Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 344 ชีวิตลําบากที่ต้องดิ้นรน
ตอนที่ 344 ชีวิตลําบากที่ต้องดิ้นรน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสถานการณ์ของทางฉินอวเป็นยังไง” ฉวีหยางส่ายหน้าพลางตอบกลับ “ฉันได้ข่าวมาว่าจู่ๆ เขาก็โดนจับไปที่เมืองชางจี”
“ถูกจับตัวไปที่เมืองชางงี้เหรอ?” เป่ยเตอหยงถามด้วยแววตาสงสัย “หน่วยไหนจับไปเหรอ?”
“ไม่รู้เหมือนกันว่าหน่วยไหน” ฉวีหยางขมวดคิ้วพลางตอบกลับ “ฉันได้ยินมาแค่ว่าฉินอวี่ถูกส่งไปด้วยเครื่องบินของกองทหารรักษาการณ์น่ะ”
“เรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” เป่ยเตอหยงยิ่งฟังก็ยิ่งสงสัยพลางบ่นพึมพําในใจ “ทางชางจีจับเขาไปทําไมกันแน่?”
ฉวีหยางนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามและไม่ได้พูดอะไรต่อ
เป่ยเตอหยงครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะหันไปมองฉวีหยาง “ช่วงนี้ความสัมพันธ์ของนายกับหม่าเหลาเอ่อเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ดีนะ ตอนนี้กําลังเดินยากันแล้ว” ฉวีหยางตอบกลับเสียงเบา
“ถ้างั้นฉันอวี่เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ หม่าเหลาเอ๋อไม่สนใจอะไรหน่อยเลยเหรอ?” เปุ๋ยเตอหยงมองฉวีหยางด้วยความสงสัยก่อนจะถามต่อ “แล้วนายไม่ได้สืบอะไรบ้างเลยเหรอ?”
“ฉันก็เพิ่งได้ข่าวของฉันอวมาเหมือนกันน่ะ ยังไม่ได้ติดต่อกับหม่าเหลาเอ๋อเลย” ฉวีหยางสบตากับเปียเตอหยง“ยิ่งไปกว่านั้นคือ จู่ๆ ฉันอวี่มาเกิดเรื่องขึ้น กระทบกับลูกน้องอย่างมากเลยล่ะถ้าฉันไปตั้งใจไปสืบเรื่องนี้คงจะทําให้คนอื่นๆคิดมากเอาได้”
เป่ยเตอหยงจ้องฉวีหยางอยู่นานก่อนจะค่อยๆ พยักหน้า “ก็จริง”
ฉวีหยางยกน้ำชาขึ้นดื่ม “ฉินอวี่เกิดเรื่องในชางงี เพราะคดีที่เขาเคยก่อเอาไว้รึเปล่าถ้าไม่อย่างงั้นจู่ๆเขาจะโดนจับได้ยังไงล่ะ? อีกอย่างฉินอวก็มาจากเขตพิเศษด้วยบางทีอาจจะมีคดีใหญ่อะไรติดตัวมาด้วยก็ได้”
เป่ยเตอหยงถูมือ “ไม่ใช่หรอก คงจะไม่ใช่หรอก ฉันได้ยินมาว่าเฒ่าหลีกับเฒ่าตงไปชางจีแล้วถ้าเป็นเรื่องเมื่อก่อนสองคนนี้ต้องหนีไปแน่ๆ”
ฉวีหยางวางแก้วน้ำชาลงและไม่ได้พูดอะไรอีก
“นายควรจะติดต่อกับหม่าเหลาเอ่อแล้วลองแอบสืบดูนะ ว่าฉันอวถูกจับเพราะอะไรกันแน่”เป่ยเตอหยงออกคําสั่ง
ฉวีหยางพยักหน้า “ได้ เดี๋ยวฉันจะนัดหม่าเหลาเอ๋ออีกที”
“เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย” เป่ยเตอหยงลุกขึ้นยืน
เขตเมืองชางจี
หลี่จู่นั่งอยู่ภายในรถและรออยู่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่งอยู่กว่าสี่สิบนาที หัวหน้าฟางถึงจะเดินออกมา
“แอ๊ด!”
หนุ่เปิดประตูรถรอรับพลางถามด้วยน้ำเสียงรีบร้อน “เบื้องบนว่ายังไงบ้างหัวหน้า?”
“เห้อ!”
หัวหน้าฟางถอนหายใจพลางตอบกลับด้วยสีหน้าเหน็ดเหนื่อย “เบื้องบนยอมจะยื่นหมูยื่นแมวแต่ตอนนี้เปลือเซียวอยากจะเดินออกไปอย่างสบายๆ คงไม่ได้แน่นอนคนที่ถูกจับทั้งห้าคนจะต้องได้รับโทษทั้งหมด”
“สุดท้ายเบื้องบนก็ประนีประนอมอยู่ดี” หนุ่ถอนหายใจ
“ไม่ประนีประนอมก็คงจะไม่ได้” หัวหน้าฟางเอามือไขว้หลังพลางตอบกลับ “ซื้อเหมาจ่อคนนี้รู้เรื่องอยู่มากมาย ถ้ามันเผลอหลุดปากออกไป อีกฝ่าย
คงจะล้างแค้นเราจนเกิดเรื่องใหญ่จนรับมือ ไม่ได้เลยล่ะ”
“ใช่” หลี่จู่นึกผลเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นในใจจึงได้แต่ถอนหายใจและไม่ยอมรับก็คงจะไม่ได้
“สถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้าเคลื่อนไหวแล้ว” หัวหน้าฟางครุ่นคิดอยู่นานก่อนออกคําสั่ง“อยู่ต่อไม่ได้แล้ว ต้องปิดไปก่อนช่วงหนึ่ง ควรทยอยปล่อยคนที่อยู่ในนั้นออกมาได้แล้ว”
“แล้วเด็กล่ะ?” หลี่ฉ่ถาม
หัวหน้าฟางครุ่นคิด “หาที่พักพิงทางการมาก่อนแล้วค่อยส่งพวกมันไป จากนั้นค่อยหาสื่อมาทําข่าวรับบริจาคในนามของเราสักหน่อย”
“ฉันเข้าใจแล้ว” หนุ่พยักหน้า
พี่เซียวได้จัดการสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้าแล้ว และถึงแม้จะฆ่าตาแก่เดียรัจฉานสองคนนั้นแล้วแต่กลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักอย่าง
เด็กในสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้า มีประโยชน์กับเบื้องบนถึงสามอย่าง หนึ่งคือชื่อเหมาจ่อซื้อเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาแก๊งค้ามนุษย์ ทําให้หม่าเหลาเอ๋อสามารถใช้ความสัมพันธ์ที่มีต่อชางจีให้สวัสดิการและที่พักพิงให้กับพวกเขาได้
แล้วสวัสดิการของสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้าที่ว่าคืออะไรล่ะ?
ที่หมายถึงก็คือหน่วยงานบรรเทาทุกข์เมืองชางจีจะต้องให้เงินบริจาคกับสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้าเป็นจํานวนมาก รวมถึงสิ่งของต่างๆ ด้วยแต่เงินกว่าล้านบาทกลับถูกใช้จ่ายไปกับการซื้อเด็กไปหมดแล้วหรือไง?
หรือหมดเงินครึ่งหนึ่งไปกับเด็ก?
หรือหนึ่งในสามของเงินทั้งหมด?
หรือหนึ่งในห้านะ?
ไม่ ไม่ถึงหนึ่งในห้าด้วยซ้ํา เงินส่วนใหญ่ของเงินก้อนนี้ถูกแอบๆ แบ่งให้กับคนในสถานรับเลี้ยงก่าพร้าไปหมดแล้ว แล้วยังคืนกลับไปให้กับคนข้างบนด้วย
เงินบริจาคเป็นเพียงรายได้ส่วนน้อยของสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้า เพราะซื้อเหมาจ่อและนาย หน้าคนอื่นๆยังต้องใช้เด็กพวกนี้ไปปรนนิบัติแขกวีไอพีอีกด้วย ใช้เป็นสินบนรูปแบบต่างๆเพื่อให้ได้ทรัพยากรมากกว่าเดิมและได้ทรัพยากรคนที่มีราคามากขึ้น
แล้วกรมทหารมีบทบาทอะไรในเรื่องนี้กัน?
หน่วยงานนี้ไม่เพียงแต่ต้องรวบรวมข่าวกรองทุกประเภทของเมืองชางจีแต่ยังต้องทํางานให้ บรรลุผลอีกด้วย แต่บุคลากรข่าวกรองส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีการก้าวหน้าแต่อย่างใดการตรวจสอบใน แต่ละเขตเข้มงวดมากทําให้การควบคุมภายในเขตเข้มงวดยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าหากจะใช้บุคลากรชั้นต่ำไปสืบข่าวที่วุ่นวายแบบนี้จะได้ข่าวอะไรกลับมาล่ะ?
ดังนั้นเด็กในสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้าหลายคนจึงถูกส่งมายังกรมทหาร พวกเขาเลือกเด็กที่สามารถดูแลและควบคุมได้และจัดให้อยู่ในที่ที่พวกเขาอยากจะให้อยู่ จากนั้นก็รอที่จะได้เลื่อนขั้น
เพราะพวกเขาต่างถูกย้ายมาจากข้างนอก ไม่มีครอบครัว ไม่มีผู้ปกครองและควบคุมดูแลได้ง่าย
เด็กที่ถูกเลือกก็จะถูกส่งไปเป็นล็อตๆ ส่วนเด็กที่คุณภาพและไม่ถูกเลือกเหล่านั้นถึงจะรอให้โตกว่านี้ก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับสวัสดิการจากสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้าแล้ว
ทางออกของพวกเขาจะเป็นอย่างไรล่ะ?
คนส่วนใหญ่กลายเป็นคนดูแลที่ค่อยๆ เกลียดสถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้าแห่งนี้ ถึงขั้นกลายเป็นพ่อค้ามนุษย์ในพื้นที่ไปบ้างก็กลายเป็นหญิงสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในสถานบันเทิง
อีกอย่างเรื่องที่อยู่อาศัยของคนพวกนี้ก็อยู่ในมือของชื่อเหมาจอมาโดยตลอด…
ลูกปืนของพี่เซียวฆ่าคนเลวแต่กลับกําจัดคนเลวไม่ได้
สถานรับเลี้ยงเด็กกําพร้าได้ปิดไปแล้ว แต่เด็กพวกนั้นก็ได้ไปอยู่ในการเลี้ยงของคนอื่นแล้วจะสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตได้จริงเหรอ?
แบบนี้…ใครจะสามารถบอกได้ล่ะ?
บนถนน
หัวหน้าฟางสูดหายใจพลางหันไปสั่งหลี่จู่ “กลับไปพักผ่อนดีๆ เถอะ บอกหลี่หยวนจือด้วยว่าให้เขาให้โอกาสโทรหาคนข้างนอกสักครั้ง เพื่อคอยดูท่าทีของอีกฝ่าย”
“รับทราบ” หลี่จู่พยักหน้า
ประมาณครึ่งชั่วโมงผ่านไป
ผู้กํากับหลี่รับโทรศัพท์ “ฮัลโหล?”
“…แล้วพวกของฉันอีกสี่คนล่ะ?” พี่เซียวถามเข้าประเด็นทันที
“ฉันพระใช่พระเจ้านะ ที่จะรู้เรื่องคนนั้นหมด” เฒ่าหลี่พูดอย่างห้วนๆ “นายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“เฒ่าหลี่ ฉัน…”
“อย่าทําให้ฉันลําบากใจ” เฒ่าหลี่พูดดักพี่เซียวเอาไว้ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ฉันช่วยได้แค่นี้แหละนายเข้าใจไหม?”
พี่เซียวก้มหน้าพร้อมน้ำตาที่ไหลพราก “ฉันยอมแล้ว เห้อ!”
“รู้สึกเสียดายเหรอ?” เฒ่าหลี่ถาม
“เปล่าหรอก” พี่เซียวรีบส่ายหน้าทันที “แต่ฉันเป็นห่วงพวกของฉันน่ะ”
เฒ่าหลี่หมดคําพูด
เขตซึ่งเจียง
เป๊ยเตอหยงเจอกับหยวนเค่อในเขตเฉียงหนาน