ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง - ตอนที่ 113 หยุนชางกลับวัง
เสียงกลองภาคเช้าดังขึ้น จิ้งอ๋องกลับมาที่ค่าย สวมชุดเกราะ จากนั้นเดินมุ่งไปทางสนามฝึก
ลั่วติงวิ่งไปและถามหยุนชางว่า " คุณชาย ทหารหลายนายถามว่ากลุ่มผู้ถูกจับเมื่อวานเป็นใคร ข้าน้อยบอกพวกเขาได้หรือไม่"
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย "เจ้าก็แค่บอกว่า คือคนที่ขโมยแผนยุทธศาสตร์ และบอกว่าแผนยุทธศาสตร์ได้คืนมาแล้วก็พอ" จากนั้นก็หันหลังเข้าไปในกระโจม จ้าวอิงเจี๋ยและจ้าวฮูหยินไม่ได้อยู่ในค่ายแล้ว ตอนที่หยุนชางมาไม่ได้เอาอะไรมา ก็ไม่มีสัมภาระอะไรให้เก็บ หันหลังมองไปที่กระโจม จากนั้นเดินไปที่โต๊ะหยิบพู่กันแล้วเขียนอะไรบางอย่าง และออกจากค่าย
"ไปจุงม้าของข้ามาเถอะ" หยุนชางพูดกับลั่วติง
ลั่วติงพยักหน้า "คุณชายจะออกจากค่ายหรือขอรับ ข้าน้อยจะไปจูงม้ามาให้ท่านเดี๋ยวนี้"
หลังจากนั้นไม่นาน ลั่วติงก็จูงม้ามาทางหยุนชาง หยุนชางยิ้มให้ลั่วติงและหันหลังขึ้นม้า "บอกท่านอ๋องของเจ้าด้วยว่า ข้าไปก่อน" หลังจากพูด ก็ยกแส้ขึ้น และฟาดลงมาอย่างแรง ได้ยินเสียงม้าร้อง หยุนชางก็ขี่ม้าจากไปไกลแล้ว
ลั่วติงขมวดคิ้ว "ไม่ใช่แค่ออกนอกค่ายหรือ ยังต้องแจ้งท่านอ๋อง?"
พอจิ้งอ๋องกลับจากฝึกภาคเช้า แม้ว่า ลั่วติงจะสับสนเล็กน้อย แต่ก็พูดตามจริงว่า "ท่านอ๋อง คุณชายเซียวให้ข้าน้อยบอกท่านว่า เขาไปแล้ว…"
ทันทีที่พูดจบ ก็เห็นดวงตาของจิ้งอ๋องเปลี่ยนไป สีหน้าของเขาซีดลง ไม่คำนึงจะเปลี่ยนชุดเกราะลง ก็หันหลังไปจับม้าตัวหนึ่ง ขี่ไปทางประตูค่าย แต่ก็ช้าไปแล้ว ต่อให้ใช้ความเร็วสุดในการไล่ตาม ก็ได้เห็นเพียงร่างของหยุนชางและผู้ติดตามที่จากไปบนภูเขาหลังเมืองทางทิศตะวันตก จิ้งอ๋อง กัดฟัน กลับเห็นว่าคนที่อยู่ไกลๆ ดูเหมือนจะหันศีรษะแล้วมองไปทางเนินเขาที่เขายืนอยู่
รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของจิ้งอ๋อง หนิงหยุนชาง นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะปล่อยเจ้าไปจากข้า
แววตาของจิ้งอ๋องลึกลง จนกระทั่งร่างที่อยู่ห่างไกลหายไป จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ขี่กลับไปยังที่ค่าย
………
"ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้ทรงมีพระบัญชา ในวันเหมายัน สวรรค์จะมีนิมิต องค์หญิงฮุ้ยกั๋วเสด็จไปที่วิหารแคว้นหนิง เพื่ออธิษฐานขอพรเป็นการพิเศษ อันเชิญสมบัติของวิหารแคว้นหนิงหอยสังข์ขาวกลับมา เพื่อปราบปรามวิญญาณชั่วร้าย ฮ่องเต้ซึ้งพระทัย ประทานผ้าทอหยุนจินสิบผืน ไข่มุกทะเลใต้สามเม็ด และคทาหยูอี่หนึ่งคู่…" เสียงที่เล็กแหลมของกงกงดังขึ้น หยุนชางคุกเข่าอยู่ด้านล่าง หมอบลงคำนับสามครั้ง รับพระราชโองการด้วยความเคารพ กล่าวว่า "ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี"
ฉินยี่พยุงหยุนชางลุกขึ้น หยุนชางยิ้ม ยัดลูกปัดทองคำไว้ในมือกงกงแล้วกล่าวว่า "ลำบากกงกงแล้ว"
แสงวาบในดวงตาของกงกงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ไม่ลำบาก ไม่ลำบาก ยินดีกับองค์หญิงด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงโปรดหอยสังข์ขาวมาก และยังตรัสอีกว่าจะจัดพิธีถวาย"
หยุนชางยิ้ม "วัตถุมงคลของพระพุทธเจ้า สมควรได้รับการดูแลรักษา"
พอส่งกงกงจากไป หยุนชางยื่นพระราชโองให้กับฉินยี กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "ออกจากชายแดนมายังวังที่ไร้ชีวิตชีวานี้ ทำให้รู้สึกไม่คุ้นชินเท่าไรนัก ฉินยีมาบอกข้าทีว่า พักนี้ในวังมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง?"
ฉินยียิ้ม รับชานางกำนัลมา แล้ววางลงบนโต๊ะข้างมือของหยุนชาง "ไม่มีอะไรเป็นพิเศษเพคะ ฮองเฮายังคงรักษาพระวรกาย แม้ว่าผู้คุ้มกันได้ถอนตัวออกไปแล้ว แต่ว่าประตูของพระราชวังชีอู๋ไม่ค่อยจะเปิดเท่าไรนัก ก่อนหน้านี้มีนางสนมไปเคาะประตู หลังจากปิดประตูไม่รับแขกไปหลายครั้งก็ไม่มีใครไปที่นั่นอีกเพคะ แต่ตอนนี้ เหล่านางสนมก็ไม่ว่างนัก กำลังยุ่งเพื่อเอาใจหมิงไท่เฟย นอกจากนี้ ท่านเสนาบดีหลี่ได้ถวายกุ้ยเหรินเข้ามาในวังเมื่อไม่กี่วันก่อน และตอนนี้เป็นที่โปรดปรานเพคะ"
"โอ๋?" หยุนชางผงะ หันศีรษะมองไปที่ฉินยี "ท่านเสนาบดีหลี่ถวายหรือ มีนามว่าอะไร"
ฉินยียิ้มและกล่าวว่า "ดูเหมือนว่าจะมีนามว่าหลี่ฝูยี ได้ยินมาว่าเป็นบุตรสาวของนางสนมท่านเสนาบดีหลี่…"
"เป็นหญิงที่ดูแล้วเปราะบางอ่อนแอมาก แค่ลมพัดมาก็สามารถพัดจนล้มได้ ชอบใส่ชุดขาว และมีไฝที่ใต้ตาใช่หรือไม่" หยุนชางเงยหน้าขึ้นแล้วพูด
ฉินยีได้ยินก็ตะลึงชั่วขณะ ยิ้มและพูดว่า "องค์หญิงรู้ได้อย่างไรเพคะ"
หยุนชางเอื้อมมือไปหยิบถ้วยน้ำชา นางจะไม่รู้ได้อย่างไร ภพที่แล้วหญิงงามผู้นี้ก็เข้าวังแล้ว แต่ดูเหมือนช้ากว่าตอนนี้เล็กน้อย ฮองเฮาทรงเป็นผู้พาเข้าวังด้วยพระองค์เอง โดยบอกว่าเข้าวังมาเพื่อสนทนาพูดคุยกับฮองเฮา ถูกส่งเข้าวังในนามของนางกำนัล แต่ภายในไม่กี่วัน นางก็เป็นที่โปรดปรานของเสด็จพ่อ ได้รับแต่งตั้งเป็นเหม่ยเหริน ต่อมาด้วยความช่วยเหลือจากฮองเฮา จึงก้าวสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่เกินหนึ่งปี ก็ได้ขึ้นตำแหน่งเป็นกุ้ยผิง
หยุนชางยิ้มอย่างเย็นชา หลี่ฝูยีที่มีชื่อที่ฟังดูอ่อนโยนอย่างมาก แต่นางเป็นหญิงงามที่มีพิษร้าย มีจิตใจที่ลึกล้ำกว่าหลี่อี้หรานฮองเฮา ในภพก่อนหลีฝูยีแตกหักกับฮองเฮา เพราะหลี่ฝูยียืมมือของฮองเอามาทำร้ายเหล่าสนมที่มาขวางทางนาง ต่อมา นางยังมีความคิดโจมตีหลี่อี้หราน ภพที่แล้วตนซื่อสัตย์ภักดีต่อฮองเฮามาก เรียกร้องความยุติธรรมให้ฮองเฮาหลายครั้งหลายครา และมักทำให้หลี่ฝูยีรู้สึกลำบากใจ มีร่องรอยของความเย้ยหยันในดวงตาของหยุนชาง ได้ยินมาว่าตอนที่หลี่ฝูยีอยู่ในจวนของเสนาบดี เหตุเพราะนางเป็นบุตรสาวของนางสนม นางจึงมักถูกหลี่อี้หรานและพี่ชายรังแก แต่หลี่ฝูยีซ่อนและเก็บไว้อย่างเงียบ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ป้องกัน
"องค์หญิงทรงคิดอะไรอยู่เพคะ?" ฉินยีไม่ได้ยินคำตอบของหยุนชางเป็นเวลานานถามขึ้นทันที
หยุนชางยิ้มและพูดว่า "ข้าเคยได้ยินฮองเฮาพูดถึงนาง ผู้หญิงคนนี้ อย่าให้นางเข้าใกล้เสด็จแม่"
ฉินยีพยักหน้า ยังไม่ทันที่จะตอบรับ ก็ได้ยินเสียงของนางกำนัลที่อยู่ด้านนอกส่งมา "องค์หญิง หลี่ฝูยีมาขอเข้าเฝ้าเพคะ"
หยุนชางจิบชา "มาเร็วเสียจริง ข้าเพิ่งเข้าวังได้ไม่ถึงสองชั่วยามนะ"
"องค์หญิง หรือให้หม่อมฉันไปแจ้งนางโดยบอกว่า องค์หญิงเดินทางมาทรงเหน็ดเหนื่อย รู้สึกไม่สบาย กำลังพักผ่อนดีไหมเพคะ" เฉี่ยนอินกล่าวอย่างรวดเร็ว
หยุนชางไอเล็กน้อย "ส่งกระจกมาให้ข้า"
ฉินยียื่นกระจกให้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าในกระจกดูนุ่มนวล แต่ก็ดูไม่คุ้นเคยเล็กน้อย ด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างขาวซีด ซึ่งเป็นการแต่งหน้าตามปกติของหยุนชาง หยุนชางยิ้ม "ก็ดีอยู่ แม้ว่าข้าจะเหนื่อยและไม่สบาย แต่ข้าก็ยังต้องพยุงร่างกายที่ไม่สบายนี้ เพื่อพบคนโปรดคนใหม่ของเสด็จพ่อ"
หยุนชางยืนขึ้น เดินไปฟูกนุ่ม ฉินยีรีบหยิบผ้าห่มมาห่มให้หยุนชาง แล้วออกไป ไม่นานประตูก็เปิดออก ดูเหมือนรู้สึกว่า
มีลมหนาวพัดเข้ามา หยุนชางยกมือขึ้นปิดหน้าและไอหลายที เฉี่ยนอิงยื่นถ้วยน้ำชาอย่างรวดเร็ว ช่วยหยุนชางลูบหลัง พูดอย่าเบาๆว่า "องค์หญิง พี่ฉินยีกล่าวช่วงก่อนองค์หญิงไม่ได้อยู่ในวังและไม่รู้ว่าท่านจะเสด็จกลับวังเมื่อไร จึงไม่ได้เตรียมผลไม้เชื่อมรอ ประเดี๋ยวถ้ายามาแล้ว หม่อมฉันไปหาน้ำผึ้งดอกหอมหมื่นลี้มาให้ดีไหมเพคะ?"
หยุนชางพยักหน้า "น้ำผึ้งดอกหอมหมื่นลี้ก็ได้ ยามันขมเกินไป"
ทันทีที่เสียงลดลงก็ได้ยินเสียงที่ขี้อาย "หม่อมฉันถวายพระพรองค์หญิง ขอองค์หญิงทรงมีพลานามัยที่แข็งแรง"
หยุนชางเงยศีรษะขึ้น แรกที่สบตาคือตาสุกสกาวเป็นประกาย ดวงตาที่เปื้อนน้ำตาของหลี่ฝูยี คิ้วขมวดทั้งสองข้าง และชุดขาวที่รัดเอวของนางราวกับต้นหลิว เปราะบางมาก
หยุนชางไม่ได้ให้นางลุกขึ้น แต่หันไปมองเฉี่ยนอินและกล่าวว่า "มีใครเป็นอะไรในวัง ทำไมหญิงงามผู้นี้ถึงแต่งตัวเช่นนี้? เมื่อครู่เสด็จพ่อไม่ได้แจ้งข้าอะไรนี่นา" หลังจากพูดก็ไอออกมาสองครั้ง น้ำเสียงเริ่มกระวนกระวายเล็กน้อย "ไปถามเร็ว ว่าใครเป็นอะไรไป…"