากับแคว้นเย้หลาง สองสามวัน แต่เราไม่ได้กินอะไรเลย มีความเหนื่อยล้าบ้าง แล้วถูกกองทัพแคว้นเย้หลางที่จู่ๆโผล่มาจับตัว พอฟื้นขึ้นมาพบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในห้องมืด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก กระทั่งวันนี้ ยามที่เฝ้าข้าน้อยจู่ๆก็พูดขึ้นว่า จะแอบพาข้าไปที่ค่ายแคว้นเย้หลาง ข้าน้อยฉวยโอกาส หนีมา เพียงแค่ว่าพิษความชื้นบนภูเขาที่หนักหน่วง แม้ว่าข้าจะกำจัดกองทัพแคว้นเย้หลางได้ แต่ข้าก็หลงทาง และตกจากภูเขา จากนั้นก็เป็นลมหมดสติไป"
จิ้งอ๋องพยักหน้าแล้วพูดว่า "ผู้พิทักษ์ภูเขายวี่ผิงพบเจ้า มีคนจำเจ้าได้ ก็เลยส่งเจ้ามาที่นี่ จ้าวฮูหยินรู้ว่าเจ้าหายตัวไป ก็จากเมืองหลวงมาถึงชายแดนนี่เพื่อตามหาเจ้า พวกเจ้าแม่ลูกคงมีเรื่องที่จะพูดด้วยกันมากมาย คืนนี้ก็เจ้าพักที่นี่เถอะ พูดคุยกับแม่ของเจ้าซะ" จิ้งอ๋องพาหยุนชางออกจากค่ายหลังจากเขาพูดจบ
มีชั้นหิมะหนาทึบสะสมอยู่ข้างนอก หยุนชางเดินบนหิมะ จนเกิดเสียงของการเหยียบหิมะดังขึ้น
"ข้าตรวจสอบแล้ว เป็นกองทัพแคว้นเย้หลางที่ปิดล้อมจ้าวอิงเจี๋ยในวันนั้น เจ้ารู้ได้อย่างไรว่า จ้าวอิงเจี๋ยจะอยู่ในเมืองหลิงกวนและถูกล้อมโดยกองทหารแคว้นเย้หลาง และยังไปช่วยชีวิตเขาได้จังหวะพอดี" จิ้งอ๋องมองลงไปที่ ที่ศีรษะของหยุนชาง ถามด้วยเสียงเบา
หยุนชางยิ้ม เป็นธรรมดาที่นางไม่สามารถบอกได้ว่าตนมาเกิดใหม่ แล้วจึงรู้ จึงได้แต่ยิ้มแล้วพูดว่า "ท่านก็รู้ว่า หม่อมฉันเป็นศัตรูกับหัวจิ้ง แน่นอนว่าหม่อมฉันจะเฝ้าดูผู้คนรอบๆของตัวนางอย่างระมัดระวัง หม่อมฉันจะปล่อยโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปได้อย่างไรเพคะ"
ยุ่งมาทั้งคืน ท้องฟ้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว หยุนชางมองที่พื้นสีขาว ยิ้มแล้วพูดว่า "หม่อมฉันคิดว่า พรุ่งนี้จะกลับเมืองหลวง ครั้งนี้หม่อมฉันออกมาโดยใช้ข้ออ้างของการไปที่วิหารแคว้นหนิง ในเมื่อหัวจิ้งได้หนีไปแล้ว และสิ่งที่น่าตื่นเต้นรอหม่อมฉันอยู่ที่เมืองหลวง หม่อมฉันควรจะรีบกลับไปเพคะ"
จิ้งอ๋องผงะเล็กน้อย สักพัก พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ดี กลับไปเถอะ"
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพูดอีกครั้งว่า "มีหมออัจฉริยะในหมู่แพทย์ทหาร แม้ว่าเขาจะไม่เก่งเท่าหมอเทวดาเสวี่ยเหยียนก็ตาม แต่เขาก็เก่งกว่าหมอทั่วไป"
หยุนชางงุนงง ไม่รู้ว่าทำไมจิ้งอ๋องถึงพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
จิ้งอ๋องหันศีรษะและมองไปที่หยุนชาง "จางอิงกลัวว่าถ้าหัวจิ้งซ่อนตัวข้างเขาจะสะดุดตาเกินไป ดังนั้นจึงจัดนางให้เป็นหน่วยลาดตระเวนนอกค่ายแพทย์ทหาร แพทย์อัจฉริยะเห็นหัวจิงครั้งหนึ่ง ก็ดูออกว่าเป็นผู้หญิง และยังบอกกับข้าอย่างหนึ่งว่า หัวจิ้งมีแนวโน้มว่าจะตั้งครรภ์"
ตั้งครรภ์? ความเยือกเย็นเปล่งออกมาจากดวงตาของหยุนชาง ในหัวของนางมีเหตุการณ์ที่ลูกของนางเสียชีวิตซ้ำไปซ้ำมา และรอยยิ้มกระหายเลือดก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง "ฮ่าฮ่าฮ่า เดิมทีหม่อมฉันยังคิดว่าจะมีโอกาสจัดการนางระหว่างทางไหม ตอนนี้ดูเหมือนว่าคงต้องเก็บนางถึงเมืองหลวงแล้วล่ะ" หัวจิ้งเอ้ยหัวจิ้ง ครั้งนี้ นางหนิงหยุนชาง ต้องให้นางชดใช้หนี้ด้วยเลือดของนาง!