Top Up Now 2 ภาคบุรุษหมื่นเหรียญ - ตอนที่ 17 นิรันดร์กาลนคร
ค่ำคืนนั้นเหนือภพเรียกแท็บแล็ตออกมาจากตราฮันเตอร์ที่ข้อมือ แล้วก็นั่งดูรายการสินค้าตามปกติ
“เฮอะ มีแต่ของไร้ประโยชน์”
ยังไม่ทันที่เหนือภพจะได้ซื้ออะไร ก็มีนกวิญญาณปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน เขาแบมือคว้าตัวนกวิญญาณที่ค่อย ๆ แปรสภาพเป็นสาส์นฉบับหนึ่ง มันเป็นสาส์นที่เขียนในเนื้อกระดาษที่ดูดีเป็นพิเศษ
———————————————-
ผู้ส่ง – องค์หญิงบุษย์น้ำเพชร
ที่อยู่ผู้จัดส่ง – ห้องรับรองของพระราชวังแห่งนิรันดร์กาลนคร
ผู้รับ – เหนือภพ
ที่อยู่ผู้รับ – โรงเตี๊ยมสำราญใจ เมืองโกงกาง
หากแค่แผนที่ที่ข้าให้เจ้ายังรักษาไว้ไม่ได้ แล้วเจ้ายังจะมีหน้ามาติดต่อขอความช่วยเหลือจากข้าอีกหรือ ข้าต้องการผู้ช่วยที่มีฝีมือและไว้ใจได้ แต่ข้าคงคิดผิดไป เจ้าไม่ใช่คนคนนั้น
อย่าติดต่อมาหาข้าอีก ตอนนี้ข้าอยู่ต่างเมืองไม่สะดวกคุย
ลงชื่อ องค์หญิงแห่งอมตะนคร
———————————————-
“หนอย”
เหนือภพกัดฟันกรอด แต่ก็ดีเขาจะได้ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตทำเรื่องไม่จำเป็น เขาถอนหายใจออกมาด้วยหวังจะทำให้ตัวเองสงบใจ แต่ความรู้สึกที่เหมือนกับถูกถีบหัวส่งแบบนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด ขุ่นเคือง ได้แต่บอกย้ำกับตัวเองว่าเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด
หากองค์หญิงบุษย์น้ำเพชรจะยกเลิกสัญญากับเขาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เขาหายไปตั้ง 6 ปี โดยไม่ส่งข่าวคราวอะไรเลย ดังนั้นการที่เธอไม่ทวงเงินมัดจำคืนไปก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว
บุษย์น้ำเพชรยังคงเหม่อมองไปยังทิศทางที่นกวิญญาณบินลับไป จนกระทั่งเวนไตย องครักษ์คู่กายส่งเสียงกระแอม จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“คุณหนูอย่าไปใส่ใจกับคนไม่เอาไหนเลยขอรับ”
เวนไตยยังคงเรียกองค์หญิงบุษย์น้ำเพชรว่า คุณหนู ตามที่เธอสั่ง ยกเว้นกรณีที่ต้องออกงานระดับราชวงศ์เท่านั้นเขาถึงจะเรียกเธอเต็มยศ
“อืม”
ลึก ๆ ในใจของเธอมีความเสียดายไม่น้อย เพราะเธอเคยคาดหวังกับเหนือภพไว้มาก แต่เมื่อเหนือภพถึงกับทำของสำคัญที่เธอมอบให้หายไป เธอจึงรู้สึกเหมือนกับอกหักเล็ก ๆ
“คุณหนู คืนนี้เราต้องไปงานเฉลิมฉลองตามคำเชิญขององค์ประมุขนะขอรับ”
“อืม”
บุษย์น้ำเพชรตอบอย่างไร้อารมณ์ ที่เธอมานิรันดร์กาลนครครั้งนี้ก็เพราะหน้าที่อย่างเดียวเท่านั้น
“เจ้าเตรียมของขวัญไว้แล้วใช่มั๊ย”
“ขอรับ”
“ดีมาก เจ้าออกไปได้ แล้วก็เรียกนางกำนัลเข้ามาด้วย ข้าจะแต่งตัว”
“ขอรับ”
เมื่อตะวันลับขอบฟ้า ถูกแทนที่ด้วยจันทราสุกสกาว บุษย์น้ำเพชรในชุดองค์หญิงเต็มยศก็มาปรากฏกายที่หน้าท้องพระโรงด้วยรูปลักษณ์สวยสง่าแบบหญิงสาววัยสะพรั่ง ประกอบกับเครื่องแต่งกายล้ำค่าที่เสริมให้เธอดูสูงส่งอย่างลงตัว ทำให้สายตาทุกคู่ในท้องพระโรงต่างจับจ้องมาที่เธอ
วันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติขององค์ประมุขแห่งนิรันดร์กาลนคร บุษย์น้ำเพชรจึงมาร่วมงานในฐานะตัวแทนขององค์เจ้าแคว้นแห่งอมตะนคร หากจะว่ากันตามศักดิ์และฐานะแล้ว เมืองหลวงของแคว้นอย่างอมตะนครย่อมมีอำนาจเหนือทุกนครในละแวกนี้ ดังนั้นองค์ประมุขทุกองค์ที่อยู่ที่นี่ย่อมต้องให้เกียรติแก่ตัวแทนขององค์เจ้าแคว้น
องค์ประมุขที่กำลังนั่งอยู่บนพลับพลาสูงถึงกับลุกย่างพระบาทลงมาตามเส้นทางพรมแดง เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นองค์หญิงบุษย์น้ำเพชร
บุษย์น้ำเพชรย่างกรายผ่านบรรดาตัวแทนจากเมืองต่าง ๆ ที่กำลังยืนจับกลุ่มพูดคุย ดื่มกิน เต้นรำกันอยู่อย่างสรวลเสเฮฮา เพื่อเข้าไปหาองค์ประมุข
“ถวายพระพรเพคะ ขอเทพเทวาโปรดประทานพรให้องค์ประมุขมีพลานามัยสมบูรณ์นับร้อยปี นี่คือของขวัญจากหม่อมฉันเพคะ”
แล้วบุษย์น้ำเพชรก็ตรงเข้ามาย่อกายถวายของขวัญชิ้นโตให้แก่องค์ประมุข โดยมีองค์รานีและนางสนมยืนอยู่รายล้อม
“ขอบใจมากองค์หญิง”
“และนี่คือของขวัญที่องค์เจ้าแคว้นและองค์รัชทายาทฝากมาเพคะ”
ของขวัญลำดับต่อมานั้นมีขนาดเล็กกว่าอย่างเห็นได้ชัด องค์ประมุขหรี่ตาลงทันทีหลังจากได้มองประเมินมูลค่าของมัน แล้วพบว่าของขวัญจากองค์หญิงยังมีมูลค่ามากกว่าของขวัญจากองค์เจ้าแคว้นเสียอีก
“และก็ของขวัญชิ้นสุดท้าย ท่านพ่อก็ฝากมาด้วยเพคะ หากท่านพ่อไม่ติดภารกิจสำคัญ ท่านก็คงมาด้วยตัวเอง”
“งั้นหรือ”
บุษย์น้ำเพชรยิ้มหวานขณะยกมือเรียวงามขึ้นปรบมือหนึ่งครั้ง จากนั้นก็มีเสียงฮือฮาของตัวแทนจากแต่ละเมือง เนื่องจากเวนไตยกำลังเข็นบางสิ่งผ่านประตูท้องพระโรงเข้ามาด้วยท่าทางประหลาด ราวกับว่าเขากำลังทุ่มเทแรงกายมาก ๆ สิ่งนั้นมีความสูงชะลูดยาวขึ้นไปประมาณ 4 เมตร แม้มันจะถูกคลุมไว้ด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดง แต่ทุกคนก็พอจะดูออกว่ามันคือรูปปั้นนั่นเอง
“ขอเชิญพระองค์ทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองเพคะ”
ทุกคนในท้องพระโรงแทบกลั้นหายใจเมื่อองค์ประมุขกระชากผ้าคลุมออก ทันใดนั้นทุกคนก็ได้เห็นพร้อม ๆ กัน สิ่งนั้นคือรูปปั้นเสมือนจริงขององค์ประมุขในชุดเครื่องทรงแบบเต็มยศที่ถูกหล่อมาจากทองคำแท้ทั้งชิ้น
“โอ้ องค์อนุชาช่างใจกว้างยิ่งนัก ฝากบอกท่านพ่อขององค์หญิงด้วยว่าข้าชอบของขวัญชิ้นนี้มาก”
องค์ประมุขมองรูปปั้นทองคำด้วยสายตาเปล่งประกาย
“เพคะ หากท่านพ่อทราบว่าพระองค์ชอบ ท่านคงดีใจมาก”
“อมตะนครนี่โชคดีจริง ๆ ที่มีองค์อนุชาและองค์หญิงบุษย์น้ำเพชรคอยช่วยค้ำจุน หากไม่มีพวกท่านก็ไม่รู้ว่าอมตะนครจะยังเป็นเมืองหลักของแคว้นได้อีกรึเปล่า”
บุษย์น้ำเพชรได้ยินเช่นนั้นก็หน้าเผือดสีเล็กน้อย เธอย่อกายขณะเอ่ยแก้ไขความเข้าใจผิดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“หามิได้เพคะ เป็นเพราะองค์เจ้าแคว้นทรงมีพระปรีชาสามารถต่างหาก ส่วนองค์รัชทายาทแม้จะมีร่างกายอ่อนแอ ป่วยด้วยโรคแทรกซ้อนมากมาย แต่พระองค์ก็ชาญฉลาดและเสียสละเพื่อประชาชนมากเหลือเกินเพคะ”
องค์ประมุขอมยิ้มเล็ก ๆ อย่างรู้ทัน ทำไมพระองค์จะไม่รู้ว่าองค์อนุชาแห่งอมตะนครกำลังอยากได้บัลลังก์ของพี่ชายจนตัวสั่น แต่พระองค์กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะเลือกสนับสนุนใครดีระหว่างองค์เจ้าแคว้นผู้มีบุตรชายถึงสองคน แต่คนหนึ่งนั้นขี้โรค ส่วนอีกคนก็ไม่เอาไหน กับองค์อนุชาผู้มีฐานอำนาจไม่น้อยไปกว่ากัน แถมยังมีบุตรสาวที่สวยสง่าและมากความสามารถถึงสองคน
“เอาเถอะองค์หญิง ขอบใจมาก เชิญพักผ่อนตามอัธยาศัย”
“ขอบพระทัยเพคะ”
บุษย์น้ำเพชรย่อกายถวายความเคารพ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เดินจากไปไหนก็มีเสียงมาจากทางด้านหลังเสียก่อน
“ถวายพระพรองค์ประมุขพ่ะยะค่ะ”
เมื่อชายหนุ่มรูปงามภายใต้เครื่องแบบองครักษ์เต็มยศทำความเคารพองค์ประมุขเสร็จแล้ว เขาก็หันมาโค้งกายให้องค์หญิงเล็กน้อย
“องค์หญิงได้โปรดอภัยให้ข้าด้วยที่ข้ามาช้า นี่คือของขวัญอีกชิ้นที่องค์เจ้าแคว้นกำชับมาว่าให้ขนส่งอย่างระมัดระวังที่สุดขอรับ”
บุษย์น้ำเพชรดูตื่นตะลึงเล็กน้อย เธอไม่ได้ระแคะระคายมาก่อนเลยว่าท่านลุงของเธอจะเตรียมของขวัญไว้อีกชิ้นหนึ่ง
‘ไหนท่านบอกว่าให้หลานจัดการเองทุกอย่าง แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน’
ส่วนองค์ประมุขก็ลอบมองผู้มาใหม่ด้วยความสนใจ พระองค์สังเกตที่ข้อมือของเขาก่อนเป็นอย่างแรก และพระองค์ก็ถึงกับสำลักสุราเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์ฮันเตอร์รูปใบหน้าเสือ และตัวอักษร D ประทับอยู่
‘องค์เจ้าแคว้นถึงกับใช้ฮันเตอร์แรงค์ D มาส่งของเลยหรือนี่ หึ ไม่เลว’
“นี่ขอรับองค์หญิง”
“ขอบใจมาก ไม่นึกว่าเจ้าจะเป็นผู้นำส่งด้วยตัวเองนะ พยัคฆ์คีรี”
“ข้าน้อยเพียงทำตามคำสั่งของหัวหน้าองครักษ์เท่านั้น”
จากนั้นพยัคฆ์คีรีก็ส่งมอบของขวัญให้บุษย์น้ำเพชร ของล้ำค่านั้นถูกบรรจุอยู่ในกล่องโลหะที่ยาวประมาณสองศอก แต่แคบเพียงหนึ่งคืบ บุษย์น้ำเพชรย่อกายถวายให้แก่องค์ประมุขอีกครั้ง และในครั้งนี้เธอก็ลุ้นไม่ต่างไปจากองค์ประมุขเลย
เมื่อองค์ประมุขเปิดกล่องโลหะต่อหน้าทุกคน ทันใดนั้นเสียงฮือฮาก็ดังมาจากรอบทิศทาง ดวงตาขององค์ประมุขเปล่งประกายแวววาวโดยไร้คำพูด ส่วนบุษย์น้ำเพชรนั้นถึงกับเปิดริมฝีปากกว้างเลยทีเดียว
นั่นเป็นเพราะว่าของขวัญพิเศษที่พยัคฆ์คีรีนำมาคือ กระบี่โบราณที่ถูกเคลือบด้วยแร่หกสี แม้ว่ามันจะเก่าแก่มาก แต่อาวุธที่ถูกเคลือบด้วยแร่หกสีนั้นถือว่าเป็นระดับตำนานที่ยากจะพบได้ในช่วงชีวิตคนคนหนึ่ง แต่นี่องค์เจ้าแคว้นกลับมอบมันให้แก่องค์ประมุขแห่งนิรันดร์กาลนครอย่างง่ายดาย
“ฝากทูลองค์เจ้าแคว้นด้วยนะองค์หญิง ว่าข้าปลาบปลื้มกับของขวัญชิ้นนี้มาก”
“เพคะ ขอตัวก่อนนะเพคะ”
บุษย์น้ำเพชรทูลลาองค์ประมุขอย่างสง่างาม จากนั้นเธอก็เดินออกจากท้องพระโรงในทันทีโดยไม่ลืมส่งสายตาดุดันให้พยัคฆ์คีรี
ส่วนพยัคฆ์คีรีนั้นหาได้โกรธเคืององค์หญิงไม่ เขาส่งยิ้มกลับแล้วโค้งตัวให้องค์หญิงอย่างสุภาพจากนั้นก็เดินหายเข้าไปท่ามกลางกลุ่มคนในท้องพระโรง