Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 304 ในที่สุดก็เคลื่อนไหวแล้ว
ตอนที่ 304 ในที่สุดก็เคลื่อนไหวแล้ว
ในลานใหญ่ตรงทางตันของถนนฟูอาน ติงกั่ว เซ็นโน้มตัวเอื้อมมือไปค้นกล่องกระดาษก่อนตะ โกนด่า “ให้ตายเถอะ ไอ้พี่เหว่ยมันไปไหนขอ งมัน ป่านนี้แล้ว ทําไมยังไม่มาอีก? ฉันหิวจะตาย อยู่แล้ว”
“แกไม่กินสักมื้อจะตายรึไง?” ฟูเสี่ยวหาวกําลัง เล่นโป๊กเกอร์กับเพื่อนร่วมงานจึงตอบกลับด้วยความรําคาญ“ถ้ามันไม่มาก็แสดงว่าติดงานแล้วแกเร่งหาพ่อรึไง”
“พี่ฉันหิวนี่!”
“วันนึงกินตั้งห้ามอยังหิวอยู่อีกเหรอ?” ฟูเสี่ยวหาวหันไปด่า“ถ้าดูจากการกินของแกแล้วต่อไปชีวิตแกต้องมีแต่ปัญหาแน่”
“พี่อย่าบ่นมากไปหน่อยเลย” ติงกั่วเซินก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ “ถ้าพี่เหว่ยยังไม่มาเดี๋ยวฉันจะไปซื้อของในตลาดมากินเอง”
“แกอย่าสร้างเรื่องหน่อยเลย” ฟูเสี่ยวหาวตะโกนด่าอย่างจริงจัง “พื่อกําชับอย่างเคร่งครัดว่าถ้าไม่มีสายโทรศัพท์จากพี่หลี่ห้ามเราออกไปข้างนอกลําพังเด็ดขาด”
“หมาเลีย พี่ว่าพี่เป็นหมาเลียรึเปล่า?” ติงกั่วเซินชี้ฟูเสี่ยวหาวและแสดงท่าทางโมโห “ฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้นพี่ยังจะคิดจริงจังอยู่อีก”
“อย่างแกจะไปรู้อะไร ที่ฉันทําไม่ใช่การเลียแข้งเลียขาแต่เป็นหน้าที่เข้าใจไหม?” ฟูเสี่ยวหาวไม่เคยโต้แย้งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้มาก่อนไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่มันจะหยอกล้อด้วยคําพูดแบบนี้หรือถ้ามีคนมาวิจารณ์เขาแบบนี้จริงๆเขาก็ไม่สน ใจอยู่ดี
“ฉันไม่เข้าใจ” ติงกั่วเซินเอามือไขว้หลัง “แต่ฉันรู้ว่าการเลียแข้งเลียขาแบบพี่น่ะมันยากที่จะเรียนรู้สําหรับคนทั่วไป”
“โอเค โอเค แกไม่เลียเลย แกมันเป็นคนเด็ดขาด” ฟูเสี่ยวหาวมองไปที่ไพ่โป๊กเกอร์ “ป๊อก เด้ง”
งูเหว่ยเดินถือของกินเยอะแยะเข้ามาขณะที่ทั้งสองกําลังเถียงกันอยู่ “พวกนายทะเลาะอะไรกัน? ฉันได้ยินตั้งแต่อยู่ข้างนอกแล้ว”
ฟูเสี่ยวหาวยิ้ม “ติงถั่วเซินกําลังด่านายอยู่นะบอกว่านายไปทําแป๊ะอะไรอยู่ดึกขนาดนี้แล้วทําไมยังไม่มาส่งข้าวอีก”
“โกหก ฉันด่าพี่เหว่ยตั้งแต่เมื่อไหร่?” ติงกั่วเซินเอื้อมมือลากเก้าอี้มาหนึ่งตัวก่อนจะวิ่งไป “พี่ เหว่ยข้างนอกหนาวไหม? เข้ามานั่งผิงไฟก่อนสิ”
“ลิ้นแกนี่มันเลียเก่งกว่าฉันอีกนะ!” ฟูเสี่ยวหาว หมดคําพูด
“พอแล้ว หยุดเถียงกันได้แล้ว” จู่เหว่ยวางถุงอาหารลงก่อนเอ่ยปาก “พวกนายกินข้าวก่อนเถอะเดี๋ยวฉันจะไปดูห้องขังหน่อย”
“พี่เหว่ย แล้วพี่กินข้าวแล้วเหรอ?” ติงกั่วเซินตะโกน“ถ้าพี่ยังไม่กิน เดี๋ยวฉันเทเหล้าไว้ให้พี่ก่อนดีไหม?”
“นายจะขี้แทนพี่เหว่ยไปเลยไหมล่ะ?” ฟูเสี่ยวหาวมองตาขวาง
“ฮ่าฮ่า!”
ทุกคนได้ยินแล้วจึงพากันหัวเราะก่อนจะกินข้าวพร้อมกัน
บนทางเดินในลานใหญ่ มีคนร่างบึกบินเอื้อมมือเปิดถังขยะพลางก้มหน้าตรวจสอบดูก่อนเดินจากไป
ผ่านไปสักพัก ชายบึกบินก็กลับมาที่รถและปลดหมวกออก “เบื้องต้นมั่นใจได้ว่าต้องมีคนอยู่ในบ้านหลังนี้แน่นอน”
“เป็นไปได้ไหมที่จะเป็นการจัดฉาก?” คนที่นั่ง ข้างคนขับหันหน้าถาม
ชายหนุ่มครุ่นคิดสักพักก่อนจะส่ายหน้า “น่าจะไม่นะตํารวจคนที่มาส่งข้าวทุกวันระวังตัวทุกครั้งมันออกมาจากกองกํากับการก่อนจะไปร้านข้าวแล้วค่อยมาที่นี่ มันวนอยู่นานมากเลยล่ะอีกอย่างในถังขยะที่อยู่หน้าบ้านก็มีกล่องมาม่าเต็มไปหมดแล้วก็มีถุงพลาสติกของผักดองอะไรพวกนั้นด้วย…ดูจากปริมาณแล้ว คนในบ้านก็คงจะอยู่กันไม่เยอะ มากสุดก็หกถึงเจ็ดคนถ้าจะจัดฉากจริงๆ อีกฝ่ายคงไม่ให้มีคนอยู่น้อยขนาดนี้หรอก”
คนนั่งข้างคนขับเงียบไป
“เราจะลงมือตอนนี้เลยไหม?” ชายบึกบนถาม
“เดี๋ยวก่อน ฉันขอลงไปคุยโทรศัพท์ก่อน” ชายข้างคนขับครุ่นคิดสักพักก่อนจะผลักประตูและลงจากรถไป
ประมาณหนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ในโรงแรมเขตเพิ่งเป๋ยฉวีหยางอาบน้ําเสร็จแล้วและกําลังเช็ดผมพลางโทรศัพท์หาภรรยาแต่โทรไปสามรอบ อีกฝ่ายก็ยังไม่รับอยู่ดี
ฉวีหยางขมวดคิ้วก่อนจะวางโทรศัพท์ลงด้วยท่าทางที่ดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“กรึง!”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ฮัลโหล?” ฉวีหยางเอื้อมมือรับโทรศัพท์
“ต้าหยาง ข่าวสารทางนายเป็นยังไงบ้าง?” จูเหว่ยถามผ่านทางโทรศัพท์
“ยังไม่เริ่มคุยกันจริงจังเลยน่ะ”
“สองวันแล้วนะ ยังไม่เริ่มคุยอีกหรอ?” เว่ยจือยิ้มพลางตอบกลับ “นายระมัดระวังเกินไปแล้ว”
“ถ้าไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ก็พูดออกไปก่อนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นตอนข่าวถูกตีกลับมาจะวุ่นวาย มาก”ฉวีหยางครุ่นคิดอยู่นาน “นายอยู่ที่ไหนล่ะ?”
“ฉันทะเลาะกับเสี่ยวเสี่ยวน่ะ ฉันกําลังขับรถไปหาเธอน่ะ”
“อ้าวเหรอ งั้นนายไปเถอะถ้ามีข่าวอะไรเดี๋ยวฉันค่อยบอกนายอีกที”
“ได้”
ในใจของฉวีหยางวุ่นวายไปหมด อีกอย่างก็พูดกับเว่ยจือได้ทั้งหมดดังนั้นจึงออกคําสั่งลอยๆและตัดสายไปทันทีเขานั่งสูบบุหรี่อยู่ในห้องและนั่งคิดเรื่องเสียวเสี่ยวต่อ
กลางดึกประมาณสี่ทุ่มครึ่ง
เปียเตอหยงนั่งอยู่ในห้องทํางานของตัวเองเขาปิดไฟพลางดูดบุหรี่ด้วยกับแววตาที่หดหู
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา!” เปียเตอหยงส่งเสียงเสียงแอ๊ดดังขึ้นก่อนประตูจะถูกเปิดออกและมี ชายวัยกลางคนจะเดินเข้ามา “ทุกอย่างถูกจัดแจงไว้หมดแล้วเหลือแค่รอข่าวจากนายเท่านั้น”
เยเตอหยงดูดบุหรี่ หลับตาครุ่นคิดอยู่สักพัก“งั้นก็ลงมือเถอะ”
“คิดดีแล้วเหรอว่าจะทําแบบนี้? ถ้าทําไปแล้วถอนตัวไม่ได้แล้วนะ” ชายวัยกลางคนเอ่ยปากเตือน
“ทุกคนก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้อยู่แล้ว” เป่ยเตอหยงโบกมือ“มีอะไรต้องคิดดีหรือไม่ดีอีกล่ะ ก็ทําแบบนี้ไปเถอะ”
“ได้” ชายวัยกลางคนพยักหน้าก่อนจะล้วงโทรศัพท์ออกมา
ในบ้านหลังใหญ่ตรงทางตันของถนนฟูอาน
จู่เหว่ยก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือก่อนจะเอ่ยปากสั่ง“กลางคืนก็อย่าลืมผลัดเวรกันด้วยล่ะ ห้ามขี้เกียจเด็ดขาด”
“รับทราบ!”
“เข้าใจแล้วครับ!”
ทุกคนพากันพยักหน้า
“ยังไงช่วงนี้พวกนายก็ทํางานหนักกันหน่อยล่ะถ้าผ่านช่วงนี้ไปแล้วเดี๋ยวฉันจะให้ทีมฉินของเราให้โบนัสกับพวกนาย”จี้เหว่ยยิ้มพลางพูดอย่างชิวๆ “บางทีอาจจะให้พวกนายหยุดพักสักสองสามวันก็ได้”
“พี่เหว่ย สุดท้ายก็ยังเป็นพี่ที่คิดเผื่อเรา ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไมพอเห็นพี่แล้วรู้สึกสบายใจ” ติงถั่วเซ็นตื่นตัวและเริ่มเรียนรู้และทํางานตามรอยฟูเสี่ยวหาวแล้ว
“อย่ามาเสแสร้งหน่อยเลย” จี้เหว่ยแกะมือของติงถั่วเซินออก “ได้ งั้นฉันไปก่อนล่ะ”
“ขับรถดีๆ ล่ะพี่”
“ไปละ”
ทุกคนกล่าวลาก่อนที่จู่เหว่ยจะเดินออกมา
“กรึง!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
จู่เหว่ยนิ่งไปก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้น “ฮัลโหลมีอะไรเหรอ?”
ภายในซอยตรงข้ามตัวบ้าน
ชายร่างบึกบนห้าคนปิดหน้าไว้แล้วเดินข้ามถนนมาอย่างรวดเร็ว และมาถึงหน้าประตูบ้านภายในสิบวินาที
“แอ๊ด!”
หลังจากชายที่เดินนําหน้าใช้เท้าเตะประตูออกก่อนจะเดินมุ่งตรงเข้าไปในห้องหลักของบ้านอย่างรวดเร็ว
“ใครน่ะ?”
เจ้าหน้าที่ตํารวจในบ้านตะโกน
“ครื่น!”
ชายที่เดินนําหน้าแตะไกปืนก่อนจะยกเท้าเตะไปที่ประตู
“แอ๊ด!”
ประตูเปิดออกก่อนจะมีลมพัดเข้ามาในห้อง
“ปังปัง!”
ชายบิ๊กปืนยิงเข้าไปในห้องโถงใหญ่ถึงสองครั้งพร้อมกับแววตาดุดัน “ยิ่ง! ถ้าใครขวางก็ยิ่งมันให้หมด”