ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5546 กลับไปตลาดของโบราณใหม่ (2)
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5546 กลับไปตลาดของโบราณใหม่ (2)
ในธุรกิจของโบราณของเมืองจินหลิง จนถึงตอนนี้ยังรักษากฎการทำกิจการที่ว่าทำงานเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น พักผ่อนเมื่อพระอาทิตย์ตก ตามที่คนวงในพูดเวลาที่ฟ้ามืด ไม่สามารถซื้อขายของโบราณได้ เพราะอย่างแรกกลัวว่าฟ้ามืดจะถูกตบตา อย่างที่สองฟ้ามืดจะเคราะห์ร้าย
ดังนั้น พ่อค้าและเจ้าของแผงลอยในตลาดของโบราณ โดยทั่วไปก็จะเริ่มกิจการตอนที่ฟ้าสว่างแล้ว ก่อนที่ฟ้าจะมืดก็เก็บแผงลอยปิดร้าน
วันนี้เป็นวันเสาร์พอดี ดังนั้นตอนที่จางเอ้อเหมามาถึงตลาดของโบราณ ก็คึกคักพอ ๆ กับตลาดผักในช่วงเช้าตรู่
จางเอ้อเหมาถือว่าเป็นคนเก่าแก่ของตลาดของโบราณแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตามหงห้า เขาก็จากที่นี่ไปก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ดังนั้นในตอนที่เขาโผล่มากะทันหัน คนจำนวนไม่น้อยก็รู้ว่าเขามา กล่าวทักทายอย่างกระตือรือร้น : “พี่เอ้อเหมาวันนี้ทำไมถึงมีเวลามาที่นี่ล่ะ ?”
“นั่นสิพี่เอ้อเหมา ตอนนี้เฮียคงจะเป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจจากท่านหงห้า ทำไมยังมีเวลามาดูพวกเราเหล่าพี่น้องที่ยากจนล่ะ ?”
จางเอ้อเหมาคิดกับตัวเองว่า : “ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันโดนต้มตุ๋นฉกของที่ตลาดของโบราณ พวกนายไม่มีสักคนที่จะดูดำดูดีฉัน ไม่ว่าใครก็โห่ใส่ฉัน พูดถึงจางเอ้อเหมาไม่ขาดปากตลอดทั้งวัน ? ตอนนี้ฉันอยู่กับท่านหงห้า พวกนายแต่ละคนก็เริ่มเรียกฉันพี่เอ้อเหมาแล้ว ?”
พอคิดถึงตรงนี้ จางเอ้อเหมาก็ยิ้มเยาะ พูดกับคนทั้งหมดที่มารุมล้อม : “พูดตามตรง ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่กับท่านหงห้าแล้ว”
“อะไรนะ ?” ผู้ชายที่เมื่อกี้เรียกเขาว่าพี่เอ้อเหมาอย่างกระตือรือร้น รีบเอ่ยถามทันที : “จางเอ้อเหมา นายอยู่กับท่านหงห้าอยู่ดี ๆ ทำไมจู่ ๆ ไม่อยู่ก็บอกไม่อยู่อย่างนี้ล่ะ ?”
“ใช่” ผู้ชายอีกคนหนึ่งเอ่ยขึ้น : “ฉันว่านะจางเอ้อเหมา นายอยู่กับท่านหงห้ากินอยู่สุขสบาย ไม่ดีกว่าซื้อเข้าขายออกของพวกนี้ที่ตลาดของโบราณเหรอ ?”
ผู้หญิงคนหนึ่งที่ขายเหรียญทองแดงปลอมยิ้มกล่าว : “จางเอ้อเหมา นายคงไม่ได้ทำผิดอะไรมาใช่ไหม ถูกท่านหงห้าไล่ออกมาเหรอ ?”
จางเอ้อเหมาโบกมือไปมา พูดออกมาทันที : “เรื่องพวกนั้นอย่าไปพูดถึงเลย ตอนนี้ฉันคิดว่าจะกลับมาตั้งร้านของฉันใหม่”
ระหว่างพูด เขาก็มองไปยังผู้ชายคนแรกที่ทักทายเขา เอ่ยปากกล่าว : “จ้าวเหล่าซื่อ หลังจากรู้ว่าฉันไปแล้ว แผงขายของเดิมของฉันก็ให้นายยืมใช้เปล่า ๆ ตอนนี้นายเห็นฉันกลับมาแล้ว นายก็คงคืนที่ตรงนั้นให้ฉันใช่ไหม”
ผู้ชายจ้าวเหล่าซื่อคนนั้นที่ถูกเรียก รีบโบกมือกล่าว : “เฮ้ยอย่า ๆ ๆ จางเอ้อเหมา ตอนแรกที่นายไปนายก็บอกไว้แล้วนี่ ว่าตลาดของโบราณนี้นายจะไม่กลับมาอีก ที่ตั้งแผงนั้นเลยให้ฉันใช้ ลูกผู้ชายอกสามศอก พูดแล้วไม่คืนคำ นายจะพูดแล้วกลับคำไม่ได้นะ”
จางเอ้อเหมายิ้มเยาะกล่าว : “ไอ้สี่ นายคิดว่าฉันเป็นเสือร่วงสู่พื้นที่ราบ[ เสือร่วงสู่พื้นที่ราบ หมายถึง เสือที่ออกจากป่าแล้วสูญเสียความได้เปรียบไป ]ใช่ไหม ? ฉันน่าจะลองบอกนายดู ฉันออกมาจากท่านหงห้า ไม่ใช่ว่าท่านหงห้าไล่ฉันออกมา แต่ฉันจางเอ้อเหมาอยากจะออกมาเอง”
“นายนี่มันขี้โม้” จ้าวเหล่าซื่อแบะปากกล่าว : “พวกเราสองคนรู้จักกันมานานหลายปีขนาดนี้ ฉันจะไม่รู้นายเหรอ ? ตอนที่นายเก็บข้าวของไปจากแผงขายของแล้วไปกับท่านหงห้า ไม่รู้ว่าตื่นเต้น ดีใจขนาดไหน ตอนนี้นายบอกว่านายออกมาจากท่านหงห้าเอง ทำไมฉันจะไม่เชื่อล่ะ ?”
จางเอ้อเหมายิ้มกล่าว : “จะบอกความจริงกับนายละกันจ้าวเหล่าซื่อ พวกพ้องที่ดีของฉันซื้อขายของโบราณจนเจริญแล้ว ตอนนี้กลายเป็นนักธุรกิจฮ่องกงที่มีชื่อเสียง ตอนนี้เขาให้ฉันร่วมมือกับเขาซื้อขายของโบราณ สิ่งที่ฉันกำลังพูดถึงไม่ใช่ธุรกิจเล็กๆ แบบที่เราเคยทำแต่การขายของเก่าให้กับเถ้าแก่ในเกาะฮ่องกงที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้าน บางทีพวกเขาอาจทำเงินได้หลายสิบล้านในการสั่งซื้อครั้งเดียว ทำเป้าหมายเล็ก ๆ กับเขาสองปีฉันก็จะเกษียณแล้ว นี่ไม่ดีกว่าสู้รบตบมือกับท่านหงห้าเหรอ ?”
สองสามคนที่ได้ฟังแบบนี้ ก็เบิกตาโตทันที
จ้าวเหล่าซื่อกับคนอื่น ๆ มองตากันไปมา ก้าวไปข้างหน้ายิ้มเข้าสู้พูด : “พี่เอ้อเหมา พูดให้ชัด ๆ ก็คือเฮียหาช่องทางหาเงินใหม่ได้แล้ว เลยดูถูกการทำงานกับท่านหงห้าสินะ !”
“เอ้ย ๆ ๆ !” จางเอ้อเหมายกมือข้างหนึ่งขึ้นอย่างสุภาพ หันฝ่ามือไปหาทุกคน กล่าวอย่างเคร่งขรึม : “มันไม่ใช่ว่าฉันจางเอ้อเหมาดูถูกท่านหงห้า โบราณว่าไว้ นกที่ดีจะรู้จักเลือกกิ่งไม้พำนักนอน ก็บอกได้แค่ว่าต้นไม้ใหญ่ของท่านหงห้า ไม่เหมาะกับการพัฒนาของฉันจางเอ้อเหมา ถึงยังไงฉันก็คลุกคลีกับของโบราณมาหลายปีขนาดนี้ ทางนี้ก็คงจะเป็นทางที่ทุกอย่างราบรื่นที่สุด”
ผู้ชายอีกคนก้าวไปข้างหน้าใช้แขนกระทุ้งเบา ๆ กับจางเอ้อเหมา ยิ้มแป้นกล่าว : “พี่เอ้อเหมา ในเมื่อเฮียมีช่องทางการหาเงินแบบนี้ เอาพี่น้องแบบฉันไปด้วยไม่ได้เหรอ ? เฮียดูสิฉันอยู่ในตลาดของโบราณไปวัน ๆ มานานหลายปีแล้ว จับปลาตัวใหญ่ไม่ได้สักตัว ทั้งปียังออกรถซีดานขนาดกลางของฟ็อลคส์วาเกินไม่ได้เลย เฮียมีลู่ทางหาเงินดี ๆ ก็แบ่งปันให้พี่น้องบ้าง ดีไหม ?”
ระหว่างพูด เขาก็หยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ หยิบออกมาหนึ่งซองแล้วยื่นให้จางเอ้อเหมา พูดอย่างมีไมตรีจิต : “มา ๆ ๆ พี่เอ้อเหมาสูบสักมวน !”
จางเอ้อเหมารับบุหรี่มา คาบไว้ในปากหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกล่าว : “เสี่ยวเถิง ถ้านายอยากจะหาเงินกับฉันจริง ๆ ฉันเองก็ไม่ใช่ว่าจะพิจารณาไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่านายจะขยันขันแข็งแล้วก็ยอมทำรึเปล่า”