Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 339 ชายผู้ที่อดทนจนรุ่งสาง ด้านนอกละแวกพื้นที่โครงการ
- Home
- Special District 9 เขตพิเศษที่ 9
- ตอนที่ 339 ชายผู้ที่อดทนจนรุ่งสาง ด้านนอกละแวกพื้นที่โครงการ
ตอนที่ 339 ชายผู้ที่อดทนจนรุ่งสาง ด้านนอกละแวกพื้นที่โครงการ
หม่าเหลาเอ๋อและคนอื่น นั่งในรถออฟโรดสอง คันนานกว่าสองชั่วโมงก่อนจะถึงถนนนอกเขต ช่างจี
ในรถหลิวซื้อชูใช้แผนที่แบบเก่าเพื่อนําทาง หลังจากดูเส้นทางอยู่นานเขาก็ชี้ไปทางซ้าย “ไป ตรงนั้น ขับต่อไปอีกประมาณแปดกิโลเมตร เราก็จะเจอพวกเขาแล้ว”
คนขับจึงเลี้ยวรถหลังจากได้ยินคําสั่งยางทั้งสี่ ติดตั้งโซ่ป้องกันการลื่นไถล ดังนั้นเขาจึงเหยียบคันเร่งและขับไปในทิศทางดังกล่าวอย่างไม่ยากลําบากนัก
หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที ในที่สุดรถทั้งสองก็มาถึงทางแยก
หม่าเหลาเอ่อนั่งตรงเบาะข้างคนขับ เหลือบมองไปข้างถนนก็เห็นว่ามีรถบรรทุกคนหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยน้ําแข็งและหิมะหนาเตอะ
“แกรึก!”
หม่าเหลาเอ่อก้มลงหยิบปืนพร้อมกับขึ้นนกเตรียมพร้อมยิง เขาสั่งอย่างรวบรัด “เอาปืนออกมาเตรียมไว้ และอยู่ในก่อนอย่าเพิ่งขยับ
ทุกคนฟังแล้วก็ปฏิบัติตาม
หม่าเหลาเอ่อผลักประตูรถก่อนรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของทางแยกในชุดแจ็กเกตหนังแกะหนา
เมื่อระยะห่างเริ่มใกล้เข้ามา ประตูรถบรรทุกก็เปิดออกในทันที ชายวัยกลางคนสวมเสื้อโค้ตทหารและสวมหมวกขนสัตว์ร้องคร่ําครวญด้วยใบหน้าซีดเซียว “มานี่เร็ว…”
หม่าเหลาเอ่อได้ยินดังนั้นจึงตกตะลึงก่อนจะถือปืนวิ่งเข้าไป
ในรถบรรทุกต้าฮ่วงกําลังนอนอยู่ข้างคนขับถือปืนในมือขวา ริมฝีปากของเขาแตกขณะสติกําลังเลือนราง
“หมอบลง!”
หม่าเหลาเอ๋อตะโกนใส่คนขับด้วยการจ่อปืน อีกฝ่ายจึงหมอบลงทันทีโดยเอาหัวแนบกับพื้น
ด้านหลังซื่อเหมารือถูกใส่กุญแจมือและถูกมัดเท้านอนอยู่บนเตียงแคบๆ ด้วยท่าทางทางอึดอัด เพราะเขาไม่สามารถพูดหรือเคลื่อนไหวได้ตามต้องการ
“เป็นไงบ้าง?!” หม่าเหลาเอ่อถามต้าฮั่วงอย่างเร่งรีบ
“ขอบคุณ…ฉันต้องขอบคุณคนขับคนนี้” หลังจากเห็นหม่าเหลาเอ่อต้าฮวงก็เริ่มวางใจ เปลือกตาเริ่มคล้อยลง เรี่ยวแรงถือปืนก็แทบไม่มี “ไม่มีเขา…เขายัง..ยังไม่มา”
หม่าเหลาเอ่อเห็นท่าที่อีกฝ่ายจึงหันกลับไปตะโกนกับทุกคน “มานี่! มาช่วยทางนี้หน่อย!”
ในรถสองคันที่อยู่ไม่ไกลหลิวจื้อชูและคนอื่นได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งลงไปทันที
หม่าเหลาเอ่อเก็บปืนไว้ข้างเอว ก่อนจะพยุงต้าฮ่วงแล้วลากเขาออกจากรถเพื่อจัดท่าทางอีกฝ่ายให้สบายที่สุด “บาดเจ็บมากไหม?”
ต้าส่วงได้แต่ก้มหน้าไม่ตอบอะไร
หม่าเหลาเอ่อเห็นท่าไม่ดี จึงเอื้อมมือไปแตะหน้าผากอีกฝ่ายก็พบว่าตัวร้อนฉ่าและยังหนาวสั่นอยู่
“คุณบาดเจ็บเหรอ?!” หลังจากหม่าเหลาเอ่อถามอีกครั้ง เขาก็ก้มไปตรวจสอบร่างของต้าช่วง แต่ไม่คิดว่าจะได้เห็นเลือดไหลนองออกมาบนพื้น
เลือดไหลออกมาจากกางเกงต้าฮ่วงนองกับพื้นน้ําแข็ง
หม่าเหลาเอ๋อจึงตัดสินใจเปิดขาต้าช่วงดู ก็พบว่าขาขวาอีกฝ่ายถูกพันด้วยผ้าก๊อซสกปรก ขาก็บวมมากเหมือนมีลูกแตงโมอยู่ในขาเขา
หลิวซื้อชูรีบวิ่งมา ดูอาการต้าฮ่วงพลางถามหม่าเหลาเอ่อ “เขาเป็นยังไงบ้าง?”
“อย่าเพิ่งขยับ”
หม่าเหลาเอ๋อเอื้อมมือไปปลดผ้าก๊อซที่ขาขวา ต้าส่วง เขาเพ่งมองเข้าไปใกล้มากขึ้น บาดแผลนั้นเป็นหนองและถูกกระสุนขนาดเท่าวอลนัทเจาะเขาไป ผิวหนังโดยรอบก็กลายเป็นสีซีด
หลังจากอาเซียวและคนอื่นถูกจับ สิ่งแรกที่ต้าฮ่วงทําคือหยุดรถ เพราะเขาไม่รู้ว่ายังมีใครตามล่าพวกเขาหรือไม่ เขาจึงทุบประตูรถที่เชื่อมกับด้านหลังอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อซ่อนตัวอยู่ในนั้นนานกว่าสิบชั่วโมง
หากเป็นพวกอันธพาลคนอื่น อาจเลือกหนีไปทันทีที่รู้ข่าว พอเกิดเรื่องทุกอย่างก็จะยากสําหรับการขนส่งตัวประกันดังนั้นควรจะหนีไปจะดีกว่า
แต่ต้าช่วงไม่ได้ทําเช่นนั้น เขาคิดถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อสหาย และเขาไม่มีสิ่งต่อรองอื่นอีก แล้วนอกจากชื่อเหมาจ่อ
เขาจึงเลือกพาชื่อเหมารือข้ามเขตป้องกันของเมืองไปพร้อมกับพวกมือปืน
เขาไม่กล้าเดินบนถนนเพราะกลัวว่าอาจหลงทางบนถนนสายเล็กแบบนี้ได้ ต้าฮวงทําได้เพียงเดินข้ามหิมะมาด้วยความสิ้นหวัง เนื่องจากวิธีนี้สามารถซ่อนตัวได้ทุกเมื่อ พวกเขาสามารถเห็นอาคารที่โดดเด่นทั้งสองข้างของถนนได้ตลอดเวลา
ขณะเดินฝ่าทุ่งหิมะมากางเกงเขาก็เปียก เนื่องจากหิมะที่ละลาย ผ้าก๊อซจึงไม่สามารถกันความชื้นของหิมะเปียกชุ่มได้ บาดแผลก็เลยติดเชื้อ
บางที่ศรัทธาของเขาอาจไม่ใช่เพราะเงินหรือสถานะอะไร อาจเป็นเพียงความสัมพันธ์ที่ผสมปนเปและอยู่ร่วมกันมาตลอด เพราะถ้าไม่มีคนพวกนี้ เขาก็คงไม่เหลืออะไร
ดังนั้น ต้าฮวงจึงออกมาจี้รถบรรทุกส่งอาหารบนถนน และใช้โทรศัพท์ของคนขับติดต่อกับหม่าเหลาเอ๋อให้มารับ
กลางสี่แยก
แม้ว่าหม่าเหลาเอ่อจะไม่คุ้นเคยกับต้าส่วง แต่เขาเชื่อมั่นในตัวชายคนนี้ เขายืนขึ้นพลางหันไปตะโกนใส่หลิวซื้อชู “พาเขาขึ้นรถและล้างแผลให้เขาทันที! เราจะรีบกลับอย่างเร็วที่สุด”
“พี่ครับ คือผม..” คนขับที่หมอบลงกับพื้น ยกมือขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขาจะพูดอะไรสัก หน่อย
หม่าเหลาเอ่อก้มหน้าลง “นายไปส่งพวกเราในหนึ่งชั่วโมงแล้วฉันจะให้เงินห้าพันหยวน”
คนขับชะงัก
“นายต้องไปเดี๋ยวนี้เลย ได้ไหม?” หม่าเหลาเอ๋อตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ
คนขับมองหม่าเหลาเอ๋อพลางกัดฟันแน่น “ถ้างั้น…ได้ครับ”
ห้านาทีต่อมา
รถทั้งสองคันนั้นก็ออกตัวอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน
เฒ่าหลี่ก็รับโทรศัพท์ขณะนั่งในรถ “ฮัลโหล?”
“ลุง พวกนั้นกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว และซื่อเหมาจ่อยังไม่ตาย” เสียงหม่าเหลาเอ่อดังขึ้น
เฒ่าหลี่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอะไรสักอย่างกับอีกฝ่ายสองสามประโยค
ในห้องสอบสวน
หลังจากถูกทรมานไปกว่าครึ่งชั่วโมง ซี่โครงทั้งสองข้างดูเหมือนจะหักเกือบทั้งหมดแล้ว ความเจ็บปวดในใจทําให้ชายผู้มีประสบการณ์คนนี้ค่อยๆสิ้นหวัง
อาเซียวกําลังนอนอยู่บนพื้น หันมองประตูไม้ด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนที่เขาจะจ้องปืนในเอวของจ่าสิบเอกทางด้านซ้าย
เขาต้องการฆ่าตัวตาย
เขาไม่สามารถแบกรับมันได้อีกต่อไป
อาเซียวเหงื่อตก ก่อนเงยหน้าขึ้นตะโกนด้วยเสียงแหบแห้ง “อย่า…พอแล้ว ฉันยอมแล้ว”
หลี่จู่ปาดเหงื่อบนหน้าผากพลางถาม “จริงเหรอ?! จะพูดแล้วใช่ไหม?
อาเซียวเซียวพยักหน้า “งั้นฉันขอบุหรี่สักมวนก่อนได้ไหม?”
“พยุงเขาขึ้นมา” หลี่หยวนจือโบกมือออกคําสั่ง
หลังได้ยิน และทหารหนุ่มสองคนถัดจากเขาเอื้อมมือไปช่วยพยุงอาเซียวขึ้นมา
“พลั่ก!”
อาเซียวโหม่งคางของคนด้านซ้ายเต็มแรง ก่อนอีกฝ่ายจะล้มลงไป
“แกทําบ้าอะไรวะ?!”
เสียงตะโกนดังขึ้นในห้อง
มืออาเซียวที่ถูกพับไว้ข้างหลัง เขาจึงทําได้เพียงใช้ตัวกดคู่ต่อสู้ไปด้านข้างและค่อยๆ แตะคลําหาปืนบริเวณเอวของอีกฝ่าย
“เวรเอ๊ย!”
ดวงตาของหลี่ฉ่แดง… เขายกม้านั่งขึ้นมาหมายจะฟาดลงไป
“แอ๊ด!”
ขณะนั้นเองประตูไม่ในห้องสอบสวนถูกดึงเปิด ชายวัยกลางคนที่มียศพันเอกตะโกนอย่างดุดัน “พอได้แล้ว”
หลี่จู่หันกลับมาเห็นพันเอก เขาก็ตกใจ “พันเอก?!”