Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 361 ผลประโยชน์อันเปราะบาง
ตอนที่ 361 ผลประโยชน์อันเปราะบาง
กลางดึกในลานกว้าง
เปียเตอหยงรอมากว่ายี่สิบนาทีแต่ไม่เห็นวี่แววหวังหงเลย เขายืนขึ้นอย่างร้อนรนพลางก้มหน้ากดโทรออกทันที
หลังรอสายอยู่นานเขาก็วางสาย
เป่ยเตอหยงวางโทรศัพท์ลง แล้วหันไปตะโกนใส่ลูกน้องที่อยู่ด้านข้าง “รีบเก็บของเร็วเข้า”
“มีอะไรเหรอ พี่เปี๊ย?” ชายหนุ่มทางซ้ายมือถาม
“หวังหงไม่รับโทรศัพท์” เป่ยเตอหยงหรี่ตาลงพร้อมกล่าว “ฉันกําชับเขาแล้วว่าหลังจากเจอหยวนเค่อ ให้รีบติดต่อมาทันที แต่เขากลับไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเลย”
“แค่ไปเจอหยวนเค่อ มันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ล่ะครับ?” ชายหนุ่มไม่เข้าใจ
เปียเตอหยงเงียบไปหลายวินาที “เตรียมตัวให้พร้อมเถอะ ไปเรียกคนที่สนามหลังบ้านมาด้วย”
“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนหันหลังเดินจากไป
เป่ยเตอหยงเดินไปมาอย่างเชื่องช้าในห้องโถง หลังจากครุ่นคิดอยู่เนิ่นนานเขาก็ส่งข้อความหาหวังหง “รีบตอบมาได้แล้ว!”
หลังจากส่งข้อความออกไปประมาณหกนาที เปียเตอหยงก็ยังไม่ได้รับคําตอบใดจากอีกฝ่าย
ที่สนามหลังบ้าน ลูกน้องสี่คนพาภรรยากับลูกฉวีหยางเดินเข้ามาในห้องและยืนรออยู่ข้างประ
ตอนนี้ทั้งบ้านมีคนติดตามเงียเตอหยงแค่หกเจ็ดคนเท่านั้น และส่วนใหญ่ของคนเหล่านี้ เป็นคนหนุ่มสาว พวกเขาชื่นชมพี่ใหญ่อย่างเงียเตอหยงมาก ในใจพวกเขารู้สึกว่าพี่ใหญ่คนนี้ เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ แล้วทําธุรกิจสกปรกจนสําเร็จจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นหากติดตามเขาไปจะทําให้ชีวิตรุ่งโรจน์เป็นแน่
เป่ยเตอหยงยืนเอามือไพล่หลังที่หน้าต่างและเงียบไปนาน ขณะกําลังจะก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ออกมา ทันใดนั้นหยวนเค่อก็เป็นฝ่ายโทรมา
“ฮัลโหล?” เปียเตอหยงตัดสินใจอยู่นานก่อนรับสาย
“ทําไมหวังหงยังไม่มา?” เสียงหยวนเค่อดังขึ้น
เป่ยเตอหยงถามหลังจากนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “หม…เขายังไม่ได้ไปเหรอ?”
“ใช่ ฉันรออยู่นมายี่สิบกว่านาทีแล้ว ยังไม่เห็นหน้าเลย” หยวนเค่อขมวดคิ้วถาม “เขาออกมาจากที่พักของพี่เลยใช่ไหม?”
เปียเตอหยงครุ่นคิดอยู่พักใหญ่จึงส่ายหน้าตอบ “ไม่ เมื่อกฉันบอกให้เขาไปรับฉวีหยางก่อน
“ตอนที่พี่โทรหาหวังหง ไม่ได้บอกให้เขามาหาฉันเหรอ?” หยวนเค่อถาม
“บอกสิ บอกไปแล้ว” เป่ยเตอหยงพยักหน้า
“ถ้างั้นจะเกิดเรื่องอะไรกับหวังหง…เขาโดนฉวีหยางจับตัวไปหรือเปล่า?” หยวนเค่อถามอย่างจริงจัง
เปียเตอหยงกะพริบตาปริบๆ หยวนเค่อพูด
ความจริงหรือโกหกเป็นเรื่องที่ยากจะเดา เพราะเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกบ้าง
“งั้นเอาอย่างงี้เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปรับพี่ อย่ารอเวลาอยู่ตรงนั้นเลยเพราะฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ” หยวนเค่อแนะนํา
เปียเตอหยงเลียริมฝีปากที่แห้งแตก “ได้ ฉันรู้แล้ว”
“อืม แค่นี้แหละ”
หลังจากทั้งสองคนตกลงกันแล้ว หยวนเค่อก็วางสายไป
เป้ยเตอหยงยืนอยู่ตรงหน้าต่าง แววตาเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ? พี่หงยังไม่ได้ไปหาหยวนเค่องั้นเหรอ?” ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างถาม
เป่ยเตอหยงพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด “เรื่องในคืนนี้มันผิดปกติเกินไป…ช่างมันเถอะ พวกเราไม่มีใครให้ไว้ใจแล้ว นายพาลูกเมียของฉวีหยางไปซะ”
“จะไปตอนนี้เลยเหรอพี่?”
“ใช่ เตรียมตัวไป” เปุ๋ยเตอหยงตัดสินใจหันหลังเดินเข้าห้อง ก่อนหยิบกระเป๋าคาดเอวใบใหญ่ออกมาจากตู้
เมื่อทุกคนได้ยินคําสั่ง ก็รีบเก็บข้าวของและเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก
ในซอยทั้งสองด้านของลานบ้าน
หยวนเค่อนั่งไขว่ห้างอยู่ในรถ “เฒ่าเบี้ยอาจไหวตัวทันแต่ก็เดาไม่ออกว่าข้างนอกจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง พี่จิ๋วบอกพวกของเราให้เข้าไปหาเฒ่าเบี้ยแล้วบอกเขาว่า จะไปรับเขาออกมาเพราะหวังหงไม่ได้มาเจอและเรากลัวเขาจะเป็นอะไรไป”
“อม แล้วไงต่อ?” เสี่ยวจิ๋วถาม
“พอเขาออกมานอกบ้าน ก็พาลูกเมียของฉวีหยางกลับมาเลย” หยวนเค่อสั่งการอย่างรวบรัด
ฉวีหยางนั่งอยู่ในรถ ดวงตาทั้งคู่กวาดมองกระเป๋าเสื้อของไปเหยียนและก็เห็นบางอย่างโดยไม่ตั้งใจ
“เอาน่า” เสียวจิ๋วครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ก่อนพูด “ฉันจะนําคนเข้าไปโดยตรงเลย”
“ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป” หยวนเค่อโบกมือ “ฉันกลัวว่าเฒ่าเบี้ยอาจรู้ตัวก่อน”
“ไม่เป็นไร ฉันรู้แล้ว” เสี่ยวจิ๋วยืนกราน “จะได้จบงานเร็วๆ”
หยวนเค่อคิดอยู่พักใหญ่ “งั้นก็ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยให้ดี ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ให้ยิงทันที แล้วพวกเราทั้งหมดจะบุกเข้าไป”
“ได้” หลังจากเสี่ยวจิ๋วพยักหน้าเขาก็ผลักประตูรถออกและเดินลงไปทันที
“ออกไปแล้วอย่าโวยวายล่ะ…อย่าบังคับให้ฉันทําเรื่องเลวร้าย เข้าใจไหม?” เป่ยเตอหยงหันไปคุยกับภรรยาของฉวีหยางด้วยดวงตามืดมน
ภรรยาของฉวีหยางสงบอย่างน่าประหลาด เธอชําเลืองมองเป่ยเตอหยงก่อนเบ้ปากพูด “คุณมีปืน คุณจะพูดจะทําอะไรก็ได้นี่นา”
เปียเตอหยงไม่สนใจคําพูดอีกฝ่าย เขาชี้นิ้วไปยังลูกน้องและสั่งการทันที “ดูแลพวกเขาให้ดี ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม…”
ตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้ามากมายดังขึ้นหน้าลานบ้าน มีคนเดินมาตะโกนที่ประตู “เฒ่าเป๋ย อยู่ข้างในหรือเปล่า?”
เป่ยเตอหยงได้ยินดังนั้นก็ตะลึงงัน
“แอ๊ด!”
เมื่อประตูเปิดออก เสี่ยวจิ๋วก็เดินเข้ามายืนอยู่หน้าฝูงชนอย่างตกตะลึง เขาถามเปียเตอหยงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “พวกคุณทําอะไรกันอยู่?”
“เสี่ยวเค่อโทรหาฉันและบอกว่าอาจเกิดเรื่องขึ้นกับหวังหง เขาเลยจะส่งคนมารับฉัน” เป่ยเตอหยงตอบทันที “ฉันกลัวว่าที่นี่คงจะไม่ปลอดภัยแล้ว เลยจะพาคนออกไปรอต้อนรับพวกนาย”
“อ๋อใช่ เสี่ยวเล่อบอกให้ผมมารับคุณ” เสี่ยวจิ๋วพยักหน้าตอบ “งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ”
เปียเตอหยงยิ้มตอบ “ได้ๆๆ ไปด้วยกันเลย”
หลังพูดจบคนข้างนอกก็หลีกทางให้ และลูกน้องของเปียเตอหยงก็เดินออกไป
ที่หน้าประตูเป่ยเตอหยงใช้หางตามองเสี่ยวจิ๋ว ขณะกําลังเดินออกไปข้างนอกเขาก็ถามทันที “หวังหงไปกับคนอีกสองคนใช่ไหม?”
เสี่ยวจิ๋วตะลึงงัน “คุณว่าอะไรนะ?”
หลังจากเป่ยเตอหยงออกมาด้านนอก เขาก็เดินไปทางขวาทันทีพลางใช้มือขวาล่วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง “ก่อนที่หวังหงจะไปหาพวกนาย นายรู้ไหมว่าฉันให้เขาเปิดอินเตอร์คอมไว้?”
เมื่อเสี่ยวจิ๋วได้ยินเขาก็หยุดเดินทันที
เป้ยเตอหยงเห็นปฏิกิริยาอีกฝ่ายจึงรีบหมุนตัวกลับมาทันที “แม่ง..ไอ้พวกเวร หยวนเค่อก็จะฆ่าฉันใช่ไหม?”
เสี่ยวจิ๋วได้ยินเช่นนั้นก็ถอยหลังไปสองก้าวแล้วตะโกนทันที “ถือปืน!”
ทั้งสองฝ่ายในลานบ้านแยกจากกันทันที พร้อมกับดึงปืนพกออกมายิ่ง
“ปัง ปัง ปัง!”
เปียเตอหยงกระหน่ํายิงอย่างฉุนเฉียวพลางยกแขนขึ้นดึงภรรยาของฉวีหยางมา “ฉวีหยาง แกไปหาหยวนเค่อใช่ไหม?! นายร่วมมือกันหักหลังฉันเรอะ? เขามาสิวะ วันนี้ฉันจะให้แกขุดหลุมศพฝังลูกและเมียแกซะ”
“วางปืนลงเดี๋ยวนี้” เสี่ยวจิ๋วชี้หน้าอีกฝ่ายแล้วตะโกน
“ปัง!”
เป่ยเตอหยงยิงสวนกลับไปที่เพดานและไฟหน้าประตูก็ดับลง
ภายในรถที่จอดริมถนน
ฉวีหยางผลักประตูออก พลางดึงคอเสื้อหยวนเค่อ “พลาดแล้ว รีบพาคนเข้าไปช่วยเมียฉันเร็วเข้าสิ”
“แผนของเจ้าเสี่ยวจิ๋วนั่นตรงเกินไปจริงๆ ไป๋เหยียนหยิบปืนกลเบาออกมาจากใต้เบาะรถ ยื่นมือผลักประตูออกพลางตะโกนสั่งทุกคน”ได้เวลาทํางานแล้วเว้ย!”
“เฮ้!”
ผู้คนกว่ายี่สิบคนวิ่งลงมาจากรถและบุกเข้าไปในลานกว้างพร้อมกับอาวุธครบมือ