Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 305 กับดักที่ต้องอดทน
ตอนที่ 305 กับดักที่ต้องอดทน
ภายในห้อง
จู่เหว่ยเห็นอีกฝ่ายลั่นปืนก่อน จึงรับถอยหลังและหลบไปในห้องทางฝั่งขวาทันทีจากนั้นจึงรีบควักปืนออกมาและเริ่มยิงสวนกลับไป
นอกประตู ประตูไม้ที่ห่อหุ้มด้วยโลหะถูกยิงจนทะลุผุพังไปหมดตํารวจทั้งห้านายที่ปิดหน้าปิดตาไว้ก็ถูกขังให้อยู่ข้างนอกกันหมดและทําได้แค่หลบไปอยู่ด้านข้างของประตู
“พวกมันเคลื่อนไหวแล้ว” ชายที่เดินนําหน้าตะโกนด้วยน้ําเสียงแหบแห้ง “ก็มีแค่หกถึงเจ็ดคนอย่ามัวแต่ควบคุมสถานการณ์อยู่เลยรีบโจมตีได้
แล้ว”
“เดี๋ยวฉันเข้าไปก่อน” ตํารวจที่อยู่ทางซ้ายตอบกลับพลางใช้สองมือจับสเปรย์ขนาดใหญ่ จากนั้นก็ก้มตัวและหดคออย่างเป็นมืออาชีพเพียงไม่กี่ก้าวก็พุ่งเข้าไปในห้องใหม่แล้ว
“ปังปังปัง!”
เสียงปืนดังสนั่นอีกครั้ง ตํารวจที่อยู่ข้างหน้าสุดก็โดนยิงไปตรงกลางอกหลายนัด แต่เขาไม่เพียงแต่ไม่ได้ล้มลงแต่ยังยิงสไนเปอร์กลับมาอีกด้วย
ประกายไฟของกระสุนเล็ดลอดออกมาจากลํากล้องปืนใหญ่เสียงดังสนั้นและแสบแก้วหูก่อนกระสุนนับไม่ถ้วนจะพุ่งออกไปกระทบอ่างล้างหน้าในห้องน้ําจนเป็นรูใหญ่สองรู
“มันมีเสื้อเกราะ” จี้เหว่ยเอ่ยปากเตือน
“ปังปัง!”
ฟูเสี่ยวหาวลั่นกระสุนออกไปสองนัดทะลุเข้าไปยังขาของพวกทหารที่อยู่นอกประตูจนล้มลงกับพื้นทันที
จากนั้น ชายที่อยู่นอกบ้านจึงพุ่งเข้ามาในห้องรับแขกชายสองคนหันปืนไปที่หน้าประตูพลางยิงกระหน่ําส่วนชายที่เดินนําหน้าก็พาอีกคนวิ่งไปทางด้านซ้าย
“แม่งเอ๊ย! ห้ามให้พวกมันเข้าห้องนั้นเด็ดขาด”ฟูเสี่ยวหาวพุ่งออกไปด้วยแววตาแดงก่ํา
“อย่าขยับ!” จู่เหว่ยกดไหล่ของเขาพลางตะ โกน “อย่าขยับ!”
ชายที่เดินนําหน้าเฝ้าที่นี่มาทั้งคืนแล้วเขารู้โครงสร้างภายใจชัดเจนมากอีกอย่างก็ได้สํารวจอย่างละเอียดแล้วตํารวจที่เฝ้าอยู่ตรงนี้ส่วนมากจะทํากิจกรรมอยู่ในห้องรับแขกและห้องทางฝั่งขวาแบบนั้นก็บอกได้ว่าคนร้ายต้องถูกซ่อนอยู่ในห้องทางฝั่งซ้ายแน่นอนฉะนั้นพอหลังจากที่เขาเข้าบ้านแล้วถึงได้มาทางนี้ก่อนเป็นอันดับแรก
เสียงปืนดังยังคงดังสนั่นในห้องเหมือนกันเหว่ยถูกทับอยู่ในห้องทางฝั่งขวาและไม่ได้โผล่หัวออกมาพักหนึ่ง
การ์ดทั้งห้าคนดุร้ายกว่าที่จู่เหว่ยคิดไว้พวกเขาไม่ได้แค่กล้าสวมชุดเกราะกันกระสุนระดับดีแต่ในมือยังถือมีดพกเอาไว้ป้องกันตัวและเตรียมที่จะพุ่งเข้าไปในห้องทางขวาตลอดเวลา
“แอ๊ด!”
จี้เหว่ยเปลี่ยนกระสุนขณะก้มหน้าและตะโกน“เตรียมพร้อมไว้ห้ามใครออกไปเด็ดขาด”
“ไม่ออกไปก็รอดแล้ว”ฟูเสี่ยวหาวพูดเตือนด้วยแววตาที่แดงก่ํา
“อีกฝ่ายไม่ใช่คนโง่ นายจะออกหรือไม่ออกไปมันก็ต้องไม่ปล่อยนายไว้แน่”จู่เหว่ยออกคําสั่งอย่างเด็ดขาด“ยิงแล้วตั้งรับ”
ทางเดินฝั่งซ้าย ชายที่เดินนําชะโงกหน้ามองไปทางห้องครัวเมื่อมั่นใจว่าไม่มีคนจึงยื่นมือผลักประตูที่อยู่ข้างๆ
ประตูเปิดออก ในห้องนั้นก็มืดมิดไปหมดและยังมีกลิ่นเหม็นอับอีกด้วย
ชายหนุ่มสํารวจดูจากข้างนอกไปหนึ่งรอบก่อนจะเอ่ยปากตะโกน“พวกลูกพี่ให้ฉันมาช่วยพวกนาย”
ภายในห้อง ชายสองคนที่ถูกมัดไว้กับเก้าอี้มองไปยังชายบึกบนที่อยู่ตรงประตูด้วยแววตาเปล่งประกายและไม่พูดไม่จา
ชายบึกบึนนิ่งไปสักพักก่อนจะยกมือขึ้นคล่าไปที่กําแพงสองครั้งและเปิดสวิตช์ไฟทันที
ทันใดนั้นภายในห้องก็สว่างขึ้นใบหน้าชายที่ถูกจับทั้งสองถูกเปิดเผย ชายหนุ่มมองทั้งสองอย่างเหม่อลอยและตะโกนขึ้นทันที“ให้ตายเถอะไม่ใช่คนขับรถรีบหนีเร็ว!”
พูดจบชายบึกบคนก็วิ่งออกไปข้างนอกพลางตะโกนเสียงดัง “วางระเบิดโยนเข้าไปในบ้าน”
ตรงปากประตู สองในสามของการ์ดที่ทําหน้าที่วางระเบิดทั้งสามคนถือระเบิดเอาไว้ก่อนจะขว้างออกไปทันที
ภายในบ้าน
จู่เหว่ยกระโดดอยู่กับที่และใช้มือขวาดันตู้ที่อยู่ข้างๆ ให้โน้มตัวลงไปข้างล่าง “ถอย”
“แอ๊ด!”
มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้นและตู้ก็ล้มลงทันที แล้วระเบิดที่เพิ่งโยนเข้ามาเมื่อครู่ก็ถูกหนีบอยู่ระหว่างประตูและเตียง
เพียงไม่นานก็เกิดระเบิดขึ้นทางด้านขวาตู้ที่หนาและใหญ่แตกออกเป็นเสี่ยงๆแต่ยังดีที่พื้นที่ ในบ้านค่อนข้างกว้างทําให้ทุกคนสามารถหลบได้ทันฉะนั้นจึงไม่มีใครบาดเจ็บหรือตาย มีเพียงติ งถั่วเซินที่รู้ตัวช้าไปหน่อยเลยถูกชิ้นส่วนแตกหักบาดที่ขาขวา
หลังจากเกิดการระเบิด การ์ดทั้งสี่ได้พาเพื่อนที่บาดเจ็บหนีออกจากบ้านไปแล้วก่อนจะพากันออกจากประตูหน้าบ้านไป
เหว่ยคลานขึ้นมาพลางใช้เท้าถีบตู้ที่ล้มลงมาก่อนที่เขาจะมุ่งตรงเข้าห้องทางซ้ายของบ้านไป “เอาระเบิดมาให้ฉันเอามาให้ฉัน!”
ชายผู้ต้องสงสัยกลืนน้ําลายขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ก่อนจะรีบแบมือขวาที่ติดอยู่กับเก้าอี้ออกพร้อมกับท่าทางที่ตื่นตระหนก “ฉะ…ฉันไม่ได้ทําประกัน…พี่ทําเอาฉันตกใจแทบแย่
“ทิ้งระเบิดลงกับพื้น”จู่เหว่ยตะโกน“เตะกลับมา”
ผู้ต้องสงสัยได้ยินจึงทําถาม จากนั้นจ์เหว่ยก็เก็บระเบิดขึ้นมาและรีบวิ่งไปที่ห้องรับแขกทันที “ตามมันไป”
นอกประตู
การ์ดที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนขณะถือวิทยุสื่อสาร “คนที่อีกฝ่ายจับตัวไว้ไม่ใช่พวกโหยวนือนายรีบมารับเราด่วนเลย”
ขณะเดียวกัน
ชายบึกบนที่น่าอยู่ด้านหน้าสุดก็ก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะโทรออก
“แอ๊ด!”
ทันใดนั้น จู่ๆ ในบ้านหลังใหญ่ฝั่งตรงข้ามที่อยู่ไกลกว่ายี่สิบเมตรก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น
“แอ๊ด!”
แมวเฒ่าลั่นปืนพลางด่าอย่างดุเดือด“แม่งเอ๊ย!กว่าพวกนายจะมาฉันต้องอยู่ที่บ้าๆนี่ตั้งสามสีวัน”
ชายบึกบึนนิ่งอยู่กับที่
“ยิงมัน”
แมวเฒ่าตะโกนสั่ง
เมื่อสิ้นเสียงก็มีเจ้าหน้าที่ตํารวจกว่ายี่สิบสามสิบนายวิ่งออกมาจากบ้านหลังใหญ่ และชูไฟ ฉายขึ้นส่องทันที
บนถนนคับแคบ เมื่อชายบึกบนที่นําอยู่ด้านหน้าเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ปรากฏตัวอย่างมากขนาดนี้ ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นร้อนรนขึ้นทันที “แม่งเอ๊ยมันเป็นพวกเดียวกัน เมื่อเราเข้าไปได้เป็นเพราะมันตั้งใจปล่อยให้เราเข้าไป…”
ในบ้านกักกันตัว จู่เหว่ยโทรศัพท์หาฉินอวี่จากนั้นก็รีบออกจากบ้านไป“มีคนมาหาถึงหกคนน่ะ”
“พอเห็นหน้าพวกมันแล้ว พวกนายก็ยิงทันที เลยเหรอ?” ฉินอวี่ลุกขึ้นจากโต๊ะทํางานทันที
“เปล่า ฉันทําตามที่นายบอกว่าให้ปล่อยพวกมันเข้ามา”เหว่ยส่ายหน้า“ตอนนี้ก็มั่นใจได้แล้วว่านอกจากคนพวกนี้แล้วอีกฝ่ายยังสํารองคนชุดที่สองไว้อีกด้วย”
“ไอ้สองคนนั่นถูกเปิดตัวรึยัง?” ฉินอวี่ถาม
“เปิดแล้วพวกมันทั้งห้าหกคนโจมตีได้โหดเหี้ยมมากถ้าฉันไม่เอาไอ้สองคนนั่นหลอกล่อพวกมันไว้ก่อนพวกเราคงตายกันหมดแน่”เหว่ยส่ายหน้าพลางอธิบาย“แต่ฉันรู้สึกว่าทําแบบนี้ไม่คุ้มเพราะเราสามารถใช้ไอ้สองคนนั้นได้แค่ครั้งเดียว”
“ทําถูกแล้ว” ฉินอวี่กัดฟัน “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆที่เฒ่าเบี้ยติดกับได้นายต้องทิ้งคนพวกนี้ไว้ให้ฉันด้วย”
“เข้าใจแล้ว” จู่เหว่ยพยักหน้า
“เดี๋ยวฉันจะรีบไป” ฉินอวี่พูดส่งท้ายก่อนจะวางสายจากนั้นก็เดินไปด้วยและโทรหาหม่าเหลาเอ๋อไปด้วย
“ฮัลโหล? !”
“คนของเฒ่าเบี้ยมาขัดขวางเราไว้” แววตาของฉินอวี่ตรึงเครียด “ฉวีหยางต้องเป็นหนอนบ่อนไส้แน่นอนนายเตรียมตัวไว้ให้ดีแล้วเดี๋ยวเราก็จัดการมันทันที”
“เข้าใจแล้ว” หม่าเหลาเอ๋อพยักหน้า
ในซอย
แมวเฒ่าชี้ลงที่พื้นก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่น“หยุดพูดไร้สาระยกมือขึ้นแล้วคุกเข่าลง ยอมแพ้ซะ”