Special District 9 เขตพิเศษที่ 9 - ตอนที่ 292 ใจของใครกําลังละลาย
ตอนที่ 292 ใจของใครกําลังละลาย
“ยังจะขยับอีกเหรอ? ถ้าขยับอีกฉันตัดขาแกทิ้งแน่!”หลินเหนียนเล่ยกัดฟันอยู่บนเตียงพลางด่าอย่างดุเดือด
“แม่งเอ๊ย!”
ฉินอวี่ตกใจจนสะดุ้งถอยหลังไปแล้วขาข้างที่เป็นตราบาปจึงอยู่ไม่สุข “เป็นอะไรอีกเนี่ย?”
หลินเหนียนเล่นพลิกตัวก่อนจะขมวดคิ้ว “ปวด หัวจัง”
“ละเมอสินะผมก็นึกว่าเคลียร์คดีเสร็จแล้วซะอีก?!”ฉินอวี่ถึงกับโล่งอก เมื่อเห็นหน้าของเล่ยเล่ยแดงขึ้นเรื่อยๆจึงเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของเธอ
หัวของเธอร้อนฉ่า
“นี่เนี่? ตื่นๆ” ฉินอวี่ยื่นมือไปสะกิดไหล่ของเล่ยเล่ย“บ้านคุณมียาลดไข้ไหม?”
“อย่ามายุ่งกับฉัน” หลินเหนียนเลยหันตูดเข้าใส่ก่อนจะปัดมือฉันอวออก
“ผมอยากจะยุ่งกับคุณมากเลยล่ะแต่ร่างกายไม่อํานวยน่ะสิ”ฉินอวี่หมดคําจะพูด“ในบ้านมียาสามัญบ้างไหม?”
หลิงเหนียนเล่ยคงหนาวมากเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มจากนั้นก็ขดตัวอยู่ในผ้าห่มเหมือนแมวน้อย
ฉินอวี่ยื่นมือไปแตะหน้าผากของหลินเหนียนเล่นอีกครั้งก่อนจะก้มหน้ามองดูนาฬิกาตรงข้อมือจึง รีบคว้าเสื้อกันหนาวแล้วเดินออกจากห้องไปทันที
ค่ําคืนที่มืดมิด
ฉินอวี่ขับรถไปยังถนนเถ้าธุลี เคาะประตูร้านขายยาสองถึงสามบ้านถึงจะหาซื้อยาแก้หวัดลด ไข้ได้
กลับมาถึงบ้านของเล่ยเล่ยอีกครั้งฉินอวี่ต้มน้ําเดือดก่อนจะเอาขวดยาน้ําไปจ่มไปในด้วยน้ําร้อนจากนั้นจึงประคองหัวของเธอขึ้นก่อนจะค่อยๆป้อนที่ละนิด
“อย่า…อย่ายุ่ง..มันขมเกินไปแล้ว…” เลยเล่ย ปฏิเสธอย่าสะลึมสะลือ
“ดื่มอีกหน่อยแล้วกลืนลงไป”ฉินอวี่บังคับให้เธอดื่มยาก่อนจะให้ดื่มน้ําเปล่าตามลงไป
พอจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วเวลาก็ประมาณตีสี่ตีห้าแล้วเมื่อฉินอวี่ดูเวลาแล้วก็เห็นว่าตัวเองไม่มีเวลานอนเหลือแล้วฉะนั้นจึงไปตลาดและซื้ออาหารเช้ามานั่งกินที่บ้านเล่ยเลยสักหน่อยแล้วตั้งใจเหลือของอุ่นๆเอาไว้ข้างไมโครเวฟ
ฟ้าสว่างแล้ว
ฉันอวอาบน้ําอุ่นในห้องของเล่ยเล่ยเสร็จก็ออกจากบ้านไปอย่างเร่งรีบและบังเอิญเจอกับเจ้าของบ้านเลขที่แปดสิบแปด
ทั้งสองสบตากันอยู่นานหญิงสาวมองฉินอวีด้วยแววตาแปลกๆ แล้วก็เหล่มองไปที่บ้านของ หลินเหนียนเล่ยด้วยแววตาเป็นประกายขึ้นทันที
“พี่ ทําไมตื่นเช้าจังล่ะ?” ฉินอวี่กล่าวทักทายเธ อก่อน
สาวเจ้าของบ้านยิ้ม“อ้าว!น้องชายงานเรียบร้อยแล้วเหรอ?!”
ฉินอวี่ได้ยินจึงนิ่งไปสักพักจากนั้นก็ทําตัวไม่ถูก
“ลงมือเร็วดีนี่!”สาวเจ้าของบ้านเอ่ยปากชมก่อนจะหัวเราะแล้วเดินจากไป
ฉินอวี่มองดูแผ่นหลังของอีกฝ่ายและท่าทางก็ยังไม่รู้จะพูดอะไรอยู่เหมือนเดิม“ก็เร็วดีนะซื้อยาเร็ว”
พูดจบฉินอวี่ก็กลับไปที่บ้านของตัวเองเพื่อเอาของนิดหน่อยแล้วกลับไปที่หน่วยทันที
ในห้องทํางานของกองกํากับการ
หน้าตาแมวเฒ่าไร้ความรู้สึกและนั่งเหม่ออยู่บนเก้าอี้
ฉินอวี่เดินเข้ามาแล้วเหลือบมองเขา“เหอะๆบรรยากาศดูแปลกๆ นะ”
“อย่าพูดถึงได้ไหม? เสี่ยวมไม่ได้ดื่มหนักแต่แรกแล้วเธอตั้งใจหลอกฉัน”แมวเฒ่าส่ายหน้า“ฉันถอดเสื้อผ้าหมดแล้วด้วยเธอบอกเธอต้องการจะลองใจฉัน”
“ทดสอบอะไร?”
“เธอบอกให้ฉันไปซื้อข้าวให้ก่อนเที่ยงคืนพอหลังเที่ยงคืนก็ดูหนังเอวีกับฉันแล้วกลับบ้าน ไป”แมวเฒ่ากัดฟัน
“ใจดํา!” ฉินอวี่พยักหน้าอย่างหมดคําพูด
“ไม่ใช่ว่าไม่น่าเชื่อถือหรอก แต่นายให้ความรู้สึกเหมือนว่าพอเห็นผู้หญิงก็จะถอดกางเกง ทันทีอะไรทํานองนั้น”ฉินอออกความเห็นตามจริง“ฉะนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะทดสอบนาย”
“ยังไงฉันก็จะจัดการเธอไม่ช้าก็เร็วแน่นอน”แมวเฒ่าพูดอย่างเคียดแค้นก่อนจะเอ่ยปากถาม“แล้วทางฝั่งนายล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”
ฉินอวี่ครุ่นคิดอยู่นาน “ทุกอย่างอยู่ในกํามือแล้ว ล่ะ”
“เรียบร้อยแล้วเหรอ?”
“เปล่าหรอก เมื่อคืนเธอไม่สบายน่ะ ฉันเลยไปซื้อยาให้เธอ”
“ก็ยังดีกว่าดูเอวีน่า!” แมวเฒ่าส่ายหน้าพลางยืนขึ้นก่อนจะตบไปที่ไหล่ของฉินอวี่“มาพยายามไปด้วยกันเถอะ!!”
“ปลอบใจกันเองดีกว่า”
เวลาสิบโมงเช้า
หลินเหนียนเลยตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหัวเอามือนวดขมับและรู้สึกว่าหน้าผากของตัวเองร้อนอยู่หน่อยๆ จากนั้นหาวพลางลุกจากเตียงแต่พอก้มหน้ามองดูก็เห็นว่าตัวเองสวมแค่ชุดชั้นในเท่านั้น
“ให้ตายเถอะ!” หลินเหนียนเลยตะโกนด่าพร์อมกวาดสายตามองไปรอบๆจึงเห็นว่าตรงหัวเตียงมีถุงยาวางอยู่แล้วข้างล่างก็มีแผ่นกระดาษอยู่ด้วย
หลินเหนียนเลยยกถุงยาขึ้นก่อนจะหยิบกระ ดาษขึ้นมาและเห็นว่ามีตัวหนังสือทุเรศๆเต็มไป
หมด
“เมื่อคืนคุณเป็นไข้ ตื่นเช้ามาก็อย่าลืมกินยาด้วยล่ะ ออ!ยานั่นให้กินหลังอาหารนะแล้วก็ตรงข้างไมโครเวฟมีอาหารเช้าอยู่อย่าลืมอุ่นด้วยล่ะ”
หลินเหนียนเลยอ่านโน้ตเสร็จจึงถอนหายใจยาวก่อนจะลงจากเตียงแล้วเดินไปยังข้างไมโครเวฟก็มองดูอาหารเช้าและมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว“ไอ้ปื้อนี่จีบฉันอีกแล้ว
”
เปิดกล่องอาหารเช้าและวางเข้าไปในไมโคร เวฟเสร็จหลินเหนียนเลยจึงหันตัวมองแสงแดดที่ ลอดผ่านเข้ามาในห้องรวมถึงบ้านของฉินอวี่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะฮัมเพลงด้วยอารมณ์เบิกบาน“ใจของใครกําลังละลาย!”
เวลาผ่านไปเร็วมาก อีกเดี่ยวศพของหยางหนานก็จะถูกเผาแล้ว
กลางวันของวันนี้ ในกองทัพหนึ่งย่านหนานหยางเว่ยจือกําลังเคลียร์หนี้สินที่ติดค้างข้างนอก อยู่
“แอ๊ด!”
ประตูห้องถูกเปิดออก ตอนนี้หวังหงผู้เป็นหมาตัวท็อปของเปียเตอหยงกําลังพาคนอีกสี่คนเดิน เข้ามา
“อ้าว! พี่หวัง” เว่ยจือเงยหน้าขึ้นทักทายอีกฝ่าย
หวังหงหันหน้ามองเว่ยจือแล้วพยักหน้า“ยุ่งอยู่เหรอ?”
“ใช่ กําลังเคลียร์บัญชีข้างนอกอยู่น่ะ”
“ขอรบกวนเวลานายหน่อยสิ”
“พี่ว่ามาเถอะ” เว่ยจือวางบัญชีลง
“เช้าวันนี้ฉันดูรายรับรายจ่ายของพวกนายแล้วทั้งหมดน้อยกว่าทางหนิวเงินมากกว่าห้าสิบเปอร์ เซ็นต์เลยล่ะ”หวังหงนั่งอยู่บนเก้าอี้พลางพูดอย่างไม่พอใจ“คนของพวกนายก็มีไม่น้อยมีสัมพันธไมตรีด้วยทําไมถึงขายสินค้าได้แค่นี้ล่ะ?”
เว่ยจือนิ่งไปสักพักก่อนจะขมวดคิ้ว “ทางแนวป้องกันร่วมปล้นสินค้าจากฉินอวี่ไปไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้พวกเขาก็กําลังกระจายออกไปข้างนอกด้วยอีกอย่างราคาก็ต่ําอีกด้วย แบบนี้มันก็ต้องก ระทบกับตลาดของเราอยู่แล้วสิ
“แล้วทําไมถึงไม่กระทบฝั่งของฉันล่ะ?” หวังหงามอย่างไม่อ้อมค้อม
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน” เว่ยจือตอบกลับอย่างไม่พอใจ
“เว่ยจือ งานนี้ฉันไม่ได้โทษนายหรอกนะ”หวังหงครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะเทศนาด้วยสีหน้าที่ไม่ ค่อยดีนัก“ตอนนี้พี่เปี่ยให้ทุกคนทุ่มเทกายใจไปที่การขายยาและทุกคนก็ต้องทํางานหนักไปด้วยกัน”
“คนของฉันวิ่งวุ่นอยู่ในตลาดทุกวัน ทั้งกลางวันและกลางคืนวิ่งอยู่สามรอบโดยไม่มีการพักงั้นนายนายบอกฉันหน่อยว่าฉันต้องทํางานหนักกว่าเดิมยังไงอีกดี?ต้องให้พวกลูกน้องของฉันไปขายยาให้คนป่วยถึงบ้านเลยไหม?”เว่ยจือพูดบ่น
“เดี๋ยวนะ เราก็แค่คุยงานกันแล้วพี่มาคุยเรื่องสัพเพเหระกับฉันทําไมเนี่ย?”
“ฉันคุยเรื่องสัพเพเหระตรงไหน?”เว่ยจือจ้องหวังหงตาเขม็ง“ใครไม่รู้ว่าการขายยามันได้เงินดี?ถ้าเราขายได้เยอะขึ้นฉันจะไม่ดีใจเหรอ?”
“เดี๋ยวนะ เดี๋ยวนี้ฉันพูดอะไรหน่อยไม่ได้เลยใช่ไหม?”หวังหงยืนขึ้น“ตอนนี้พวกนายไม่ฟังคําสั่งกันแล้วใช่ไหม?”
ในสถานีตํารวจ
“ฮัลโหล?” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่ฉินอวี่กําลังเดินขึ้นบันได
“นายมีอะไรเหรอ?”เสียงทุ่มต่ําของชายหนุ่มในโทรศัพท์ดังขึ้น
ฉินอวนิ่งไปก่อนจะยิ้มพลางถาม“พี่เซียวเหรอ?”