“กะ- กลับมาแล้วครับ!!”
ผมค่อย ๆ เปิดประตูและแอบย่องเข้าไปในบ้าน แต่วินาทีนั้นเอง…
“มูวว! กลับมาช้าจังนะ โอเนนน่-ซัง!”
“หวาาาา!”
และ…ทัพพีได้พุงมาติดแก้มผมทันที อีกด้านของทัพพี มีเด็กสาวยืนทำหน้ามุ่ยใส่ผม
“ขอโทษ! ฮานะ พี่มัวแต่พิชิตดันเจี้ยน”
“…เฮ้อออ เอาเถอะ แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ งั้นหนูจะไปอุ่นข้าวเย็น เพราะงั้นไปล้างมือด้วย”
“โอเคคค ~”
อามาเนะ ฮานะ น้องสาวที่ห่างจากผม 2 ปี เดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น ผมรีบตามเธอไปหลังล้างมือเสร็จ เมื่อเห็นอาหารที่วางบนโต๊ะ ผมลงมือกินมันทันที
“อิทาดากิมัส!
“ฮ่าา~ อร่อยมากกก อาหารของฮานะอร่อยทีสุดในโลก!”
“…จู่ ๆ เป็นอะไรน่ะ? ไม่สมเป็นเน่-ซังเลย”
“หืมมม!”
แทงใจดำเลยนะนั่นน่ะ!
“หรือว่ามีเรื่องดี ๆ หรือไง?”
“แปลกตรงไหนกัน?”
“เพราะโอเน่-ซังพูดอะไรแปลก ๆ มันเลยน่าสงสัย ไหนยังจะกลับมาช้าอีก”
“นั่นสิน้าา…มีเรื่องดี ๆ นิดหน่อยน่ะ”
มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างบ้าบอ
“คงไม่พ้นเรื่องดันเจี้ยนใช่ไหมล่ะ?”
“ช่ายยย~ รู้สึกคุ้มค่าสุด ๆ ที่ยังเป็นนักผจญภัยจนถึงตอนนี้”
“เข้าใจแล้ว อย่างงั้นก็ดีแล้ว”
ฮานะดูโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด ถึงอย่างนั้นเธอน่าจะรู้สึกผิดอยู่ดี
ทั้งหมดนั่น มันเป็นเพราะพ่อแม่ของเราได้หายตัวไปหลังจากประสบอุบัติเหตุขณะไปเที่ยวต่างประเทศเมื่อปีก่อน ตอนนี้เราใช้เงินที่พวกเขาเหลือไว้ให้ แต่มันไม่ได้มากพอที่จะใช้อย่างสิ้นเปลืองได้หรอกนะ อย่างเช่น มันไม่ทางพอแน่นอน หากทั้งผมและฮานะต้องเข้าเรียนมหาลัย
ยังไงก็ตาม ผมคงไม่พูดมันออกไปแน่นอน แต่ในมุมมองของฮานะ การที่ผมเริ่มเป็นนักผจญภัยเพื่อหาเงิน ทันทีหลังจากเรียนจบ นั่นก็เพื่อให้นักเรียนดีเด่นอย่างเธอ ได้เข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย
ไม่ว่าจะอธิบายกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ฮานะก็มักจะเอาแต่ขอโทษ ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ฟังที่ผมพูดเท่าไร เห็นอย่างนั้น ผมก็ถอดใจที่จะอธิบายมัน มันคงจะดีกว่าสำหรับเธอ ถ้าไม่พูดถึงเรื่องนี้
แม้ว่าความจริงแล้ว ผมเลือกเป็นนักผจญภัยด้วยความต้องการของตัวเอง และไม่ใช่เพื่อเหตุผลแบบนั้น แต่ถึงจะอธิบายไปเท่าไรก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ เธอไม่เชื่อผมอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น ผมควรเลิกที่จะทำมัน
ให้ตายเถอะ ก็ผมไม่ผิดนี่!
“อืมมมมม ถ้าให้หนูเดา… หรือว่าพี่แข็งแกร่งพอที่จะท้าทายดันเจี้ยนระดับ C แล้วหรอ? คิคิ”
เธอหัวเราะอย่างซุกซน เธอคงตั้งใจจะแหย่ผมเท่านั้น เพราะว่าเธอรู้ดีว่าเลเวลของผมอยู่แค่ประมาณ 100 เท่านั้น
ตั้งแต่ดันเจี้ยนระดับ C ขึ้นไป ความยากของพวกมันสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่ง โดยทั่วไป การพิชิตดันเจี้ยนของโซโล่ อย่างน้อยก็ต้องมีเลเวล 15 สำหรับดันเจี้ยนระดับ E หรือเลเวล 30 สำหรับดันเจี้ยนระดับ D ขณะที่ดันเจี้ยนระดับ C ต้องมีเลเวลอย่างน้อย 300
ถึงจะพยายามพิชิตในแบบปาร์ตี้ หนึ่งคนต้องมีเลเวลอย่างน้อย 250 หากสามารถไปถึงจุดนั้นได้ โดยทั่วไป คงจะถูกยอมรับความสามารถโดยอัตโนมัติ
ขณะที่ผมต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งปีเพื่อมาถึงจุดนี้ ไม่แปลกที่ฮานะจะแหย่ผม แต่…
ถ้าเป็นตอนนี้ผมสามารถเพิ่มเลเวลได้เร็วกว่าเดิมแน่ ต้องขอบคุณ [การเคลื่อนย้ายภายในดันเจี้ยน] ด้วยสิ่งนี้ ผมสามารถไปถึงมันได้โดยใช้เวลาถึงเดือนด้วยซ้ำ
“ฟังแล้วอย่าอ้าปากค้างล่ะ! จริง ๆ แล้ว…”
ผมรีบหุบปาก สัญชาติญาณมันฟ้องว่า ผมไม่ควรพูดมันออกไป
ถ้าคิดดูดี ๆ แล้ว ความสามารถใหม่ของผมมันเป็นความฝันของนักผจญภัยทุกคน นั่นคือคือการสามารถท้าท้ายดันเจี้ยนอย่างไม่สิ้นสุด
พวกนั้นคงคิดว่าไม่แฟร์เท่าไรที่ผมสามารถเพิ่มเลเวลอย่างไร้กังวล ไม่แน่ว่า ผมอาจจะกลายเป็นเหยื่อของความอิจฉาและถูกเกลียดในที่สุด
แม้ฮานะจะไม่ใช่คนปากโป้ง แต่ผมไม่สามารถการันตีได้ว่ามันจะไม่รั่วออกไป ดังนั้นควรจะมีแค่ผมที่รู้เกี่ยวกับมัน
“เป็นอะไรไป โอเน่-ชัง? ทำไมถึงช็อตไปดื้อ ๆ”
“มะ-ไม่มีอะไร แย่หน่อยนะ คงต้องรออีกซักพักเพื่อที่จะท้าทายดันเจี้ยนระดับ C”
“อืมม หนูเข้าใจแล้ว”
“งะ – งั้น หยุพูดถึงมันกันเถอะนะ”
“ช่วยไม่ได้นี่นา หนูได้ยินจากป้าบ้านข้าง ๆ ว่าลูกของอาซากุระ-ซัง ที่เมืองข้าง ๆ สามารถท้าทายดันเจี้ยนระดับ B ด้วยอายุเท่ากับโอเน่-ซัง หนูเลยคิดว่าโอเน่-ซังอาจจะทำได้เหมือนกัน แต่หนูต้องการจะแกล้งพี่เท่านั้นเอง”
อาซากุระคือใคร? และทั้งหมดนั่นก็เพราะแกล้งฉันหรอ
“อ๊ะ ถ้ามัวแต่พูด เดี๋ยวข้าวจะเย็นเอานะ เพราะ! ฉะ! นั้น! รีบกินซะ!”
“คะ – ครับบ!”
จากนั้น ผมก็ได้ดื่มด่ำกับเวลาของครอบครัวกันฮานะจนจบมื้อเย็น
MANGA DISCUSSION